เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1577 เลือดย้อมเสื้อตัวใน + ตอนที่ 1578 โกรธเกรี้ยว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1577 เลือดย้อมเสื้อตัวใน + ตอนที่ 1578 โกรธเกรี้ยว
ตอนที่ 1577 เลือดย้อมเสื้อตัวใน + ตอนที่ 1578 โกรธเกรี้ยว
ตอนที่ 1577 เลือดย้อมเสื้อตัวใน
เห็นพวกเขาถอยไป กวนสีหลิ่นยังคิดจะถอนรากถอนโคนศัตรู แต่เฟิ่งจิ่วกลับห้ามไว้ก่อน
“ท่านพี่ อย่าตามไปเลย” เธอจ้องพวกคนชุดดำที่หนีไปพร้อมกับบาดแผลด้วยแววตาลึกซึ้ง คนหลายสิบคนก่อนหน้าเหลือเพียงไม่ถึงสิบคนหนีไปในสภาพบาดเจ็บสาหัส ครั้งนี้พวกเขาบาดเจ็บเสียหายหนักมากแล้ว น่าจะไม่มาสร้างปัญหาให้เธอไปอีกสักพัก
แต่ทว่า การลอบสังหารครั้งนี้ ใครเป็นคนส่งมากันแน่? เธอไปล่วงเกินใครที่นี่ไว้อย่างนั้นหรือ?
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา เงาร่างของใครคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมา เพียงแต่ยังไม่ค่อยมั่นใจนัก
“คุณชายเฟิ่ง ท่านบาดเจ็บ อาการหนักหรือไม่?” เจ้าเมืองต้วนเดินเข้ามาถาม สำหรับเรื่องที่เฟิ่งจิ่วต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินสามคนด้วยตัวคนเดียว ถึงจะไม่รู้ว่าพวกเขาสู้กันอย่างไรข้างในนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งจิ่วเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นั่นทำให้เขาตกตะลึงและคาดไม่ถึง เดิมทีเขานึกว่าเฟิ่งจิ่วมีเพียงวิชาแพทย์ กลับไม่นึกว่าจะมีพลังต่อสู้ที่น่าทึ่งขนาดนี้ อีกทั้งเขายังเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุดอีกด้วย
ทั้งที่ยังไม่ใช่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน กลับสามารถรับมือกับผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินพร้อมกันหลายคนได้ พลังต่อสู้เช่นนี้เรียกได้ว่าน่ากริ่งเกรงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่เป็นไร” เธอชำเลืองมองแผลบนตัว “แค่แผลเล็กๆ เท่านั้น” เธอหันไปมองเจ้าเมืองต้วนกับผู้นำตระกูลเมิ่ง แล้วพูดอย่างขอโทษ “สร้างความลำบากให้พวกท่านแล้ว”
“คุณชายเฟิ่งกล่าวหนักเกินไปแล้ว เป็นพวกข้าที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยต่างหาก” ทั้งสองรีบตอบ
“กลับไปทำแผลกันก่อนเถิด!” กวนสีหลิ่นที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งพูดแทรก แล้วหันไปบอกเจ้าเมืองต้วน “ท่านเจ้าเมือง ข้าพาเขากลับจวนก่อน”
“ได้ๆ ข้าจะให้คนคุ้มกันพวกท่านกลับไป” เจ้าเมืองเพิ่งจะพูดจบ กวนสีหลิ่นก็โบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องแล้ว มีข้าคอยคุ้มกันก็พอ” กล่าวจบ ก็พาเฟิ่งจิ่วจากไป
เจ้าเมืองต้วนกับผู้นำตระกูลเมิ่งมองดูเขาถือดาบที่ยังอาบเลือดหมุนตัวพาเฟิ่งจิ่วเดินจากไป ก็อดหันไปมองศพของผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินสองคนที่ขาดเป็นสองท่อนไม่ได้ ภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดนั้น ทำให้ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะพร้อมใจกันกลืนน้ำลาย
ก็จริง มีเขาคอยคุ้มกัน กอปรกับพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งเกินคนธรรมดาของเฟิ่งจิ่ว ยังต้องให้พวกเขาคุ้มกันอีกเสียที่ไหน?
