เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1597 กลิ่นหึงหวงตลบอบอวล ตอนที่ 1598 เคราะห์กรรมเหล่านั้น
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1597 กลิ่นหึงหวงตลบอบอวล ตอนที่ 1598 เคราะห์กรรมเหล่านั้น
ตอนที่ 1597 กลิ่นหึงหวงตลบอบอวล / ตอนที่ 1598 เคราะห์กรรมเหล่านั้น
ตอนที่ 1597 กลิ่นหึงหวงตลบอบอวล
โม่เฉินนำทางพวกเขาไปถึงที่เรือนไม้ไผ่ แล้วบอกพวกเขาว่า “ที่นี่มีห้องหลายห้อง พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนเถิด! บนภูเขาอยู่กันอย่างเรียบง่าย พวกเจ้าถูไถไปก่อนก็แล้วกัน”
“ที่นี่ดีมาก ขอบคุณเจ้ามาก” เฟิ่งจิ่วยิ้มขอบคุณ เห็นที่นี่มีหลายห้อง ก็อดสงสัยไม่ได้ “ไหนว่าบนภูผาสวรรค์แห่งนี้มีเจ้ากับอาจารย์ของเจ้าแค่สองคนไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมีเรือนไผ่ที่มีหลายห้องอยู่ที่นี่ด้วย?”
โม่เฉินยิ้มอ่อนโยน อธิบายว่า “สหายของอาจารย์ข้ามักจะมาพักที่นี่เป็นระยะ เดิมทีเรือนไผ่เหล่านี้ก็เตรียมไว้ให้พวกเขา”
“ที่แท้ก็อย่างนี้เอง”
เธอพยักหน้า เดินเข้าไปในห้องหนึ่ง เห็นข้างในมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน เรียบง่ายงดงาม ก็อดยิ้มไม่ได้ ภูผาสวรรค์แห่งนี้มองจากข้างล่างก็เป็นเพียงภูเขาหิมะ ที่หนาวเหน็บไร้ชีวิตลูกหนึ่ง ทว่าเมื่อมาถึงข้างบนกลับกลายเป็นอีกดินแดนหนึ่ง ดินแดนที่ผู้เฒ่าเทียนจีอาศัยอยู่เพื่อหลีกหนีจากโลกภายนอก ไม่ธรรมดาดังคาด
“พวกเจ้าเดินเล่นบนเขาลูกนี้ได้ตามสบาย เพียงแต่จะให้ดีอย่าออกจากเขตอาคม นอกเขตอาคมมีค่ายกลและสัตว์ร้ายค่อนข้างเยอะ หากยังต้องการสิ่งใดเพิ่มอีก ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ” โม่เฉินบอก มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง แล้วค่อยขอตัวกลับไป
“โม่เจ๋อ ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าโม่เฉินยิ่งดูก็ยิ่งมีกลิ่นอายเทพเซียน? ท่านดูเงาร่างที่เสื้อขาวพลิ้วไหวเหยียบหิมะไร้ร่องรอยนั่นสิ ช่างเหมาะสมกับคำว่าเทพจุติจริงๆ” เฟิ่งจิ่วจ้องเงาร่างของโม่เฉินที่ห่างออกไป แล้วพูดกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างกายอย่างชื่นชม ราวกับไม่รู้ว่าคนข้างกายเมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้วหน้าบึ้งไปทันที
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองเงาร่างที่ห่างออกไป “เทพเซียนหรือ? ไม่รู้สึก มองอย่างไรก็เป็นเจ้าหน้าอ่อนคนหนึ่ง” พูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ เขาก็หมุนตัวเดินเข้าไปในเรือนไผ่
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี หันไปพูดกับฮุยหลางที่อยู่ข้างหลัง “เจ้าดูเวลานายท่านของเจ้าหึงหวงสิ สนุกดีใช่หรือไม่?”
