เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1593 คำนับอาจารย์ + ตอนที่ 1594 พบกันอีกครั้งที่ภูผาสวรรค์
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1593 คำนับอาจารย์ + ตอนที่ 1594 พบกันอีกครั้งที่ภูผาสวรรค์
ตอนที่ 1593 คำนับอาจารย์ + ตอนที่ 1594 พบกันอีกครั้งที่ภูผาสวรรค์
ตอนที่ 1593 คำนับอาจารย์
ภายใต้แสงสว่างยามค่ำคืน นั่นเป็นสตรีงดงามในชุดสีแดงผู้หนึ่ง ทั่วกายเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าดึงดูดแบบผู้ใหญ่ อายุราวสามสิบปี แต่อายุจริงๆ เท่าไรนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ
นางยืนพิงอยู่ข้างต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล มองต้วนอิ๋งอิ๋งที่มีสีหน้าแตกตื่นอยู่อย่างนั้น เห็นนางตะลึงงัน ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย จึงกระดกมุมปากถามว่า “ตายแล้วหรือ?”
ต้วนอิ๋งอิ๋งรู้สึกเพียงเรี่ยวแรงทั่วร่างถูกสูบออกไปหมด ความหวาดกลัวจากเบื้องลึกของจิตวิญญาณทำให้นางตัวอ่อนไปหมด นางทรุดนั่งลงไปหอบหายใจบนพื้น
นาง นางฆ่าคนไปแล้ว? ไม่นึกเลยว่านางจะฆ่าคน?
สาวงามในชุดแดงเห็นนางตัวอ่อนล้มนั่งบนพื้นด้วยใบหน้าซีดขาว กลับไม่ถามอะไรอีก เพียงค่อยๆ สาวเท้าเข้ามา เปิดม่านหน้าต่างรถม้าชำเลืองมองเข้าไปข้างใน หลังจากมั่นใจว่าคนขับรถม้าตายแล้ว จึงบอกว่า “โลกก็เป็นเช่นนี้ ชินเมื่อไรก็จะดีเอง”
นางปล่อยม่านหน้าต่างรถลง แล้วนั่งบนรถม้ามองต้วนอิ๋งอิ๋งที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้น ยิ้มบอกว่า “แม่หนูน้อย ข้าว่าเจ้าอย่าไปหาพี่ชายเจ้าเลยดีกว่า สภาพอย่างเจ้า เดาว่าไปได้ครึ่งทางก็คงเกิดเรื่องอีก ไม่แน่อาจรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าออกมาคราวนี้ขาดลูกศิษย์คอยรับใช้ข้างกายพอดี เจ้าคอยติดตามรับใช้ข้าก็แล้วกัน!”
ตั้งแต่ที่ ทั้งสองคนนี้จอดรถม้ากลางทาง นางก็พักอยู่บนต้นไม้ และได้ยินบทสนทนาของแม่หนูน้อยคนนี้และคนขับรถม้าแล้ว แน่นอนว่านางเห็นคนขับรถม้าเกิดความคิดชั่วด้วยเช่นกัน เพียงแต่แม่หนูน้อยคนนี้กลับยังไม่รู้ตัวสักนิดว่าตนเองถูกคนหมายตาแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอีกครั้ง นางที่เดิมทีควรจากไปตั้งนานแล้วกลับรั้งอยู่ต่อ เห็นคนขับรถม้าย่องเข้าไปในรถม้าของแม่หนูน้อยคนนั้น และได้ยินเสียงนางร้องขอความช่วยเหลือ แต่หากยังไม่ถึงที่สุดนางก็ไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วย
โลกใบนี้ก็เป็นอย่างนี้ ต้องเจอเรื่องเดือดร้อนหน่อยถึงจะได้รับบทเรียน
แต่สุดท้ายแม่หนูน้อยคนนั้นก็ไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง กลับสังหารคนขับรถม้าด้วยตนเอง ดูท่ายังไม่ถึงขั้นไร้หนทางเยียวยา
ร่างกายของต้วนอิ๋งอิ๋งสั่นเทา นางกระชับเสื้อผ้าบนกายที่ถูกฉีกทึ้งจนขาด เงยหน้ามองหญิงงามตรงหน้า แล้วถามว่า “ทะ ท่านเป็นใคร?” เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น กับคนไม่รู้จักนางล้วนต้องระแวงไว้ก่อน โดยเฉพาะกับหญิงงามชุดแดงที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดคนนี้
“ข้ามาจากสำนักใหญ่ เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ข้าไว้ใจได้กว่าคนขับรถม้าคนนั้นแน่นอน” หญิงงามชุดแดงหัวเราะเบาๆ ม้วนปอยผมสีหมึกเล่น “แม่หนูน้อย ข้าพอใจเจ้าถือว่าเป็นบุญของเจ้าแล้ว เจ้ายังมีอะไรให้ลังเลอีก?”
