เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1601 ยืนส่งจากภูผาสวรรค์ ตอนที่ 1602 ข่าวกระจายออกไป
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1601 ยืนส่งจากภูผาสวรรค์ ตอนที่ 1602 ข่าวกระจายออกไป
ตอนที่ 1601 ยืนส่งจากภูผาสวรรค์ / ตอนที่ 1602 ข่าวกระจายออกไป
ตอนที่ 1601 ยืนส่งจากภูผาสวรรค์
เห็นเธอโบกมือแล้วหันตัวเดินออกไป ทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่ตรงนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อเม้มปาก หันไปพูดกับโม่เฉินว่า “หมากของเรายังเดินไม่จบ” กล่าวจบ ก็หันตัวออกเดิน
เมื่อเห็นอย่างนั้น โม่เฉินยิ้มๆ เอามือไพล่หลังแล้วตามเขากลับไปเดินหมากต่อ
ทว่า หลายวันต่อมาเฟิ่งจิ่วเหมือนติดใจการหลอมยา ขอเพียงมีเวลาเป็นต้องหลอมยา เวลาผ่านไปหลายวันเธอหลอมยาขึ้นมาได้หลายเม็ด กระทั่งวันนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินเสียงฟ้าผ่า จึงมาหาเธอ
“ฮ่าๆๆ ยาระดับห้าขึ้นไปอีกแล้ว ภูตหมอ ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว!” ฮุยหลางหัวเราะเสียงดัง มองเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่หน้าเตาหลอม
หลายวันมานี้ ยาที่ภูตหมอหลอมขึ้นมาล้วนเป็นยาระดับห้าขึ้นไปทั้งสิ้น ยาแต่ละเตาแม้จะมีอัตราอยู่ที่เตาละสองถึงสามเม็ด แต่ทุกเม็ดล้วนเป็นยาชั้นดี เขาอดตื่นเต้นไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นยาเหล่านั้น
ยาเช่นนี้หากอยู่ข้างนอกต้องจ่ายเงินซื้อในราคาสูงเฉียดฟ้า และทำให้ผู้คนแย่งกันจนหัวแตกได้เลยทีเดียว แต่เธอกลับใช้เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วันหลอมยาออกมาได้หลายสิบเม็ด จำนวนการหลอมยาเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อมากจริงๆ
“น่าจะพอได้แล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินเข้ามา แล้วพูดกับเฟิ่งจิ่วที่กำลังทดลองยาอยู่
“ท่านมาได้อย่างไร?” เฟิ่งจิ่วเงยหน้า แล้วยิ้มถาม หลายวันนี้เขาเดินหมากกับโม่เฉินตลอด ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เหตุใดเขาจึงมาแล้วเล่า?
“พวกเรามาที่นี่ก็หลายวันแล้ว ถึงเวลาต้องไปแล้ว” เขาบอก สายตาลึกล้ำจ้องมองเข้าไปในดวงตาสุกใสของเธอ
“อืม ข้าก็กำลังคิดจะพูดกับท่านเรื่องนี้พอดี! ยาทิพย์ในห้วงมิติของข้าก็ถูกใช้จนเกือบหมดแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เราลงเขากันวันนี้เลยเถิด!” เธอยิ้มกว้างแล้วบอก เก็บเตาหลอมยาแล้วเดินมาหยุดข้างกายเขา
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อเผยรอยยิ้ม “อืม ลงเขาวันนี้เลย”
“เช่นนั้นประเดี๋ยวเราบอกโม่เฉินสักหน่อย แล้วก็อาจารย์ของเขาด้วย หลายวันนี้รบกวนพวกเขาแล้ว”
“อาจารย์ของเขาเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ ไม่ต้องสนใจเขา บอกเจ้าหน้าอ่อนสักหน่อยก็พอแล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองโม่เฉินที่กำลังเดินเข้ามาพอดี
โม่เฉินที่กำลังเดินเข้ามาได้ยินคำว่าเจ้าหน้าอ่อนจากปากเขา ก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ได้แต่นึกจนใจ เพราะเขารู้สึกได้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหมือนจะไม่เป็นมิตรกับเขานัก และสาเหตุของเรื่องนี้ ก็น่าจะมาจากเฟิ่งจิ่วกระมัง!