ฮุยหลางยิ้มกว้าง รีบพยักหน้า “สนุกขอรับๆ ภูตหมอ มีแค่ท่านคนเดียวที่ทำให้นายท่านของข้าหึงหวงได้ เมื่อครู่ข้ายังพูดกับอิ่งอีอยู่เลยว่า พอนายท่านหึงหวงเมื่อใดก็ไม่เหลือภาพพจน์ปราดเปรื่องเผด็จการอีกเลย กลายเป็นคนออดอ้อน…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ตอนแรกเดินเข้าเรือนไผ่ไปแล้ว เดินออกมาด้วยสีหน้าอับอายระคนขุ่นเคือง สายตาคมปลาบแฝงแววโกรธเกรี้ยวตวัดมองมาที่เขา จนเขาตกใจไม่กล้าพูดต่ออีก ทำได้เพียงยิ้มแห้งประจบประแจง
“ฮะๆ นะ นายท่าน”
“เจ้าว่างมากหรือ? มีพลังเหลือล้นมากใช่หรือไม่? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปกวาดหิมะบนถนนภูเขาเส้นที่เราเดินมาให้สะอาด ไปเสีย!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“หา? นายท่าน ไม่ต้องกระมังขอรับ?” เขาทำท่าห่อเหี่ยว ถนนภูเขาเส้นนั้นยาวขนาดนั้น! หนำซ้ำข้างนอกทั้งหนาวและลมแรง ให้เขาไปกวาดถนนภูเขา เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับทนทุกข์ทรมานเลยน่ะสิ!
เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาขอร้อง หวังว่าเธอจะช่วยเขาพูดได้บ้าง
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเขาจ้องเฟิ่งจิ่ว ก็เอ็ดเสียงเย็น “มองนางทำไม? ยังไม่รีบไปอีก?”
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วหัวเราะเล็กน้อย เดินเข้าไปโอบแขนเซวียนหยวนโม่เจ๋อ แล้วเอาหน้าแนบแขนเขาอย่างออดอ้อน บอกว่า “อีกเดี๋ยวข้าจะหลอมยาสองอย่าง ให้ฮุยหลางอยู่เป็นลูกมือข้าเถิด!”
มองดูหญิงสาวเอาตัวอิงแอบเขาอย่างเอาอกเอาใจ เซวียนหยวนโม่เจ๋อสีหน้าอ่อนลง น้ำเสียงอ่อนโยนลงหลายส่วน “อิ่งอีก็ยังอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“ฮุยหลางเคยเป็นลูกมือให้ข้า เขาคล่องมือกว่า” เธอยิ้มตาหยีแล้วบอก แล้วยังกระพริบตาให้ฮุยหลางด้วย
………………………………….
ตอนที่ 1598 เคราะห์กรรมเหล่านั้น
“ใช่ขอรับๆ ข้าคล่องมือกว่า คล่องมือกว่า” ฮุยหลางรีบพูดเสริม แล้วหันไปยิ้มให้อิ่งอีที่อยู่ด้านหนึ่ง
เห็นอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่พูดอะไรอีก เพียงโอบเฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปในเรือนไผ่ “เจ้าเดินทางเหนื่อยมาตลอดเส้นทางแล้ว พักก่อนแล้วค่อยไปหลอมยา”
“ฮู่ว ตกใจหมด โชคดีที่มีภูตหมออยู่ ภูตหมอเป็นดาวพิฆาตของนายท่านจริงๆ” ฮุยหลางตบหน้าอกตนเองแล้วถอนหายใจยาวๆ รู้สึกราวกับเพิ่งพ้นเคราะห์กรรมมา
อิ่งอีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร เพียงยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกล
ในอีกด้าน โม่เฉินที่กลับไปแล้วไปหาผู้เฒ่าเทียนจีที่เรือนของเขา ถามว่า “ท่านอาจารย์ พวกเขายังต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมอะไรอีกหรือขอรับ? ไม่มีหนทางช่วยบรรเทาได้เลยหรือ?”