มองดูหญิงงามชุดแดงตรงหน้า ต้วนอิ๋งอิ๋งครุ่นคิด สุดท้ายก็ลุกขึ้นแล้วคุกเข่าตรงหน้านาง โขกหัวสามครั้งอย่างนอบน้อม “ศิษย์ต้วนอิ๋งอิ๋ง ขอคารวะท่านอาจารย์”
“เด็กดี”
หญิงงามชุดแดงคล้ายพึงพอใจมาก เหลือบมองถุงฟ้าดินที่เอวนางอย่างดูแคลน จากนั้นก็หยิบกำไลเส้นหนึ่งยื่นให้นาง “ถุงฟ้าดินของเจ้าดูเก่าซอมซ่อจริงๆ รับกำไลนี่ไว้เถิด! ต่อไปก็ใช้สิ่งนี้ ถือเป็นของขวัญพบหน้าที่อาจารย์มอบให้เจ้า”
ต้วนอิ๋งอิ๋งประหลาดใจเล็กน้อย รับไปอย่างนอบน้อมแล้วเพ่งพินิจมอง ถามว่า “ท่านอาจารย์ สิ่งนี้ต้องกรีดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของหรือไม่เจ้าคะ?”
น้องสาวของนางมีกำไลห้วงมิติหนึ่งเส้น นางเองก็รู้ว่าสมบัติล้ำค่าประเภทนี้ต้องกรีดเลือดเพื่อสร้างพันธะสัญญา แต่กำไลเส้นที่ท่านอาจารย์มอบให้นางนี้ ดูเหมือนจะเป็นของดีกว่า สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ท่านอาจารย์ที่เพิ่งคำนับไปไม่นานคนนี้ก็มอบให้นางแล้ว
“อืม กรีดเลือดแล้วสวมไว้ที่ข้อมือ กำไลเส้นนี้เก็บของได้แล้วยังมีกลไกด้วย เจ้าค่อยๆ ฝึกใช้ไปเองก็แล้วกัน” หญิงงามชุดแดงบอก ม้วนปอยผมแล้วครุ่นคิด ยิ้มๆ “เหนือเจ้ายังมีศิษย์พี่อีกสามคน ศิษย์ใต้อาณัติข้าล้วนใช้อักษรจื่อทั้งนั้น เอาอย่างนี้! ต่อไปเจ้าใช้ชื่อจื่ออิ๋งก็แล้วกัน!”
………………………………….
ตอนที่ 1594 พบกันอีกครั้งที่ภูผาสวรรค์
ได้ยินอย่างนั้น นางเผยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกของค่ำคืนนี้ “จื่ออิ๋งขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ตั้งชื่อให้”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย แล้วไปกับข้า” นางพยักพเยิด สั่งให้จื่ออิ๋งเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ถูกฉีกทึ้งบนตัวเสียก่อน
“เจ้าค่ะ”
นางรับคำ ถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วหยิบเสื้อคลุมตัวใหม่ที่สะอาดสะอ้านออกมาสวม จากนั้นก็เดินไปหยิบหมอนหยกที่หล่นอยู่ข้างรถม้าขึ้นมาเช็ดให้สะอาด แล้วจึงค่อยตามอาจารย์ของนางจากไปท่ามกลางราตรี
ประมาณครึ่งเดือนต่อมา เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับพวกเฟิ่งจิ่วมาถึงตีนเขาภูเขาสวรรค์ ทอดมองออกไป เห็นแต่หิมะสีเงินปกคลุมไปทั่ว ไม่เห็นพืชสีเขียวแม้แต่น้อย
ภูผาสวรรค์มีอีกชื่อหนึ่งคือภูเขาหิมะ ในที่แห่งนี้ อากาศหนาวเย็นเสียดกระดูก แต่บนยอดเขาภูผาสวรรค์ กลับเป็นอีกดินแดนหนึ่ง
“ฮู่ว หนาวมาก” เฟิ่งจิ่วพ่นลมร้อนออกมา ถูฝ่ามือสองข้างแล้วพึมพำ
“ที่นี่หิมะตกทั้งปี อากาศหนาวกว่าที่อื่นหลายเท่า หากเจ้ารู้สึกว่าหนาวก็ขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างเถิด” ขณะพูด เขาดึงเธอไปโอบ แล้วใช้เสื้อคลุมกันลมห่อตัวเฟิ่งจิ่วเพื่อกันอากาศหนาวให้เธอ
ฮุยหลางกับอิ่งอีตามมาข้างหลัง ต่างก็ถูฝ่ามือเป็นระยะ “ที่หนาวๆ เช่นนี้ ผู้เฒ่าเทียนจีอยู่ไปได้อย่างไรกันนะ?”