“พวกเจ้าจะไปแล้วหรือ?” เขาเดินมาหยุดข้างกายทั้งสอง แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เฟิ่งจิ่วเห็นเขามา ก็ยิ้มบอกว่า “ท่านมาพอดีเลย เมื่อกี้พวกข้ายังคุยกันว่าจะบอกท่าน พวกข้าจะลงเขาวันนี้แล้ว หลายวันนี้รบกวนพวกท่านมาก ขอบคุณอาจารย์ของท่านแทนข้าด้วย ขอบคุณสำหรับดอกบัวหยกขาวของเขาด้วย”
“ได้ ข้าจะบอกให้ ในเมื่อจะไปแล้ว ก็ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย” เขายิ้มพยักหน้าเบาๆ
ด้วยเหตุนี้ พวกเฟิ่งจิ่วจึงเก็บของอย่างง่ายๆ แล้วเตรียมตัวออกเดินทาง เดิมทีโม่เฉินตั้งใจจะไปส่งพวกเขา แต่กลับถูกเซวียนหยวนโม่เจ๋อปฏิเสธอ้อมๆ เห็นอย่างนั้น เขายิ้มๆ กลับไม่ได้ฝืนบังคับอีก เพียงมองส่งพวกเขาจากบนยอดเขา
มองดูกลุ่มคนค่อยๆ ไกลออกไป นัยน์ตาเขาลึกล้ำ ส่วนลึกของดวงตาสะท้อนแววเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด ใช่แล้ว เขากำลังเป็นห่วงพวกเขา แปดในสิบของเรื่องที่ท่านอาจารย์ของเขาทำนายไว้ไม่มีทางผิดแน่ เส้นทางข้างหน้าของพวกเขายากลำบากมาก ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทนรับความลำบากและบททดสอบมากมายขนาดนั้นได้หรือไม่…
………………………………….
ตอนที่ 1602 ข่าวกระจายออกไป
หลายวันต่อมา เมื่อพวกเฟิ่งจิ่วมาถึงเมืองแห่งหนึ่ง เพิ่งจะนั่งลงที่หอสุรา ก็ได้ยินคนในหอสุรากำลังถกเถียงกันเรื่องในสำนักโอสถตะวัน
“พวกเจ้าได้ยินมาแล้วหรือยัง? เจ้าสำนักโอสถตะวันตายแล้ว” ชายคนหนึ่งกระซิบเสียงเบา ขณะหยิบเมล็ดถั่วลิสงขึ้นมาเคี้ยว
ชายสองสามคนที่นั่งร่วมโต๊ะทำหน้าประหลาดใจ ถามว่า “ตายแล้ว? จริงหรือ? เรื่องเมื่อใดกัน? เหตุใดพวกข้าไม่รู้เลย?”
“ข่าวนี้เพิ่งกระจายออกมาเมื่อวาน ได้ยินว่าเจ้าสำนักโอสรถตะวันหายตัวไปในยอดเขาหลักของเขาเอง มีคนหาเขาเจอที่หน้าผาหลังเขา มีคนบอกว่าเขาพลาดท่าตกลงไปตาย บ้างก็บอกถูกคนลอบสังหาร เอาเป็นว่าพักนี้มีเรื่องเกี่ยวกับโอสถตะวันเยอะมาก”
“เช่นนั้นสำนักโอสถตะวันก็ต้องโกลาหลวุ่นวายกันใหญ่เลยน่ะสิ? เจ้าสำนักตาย เหล่าคนที่อยู่ข้างล่างก็คงวุ่นวายกันน่าดู ช่วงก่อนก็เพิ่งได้ยินมา ว่าพวกเขาไปหาเรื่องใครเข้า จนเจ้าเขาของพวกเขาตายไปคนหนึ่ง ปีนี้สำนักโอสถตะวันซวยทั้งปีจริงๆ!”