เฟิ่งจิ่วกับกวนสีหลิ่นจากไป เจ้าเมืองต้วนอยู่ต่อเพื่อช่วยจัดการศพ จากนั้นก็พาท่านพ่อของเขากลับจวน
ส่วนปราชญ์โอสถสองคนที่หาเรื่องเฟิ่งจิ่วก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าหลบหายไปที่ใดแล้ว พวกเขาไม่กล้าโผล่หน้ามาอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักเล่นแร่แปรธาตุและนักปรุงยาพวกนั้นเลย
เกิดเรื่องการลอบสังหารขึ้น พวกเขาคิดเพียงว่าไม่ถูกซักไซ้ไล่เรียงก็ดีแล้ว ยังจะมัวสนใจเรื่องอื่นอีกเสียที่ไหน?
โชคดีที่เฟิ่งจิ่วไม่คิดจะเอาเรื่องพวกเขา เพียงมองข้ามพวกเขาไป ส่วนเจ้าเมืองต้วนเห็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่คิดจะไปกล่าวถึงอีก ถึงอย่างไรสองคนนั้นก็เป็นปราชญ์โอสถ อย่างไรก็ต้องไว้หน้าพวกเขาสักหน่อย
กระทั่งเห็นพวกเขากลับไป และเห็นว่าศพบนพื้นถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่พื้นดินที่ถูกเลือดย้อม และกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลไปทั่ว ยังคงวนเวียนอยู่ในจมูกของพวกเขา ไม่อาจลืมเลือนไปอีกนาน และทำให้พวกเขาไม่อาจสงบใจได้…
ครั้นกลับถึงจวน กวนสีหลิ่นส่งเฟิ่งจิ่วถึงห้อง สั่งให้เธอถอดเสื้อตัวนอกออกเพื่อตรวจสอบบาดแผล เมื่อเธอถอดเสื้อสีแดงตัวนอกออก แล้วเห็นข้างในถูกย้อมจนแดงฉานไปหมด นัยน์ตาของเขาหดเล็กลง
“เหตุใดเลือดไหลเยอะเช่นนี้?” เพราะเดิมทีก็สวมชุดสีแดงอยู่แล้ว เขาจึงนึกว่าเป็นแผลเล็กๆ กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีเลือดไหลเยอะขนาดนี้
“ไหล่ข้าถูกฟันหนึ่งดาบ ดาบนั้นค่อนข้างลึก แผลอื่นไม่เท่าไร” เธอยิ้มๆ เพียงแต่น้ำเสียงฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย
………………………………….
ตอนที่ 1578 โกรธเกรี้ยว
“เจ้านอนบนเตียงอย่าขยับ ข้าจะทายาและพันแผลให้เจ้า” เขาพูดเสียงเข้ม พลางหยิบยาห้ามเลือดขึ้นมา แต่กลับถูกเธอห้ามไว้ก่อน
“ท่านพี่ ไม่ต้อง ท่านออกไปก่อน ข้าทำแผลเองได้” เธอบอกเสียงเบา นั่งขัดสมาธิบนเตียง พลางหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากห้วงมิติแล้วกิน
ได้ยินอย่างนั้น เขาขมวดคิ้ว “เจ้าบาดเจ็บอย่างนี้จะรักษาเองได้หรือ? ต้องทายาเดี๋ยวนี้ หรือไม่อย่างนั้นข้าไปเรียกแม่นางน้อยคนนั้นมาทายาให้เจ้าดีหรือไม่”
เขานึกว่าเธอบาดเจ็บที่ไหล่จึงไม่สะดวกให้เขาทายาให้ จึงลุกขึ้นจะเดินออกไปข้างนอก ตั้งใจจะไปเรียกต้วนอิ๋งอิ๋งมา
เฟิ่งจิ่วดึงมือเขาแล้วส่ายหน้า “เปล่าหรอก ข้ามีวิชาหนึ่งที่สามารถรักษาตนเองยามบาดเจ็บได้ ทายาอะไรก็ไม่หายเร็วเท่าวิชานี้ของข้า ท่านอย่ามัววุ่นวายอยู่อีกเลย ออกไปเฝ้าหน้าห้องข้าไว้ก็พอ อย่าให้ใครมารบกวนข้า”
ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ กวนสีหลิ่นไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เห็นเธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก เพียงรับคำ “ได้ เช่นนั้นหากเจ้ามีอะไรก็เรียกข้าก็แล้วกัน ข้าอยู่ข้างนอกนี้”
หลังกำชับเสร็จ เขาก็ออกจากห้องไปเฝ้าหน้าประตู
ส่วนต้วนอิ๋งอิ๋งที่ได้ยินว่าพวกเฟิ่งจิ่วกลับมาแล้ว เวลานี้เดินมาถึงหน้าห้องเฟิ่งจิ่ว เห็นกวนสีหลิ่นยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น อีกทั้งบนตัวยังเปื้อนคราบเลือด ก็อดหน้าซีดไม่ได้ ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พี่ชายกวน เหตุใดบนตัวท่านมีเลือด? เฟิ่งจิ่วเล่า?”