อิ่งอีเหลือบมองฮุยหลางแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามีเขตอาคมอยู่? ผู้เฒ่าเทียนจีเป็นใคร? หากเขาวางเขตอาคม ก็ย่อมมองข้ามอากาศหนาวๆ นี้ไปได้ อีกอย่าง เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าที่ที่ผู้เฒ่าเทียนจีอยู่สี่ฤดูเหมือนวสันตฤดู?”
“โม่เฉินเหมือนจะอยู่ที่นี่ด้วย”
เฟิ่งจิ่วมองไปยังถนนภูเขาเบื้องหน้า จู่ๆ ก็โพล่งประโยคนี้ออกมา ไม่เห็นเลยว่าเพราะคำพูดที่พูดออกมาโดยไม่ใส่ใจของเธอเมื่อครู่ ทำให้ผู้ชายข้างกายหน้าบึ้งขึ้นมาทันทีเพราะความหึงหวง
“เจ้าหน้าอ่อนคนนั้นมีอะไรให้คิดถึงกัน” เขาบ่นอย่างไม่พอใจ สายตามองไปข้างหน้า เห็นเพียงท่ามกลางถนนภูเขาเส้นนั้นคล้ายมีเงาร่างหนึ่งเหยียบย่างบนหิมะเข้ามาอย่างไร้ร่องรอย
ครั้นเพ่งมอง ก็เห็นว่าคนคนนั้นก็คือเจ้าหน้าอ่อนที่เขาพูดถึง สีหน้าเขายิ่งไม่น่าดูกว่าเดิม
“เจ้าหน้าอ่อน?” เฟิ่งจิ่วชะงักงัน หันมองชายหน้าบึ้งข้างกาย แล้วยิ้มบอกว่า “ท่านหมายถึงโม่เฉิน? ไม่มีทาง! โม่เฉินมีบุคลิกสง่างามดุจเทพเซียน ใช่เจ้าหน้าอ่อนเสียที่ไหน”
สิ้นเสียง เห็นเขาจ้องมองไปข้างหน้า จึงเลื่อนสายตามองตามไป ครั้นเห็นเงาร่างสีขาว ก็อดดวงตาเป็นประกายไม่ได้ “โม่เฉิน!” เธอตะโกนเรียก แล้วโบกมือให้เขา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเพียงหญิงสาวข้างกายโผทะยานออกไปตรงหน้าโม่เฉินราวผีเสื้อ ยิ้มแฉ่งเหมือนดอกไม้ก็ไม่ปาน เขาเห็นแล้วรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก
ผู้หญิงคนนี้ ลืมไปแล้วหรือว่าเขาต่างหากที่เป็นผู้ชายของนาง? เขาอยู่ตรงนี้ยังเป็นถึงขนาดนี้ หากเขาไม่อยู่แล้วปล่อยให้พวกเขาสองคนอยู่กันตามลำพัง ยิ่งจะไม่…
นึกถึงตรงนี้ เขาสาวเท้าก้าวใหญ่ๆ เดินไปข้างหน้า หยุดยืนข้างกายเฟิ่งจิ่ว ยื่นมือโอบเอวเธออย่างเผด็จการ เพื่อแสดงออกถึงสิทธิ์ทั้งหมดของเขาโดยไร้เสียง
ฮุยหลางที่อยู่ข้างหลังเห็นภาพนี้ ก็อดฉีกยิ้มไม่ได้ “นิสัยเช่นนี้ของนายท่านช่างไม่เข้ากับบุคลิกของเขาจริงๆ พฤติกรรมหึงหวงเช่นนี้ไม่เหมาะจะเกิดขึ้นกับตัวเขาเลยสักนิด เสียภาพพจน์จริงๆ”
อิ่งอีที่อยู่ข้างๆ เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง บอกว่า “คราวหน้าหากนายท่านลงโทษเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องเสียภาพพจน์แล้ว” พูดจบ อิ่งอีก็เดินไปข้างหน้า
“อ้าว เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่านายท่านลงโทษข้าน้อยไปใช่ไหม? ใจแคบเสียจริง” ฮุยหลางบ่น แล้วเดินตามไปสมทบกับคนอื่นๆ ด้วย
………………………………….