“มันก็น่าแปลก ได้ยินว่าเรื่องนี้ถูกเบื้องบนของสำนักโอสถตะวันปิดข่าวไว้ คล้ายตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและไม่สืบสาวเอาความอะไร”
“ต้องมีเรื่องอะไรที่ปิดบังไว้แน่ๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าสำนักตายทั้งคน เหตุใดจู่ๆ ก็บอกว่าตกเขาตาย? แต่ในเมื่อคนในสำนักเขาไม่คิดจะสืบ แสดงว่าจะต้องมีคนที่ขัดคำสั่งไม่ได้คอยห้ามอยู่แน่นอน”
“น่าเสียดายจริงๆ ได้ยินมาว่าเจ้าสำนักคนนั้นเป็นถึงนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปราชญ์โอสถ แต่กลับตายไปอย่างนี้ คาดไม่ถึงเลยจริงๆ”
เฟิ่งจิ่วกำลังกินอาหาร ได้ยินบทสนทนาของโต๊ะข้างๆ ในใจนึกสงสัย เจ้าสำนักโอสถตะวันตกเขาตาย? เขาไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นนั้นกระมัง? เรื่องนี้ฟังอย่างไรก็ตงิดใจ อีกอย่าง ดันมาตกเขาตายเอาตอนนี้อีก?
นึกถึงตรงนี้ เธอมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่กำลังกินอาหารอย่างสบายใจอยู่ตรงหน้า แล้วถามว่า “ท่านรู้เรื่องหรือไม่?”
เห็นเขาท่าทีสงบนิ่ง เธอสังหรณ์ใจอย่างหนึ่ง เขาน่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างอยู่
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับคำ บอกว่า “หากข้าเดาไม่ผิด เรื่องนี้น่าจะเป็นฝีมือพี่ชายเจ้า” ขณะกล่าว ก็คีบอาหารให้เธอ แล้วพยักพเยิดบอกว่า “รีบกิน”
“พี่ชายของข้า?” เธอตะลึง พี่ชายของเธอบอกว่ามีเรื่องต้องไปสะสางไม่ใช่หรือ? เหตุใด…
“อืม น่าจะเป็นเขา เขารู้ว่าชายชุดดำพวกนั้นถูกเจ้าสำนักโอสถตะวันส่งตัวมาลอบสังหารเจ้า กอปรกับเห็นข้าอยู่ข้างกายเจ้าแล้ว รู้ว่าเจ้าไม่มีอันตรายหากอยู่กับข้า จึงไปจัดการเรื่องนั้น” เซวียนหยวนโม่เจ๋อวางตะเกียบ แล้วยกสุราขึ้นจิบ นึกไม่ถึงว่ากวนสีหลิ่นจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้
สามารถลักลอบเข้าไปในสำนักโอสถตะวันได้ ลอบสังหารเจ้าสำนักโอสถตะวันอย่างไม่ทำให้ใครแตกตื่น แล้วยังล่าถอยออกมาได้อย่างปลอดภัยอีก ความสามารถไม่ธรรมดา
“ทำอะไรซี้ซั้วจริงๆ!” เธอขมวดคิ้ว แววเป็นห่วงปรากฏในดวงตาอย่างปิดไม่มิด
“วางใจเถิด! เขาไม่เป็นไร อีกอย่างตอนนี้เขาก็ไปหาท่านแม่ของเจ้าแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วจึงค่อยวางใจ เริ่มกินอาหารต่อ พลางคิดว่าจะไปรวมตัวกับเขาเร็วๆ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองออกถึงความกังวลของเธอ จึงบอกว่า “พักผ่อนสักเดี๋ยวแล้วเราก็จะออกเดินทางทันที ระหว่างทางไม่มีเรื่องใดให้เสียเวลาอีกแล้ว ใช้เวลาไม่กี่วันก็ถึง”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า รู้ดีว่ารีบไปก็กลับไม่ถึงบ้านในทันทีอยู่ดี หลังกินข้าวเสร็จ เห็นท้องฟ้ามืดแล้ว จึงพักในเมืองหนึ่งคืน แล้วเตรียมออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น
ค่ำคืนนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นแววกังวลตรงหัวคิ้ว จึงถามว่า “เป็นอะไรไป? มีเรื่องในใจหรือ?”
“อืม ข้ากำลังคิดถึงคำพูดของผู้เฒ่าเทียนจี ท่านว่าเขาหมายความว่าอย่างไร?”
………………………………….