แม้จะดื่มยาน้ำที่เฟิ่งจิ่วให้นางแล้ว แต่เสียงของนางก็ยังคงแหบแห้งอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างนั้น นางก็ยังเปล่งเสียงพูดชัดเจน ทำให้ฟังเข้าใจได้
กวนสีหลิ่นมองนางแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “พวกข้าเจอเรื่องอะไรนิดหน่อย สังหารคนไปหลายคน แต่นางได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ข้างใน เจ้ากลับห้องไปก่อนเถิด!”
“เฟิ่งจิ่วไม่เป็นไรกระมัง? ร้ายแรงมากหรือไม่?” นางถามอย่างไม่วางใจนัก
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วง” แม้เขาจะพูดอย่างนี้ แต่ครั้นนึกถึงเสื้อตัวในสีขาวที่แดงเพราะถูกย้อมด้วยเลือด ก็กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ใครกันแน่ที่คิดจะฆ่านาง? ยังส่งผู้แข็งแกร่งมามากมายขนาดนั้นอีก ดูท่า คงคิดจะสังหารนางให้ได้! คนคนนี้กล้าแตะต้องน้องสาวของเขา เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่!
ต้วนอิ๋งอิ๋งยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังมา อีกทั้งตอนนี้กวนสีหลิ่นก็หันมองไป ด้วยเหตุนี้ นางจึงหันไปมองตาม
เห็นท่านพ่อและน้องสาวของนางเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าร้อนใจ ครั้นเห็นพวกเขา นางขบริมฝีปากเบาๆ ยืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
“สหายกวน อาการบาดเจ็บของคุณชายร้ายแรงหรือไม่? ต้องการให้หมอในจวนมาดูหน่อยหรือไม่?” เจ้าเมืองต้วนถามไถ่
“เขาบาดเจ็บแล้วเหตุใดเจ้ายืนอยู่ข้างนอก? ไม่ต้องช่วยทำแผลหรือ? เจ้าเป็นตอไม้หรือ? ถึงได้ยืนบื้ออยู่ตรงนี้!” ต้วนหลินหลินด่ากวนสีหลิ่นอย่างไม่ไว้หน้า พลางก้าวเข้าไปหมายจะผลักประตูเข้าไปดู นึกไม่ถึงเพิ่งจะเดินเข้าไปได้ไม่ถึงสองก้าว ก็ถูกกระชากคอเสื้อโยนร่างออกไปก่อน
“ไสหัวไป!”
กวนสีหลิ่นที่ใบหน้าเคร่งเครียดคำรามเสียงต่ำ เสียงตวาดดังลั่นดุจเสียงฟ้าผ่า กระแทกหัวใจของต้วนหลินหลิน ทำให้นางอับอายจนกลายเป็นโกรธ
“เจ้ากล้าทำอย่างนี้กับข้าหรือ! ข้าเป็นบุตรีของเจ้าเมืองเชียวนะ! เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ!”
“เสี่ยวหลิน ถอยไป!”
เจ้าเมืองต้วนเองก็รู้สึกว่าพฤติกรรมของกวนสีหลิ่นไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ก็รู้ดีว่าเขาคงอารมณ์ไม่ดีที่เห็นเฟิ่งจิ่วบาดเจ็บ ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าตำหนิ เพียงแต่หันมาติเตียนลูกสาวของตนเองแทน
“ท่านพ่อ! ท่านช่วยคนนอกกลับไม่ช่วยข้า!” นางถลึงตาจ้องหน้ากวนสีหลิ่น ลึกๆ ข้างในนึกน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาสองข้างแดงก่ำ
………………………………….
————————————–