ผู้เฒ่าเทียนจีต้มชา พลางพยักพเยิดให้เขานั่งลง “เฟิ่งซิงเป็นคนที่มาจากโลกอื่นอยู่แล้ว ญาติและครอบครัวของนางถูกเปลี่ยนแปลงเพราะการมาถึงของนาง นี่ก็ถือว่าฝืนลิขิตสวรรค์แล้ว การปรากฏตัวของนางเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนมากมาย มีเหตุย่อมต้องมีผลตามมา นางย่อมต้องรับผลจากการทำลายวิถีสวรค์ และครอบครัวของนาง ก็จะต้องเจอกับเคราะห์ด้วยเช่นกัน”
“นางจะต้องพบกับความตายและพลัดพราก บ้านแตกสาแหรกขาด นางจะสูญสิ้นทุกอย่าง เริ่มต้นใหม่หมด แม้เป็นนายแห่งตระกูลเฟิ่ง ทว่าหากอยากกลายเป็นเจ้าโลก สิ่งที่นางต้องเจอ ต้องผ่าน ก็จำต้องมากกว่าคนอื่น ต้องรู้ไว้ว่าหากอยากสวมมงกุฎของราชา ก็จำต้องรับน้ำหนักของมันให้ได้”
ผู้เฒ่าเทียนจีถอนหายใจ ยกน้ำชาขึ้นจิบ ยามเข้าปากรสชาติขมขื่น ยามไหลลงคอรู้สึกกลมกล่อม รสชาติที่เหลืออยู่ในปากให้กลิ่นหอมหวาน…
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินรู้สึกหนักอึ้งที่ใจ ถามว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเคยบอกว่าชะตาชีวิตของข้าและนางผูกไว้ด้วยกัน บอกว่าข้าต้องปกป้องนายแห่งตระกูลเฟิ่ง เช่นนั้นในเรื่องนี้ ข้าจะช่วยอะไรนางได้บ้างหรือไม่ขอรับ?”
ผู้เฒ่าเทียนจีส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องฝืน ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถิด! ทุกคนมีการรังสรรค์ของแต่ละคน มีคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า คนคำนวณมิสู้สวรรค์ลิขิต ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็ดีเอง”
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินได้แต่นั่งเงียบ ติดตามท่านอาจารย์มาหลายปี เขาย่อมเข้าใจหลักธรรมข้อนี้ ดูท่า เขาคงช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้แล้ว ทั้งหมด คงต้องปล่อยให้ขึ้นอยู่กับการรังสรรค์ของพวกเขา…
หลังบ่าย เฟิ่งจิ่วที่พักผ่อนแล้วเตรียมตัวหลอมยาขึ้นมาก่อน จึงหยิบเตาหลอมออกมาจากห้วงมิติ นอกจากตัวยาหลักสองตัว ยังมียาทิพย์ที่เป็นตัวช่วยอีกหลายตัวด้วย
ช่วงนี้ระหกระเหินอยู่ข้างนอกตลอด ไม่มีเวลาหลอมยา อุตส่าห์ได้ขึ้นมาบนภูผาสวรรค์ที่บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีคนรบกวนทั้งที เธอจึงคิดอยากจะหลอมยาแก้พิษของท่านแม่นาง จากนั้นก็หลอมยาทะลวงขั้นและยารักษาโรคอีกหน่อย
ยาช่วยทะลวงขั้นต้องใช้ยาทิพย์ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยาทิพย์แต่ละชนิดก็ล้ำค่าและมีอายุหลายปีด้วย หากต้องการหลอมเป็นจำนวนมากนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่ยาชนิดอื่นกลับหลอมได้มากหน่อย เพราะในห้วงมิติของเธอก็มียาทิพย์อยู่ไม่น้อย
รู้ว่าเธอจะหลอมยา เซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงไม่รบกวน พาอิ่งอีออกไปเดินเล่นรอบๆ ตั้งใจจะไปหาตาเฒ่าคนนั้นเพื่อดื่มชาด้วย เหลือฮุยหลางไว้เป็นลูกมือให้เฟิ่งจิ่ว
ทว่า พอเขาก้าวเท้าตั้งใจจะออกไปหาตาเฒ่า กลับเห็นโม่เฉินที่สวมชุดสีขาวพลิ้วไหวสง่างามเดินเข้ามาก่อน พอเห็นเขา อารมณ์ดีๆ ก็พลันถูกทำลายทันที
เจ้าหน้าอ่อนคนนี้มาทำอะไรที่นี่?
หลังประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง เขาเอามือไพล่หลังแล้วเดินเข้าไป ถามว่า “ท่านมาทำอะไร? มีธุระหรือ?”
โม่เฉินมองเขาแวบหนึ่ง แล้วยิ้มอย่างนุ่มนวล “ข้ามาดูว่าเฟิ่งจิ่วอยู่ที่นี่สะดวกสบายดีหรือไม่”
………………………………….
————————————–