เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1617 ว่าต่อไปเถิด ตอนที่ 1618 ไม่ฉลาด
ตอนที่ 1617 ว่าต่อไปเถิด / ตอนที่ 1618 ไม่ฉลาด
ตอนที่ 1617 ว่าต่อไปเถิด
ซั่งกวนหวั่นหรงมองพวกเขาสองคนด้วยความประหลาดใจ จำไม่ค่อยได้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่คนที่เรียกนางว่าอาจารย์อาซั่งกวน คงจะมีแต่คนจากสำนักโอสถตะวัน
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านหนึ่งตบหน้าผากหนึ่งที “จริงด้วย ข้าลืมบอกพวกท่านไปเลย” เธอหันไปยิ้มแห้งให้เฉินเต้ากับลั่วเหิง แล้วพูดอย่างขอโทษว่า “น่าจะบอกพวกท่านตั้งนานแล้ว ท่านนี้คือท่านแม่ของข้าเอง”
“อะ อะไรนะ?” ลั่วเหิงหันไปมองเฟิ่งจิ่วอย่างตกตะลึง แล้วหันไปมองซั่งกวนหวั่นหรงอย่างเหลือเชื่อ นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งจิ่วจะเป็นลูกสาวของอาจารย์อาซั่งกวน
สวรรค์ นี่มันความสัมพันธ์อะไรกันนี่?
เฉินเต้าที่อยู่ด้านหนึ่งได้ยินก็กระจ่างทันที ที่แท้ซั่งกวนหวั่นหรงก็เป็นแม่ของเฟิ่งจิ่ว? หากเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว
เหตุใดเฟิ่งจิ่วต้องแฝงตัวเข้ามาเป็นลูกศิษย์ในสำนักโอสถตะวัน แล้วเหตุใดต้องสร้างเรื่องเหล่านี้ขึ้นในสำนักโอสถตะวัน เดาว่าเหตุผลส่วนใหญ่จะต้องเป็นเพราะซั่งกวนหวั่นหรงแน่นอน แล้วต้วนมู่ไป๋ก็น่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางที่เฟิ่งจิ่วสังหารอาจารย์ของเขาแล้วเขายังสั่งให้พวกเขามาเตือนเฟิ่งจิ่วให้ระวังการถูกลอบสังหาร
เรื่องราวเป็นมาอย่างไรเขาไม่มั่นใจนัก แต่กลับรู้ว่าเฟิ่งจิ่วไม่มีทางฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผล เจ้าเขาซานหยางจะต้องทำเรื่องอะไรเกินเหตุแน่นอน ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางที่แม้แต่ลูกศิษย์ของเขาก็ยังไม่อยู่ข้างเขาอย่างนี้
“ท่านแม่ ท่านนี้คือเฉินเต้า นี่คือลั่วเหิง ท่านน่าจะเคยเห็นพวกเขา แต่ลืมไปแล้ว” เฟิ่งจิ่วแนะนำพวกเขา พลางเดินไปยืนข้างเฉินเต้ากับลั่วเหิง ตบไหล่ทั้งสองคน “ตอนอยู่ในยอดเขาซานหยางข้าสนิทกับพวกเขาที่สุดแล้ว โดยเฉพาะศิษย์พี่เฉินเต้า เขาช่วยข้าไว้มากจริงๆ”
คนอื่นยังไม่ทันสังเกตเห็นอะไร กลับเป็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่พอเห็นเธอเดินไปข้างๆ สองคนนั้น แล้ววางมือบนไหล่ของพวกเขา ท่าทางสนิทสนม รวมถึงการแตะเนื้อต้องตัวอย่างนั้น ขัดหูขัดตาเขายิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้ เขาเดินมายืนข้างกายเฟิ่งจิ่ว กล่าวอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดว่า “แต่ก่อนพวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิง ตอนนี้รู้แล้ว ใกล้ชิดกับเจ้ามากเกินไปไม่ดี เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเขาตัวแข็งทื่อไปหมดแล้วที่เจ้าเอามือวางบนไหล่พวกเขาเช่นนี้?”
ขณะเตือน เขาดึงมือทั้งสองข้างของเธอที่วางบนไหล่ของทั้งสองกลับมา แล้วดึงเธอไปโอบในอ้อมแขน พามานั่งลงข้างโต๊ะ เพื่อเพิ่มระยะห่างจากสองคนนั้น
เฉินเต้ากับลั่วเหิงที่กำลังจ้องหน้าซั่งกวนหวั่นหรงด้วยความตะลึง ยังไม่ทันรู้สึกตัวว่ามือของเฟิ่งจิ่ววางบนไหล่พวกเขา อีกอย่างก็คือถึงเฟิ่งจิ่วจะเป็นผู้หญิง แต่เพราะเธอใส่ชุดคลุมสีแดง ไม่ได้ใส่ชุดกระโปรงสีแดง กอปรกับแต่ก่อนเคยสนิทกันมาก่อน พวกเขาย่อมมองเธอเป็นผู้ชายอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกประดักประเดิดเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ได้ยินเซวียนหยวนโม่เจ๋อพูดอย่างนั้น ทั้งสองอึ้งงันเล็กน้อย เฉินเต้าได้สติก่อน เพียงยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ลั่วเหิงกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ตอบกลับโดยจิตใต้สำนึกว่า “ไม่เลยนะ! พวกข้าผ่อนคลายมาก อย่าว่าแต่จับไหล่เลย ตอนอยู่บนยอดเขาพวกข้ายังเคย…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเฉินเต้าที่อยู่ข้างๆ กระทุ้งศอกใส่ จึงหยุดพูดแล้วหันไปมองเขา “อะไร?”
เฉินเต้าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพยักพเยิดส่งสัญญาณให้เขาหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ตอนนี้มีกลิ่นอายอันตรายแผ่ปกคลุมทั่วตัวแล้ว ในใจรู้สึกเอือมระอา เจ้านี่เวลาปกติก็ดูเฉลียวฉลาดดี เหตุใดบ้างครั้งก็โง่เง่า?
“ว่าต่อไปเถิด! พวกข้ากำลังฟังอยู่เลย!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เขาไม่รู้เลยว่าผู้หญิงของเขาใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาบนยอดเขาอย่างไรบ้าง?
………………………………….
ตอนที่ 1618 ไม่ฉลาด
ครั้นรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ หนำซ้ำทุกคนยังจ้องมาที่เขาคนเดียว แม้เขาจะหัวช้าอีกแค่ไหนก็รู้ตัวแล้วว่าพูดอะไรที่ไม่ควรเสียแล้ว จึงรับหัวเราะแห้งๆ “ที่จริงก็ไม่มีอะไร ก็แค่ ก็แค่ตอนอยู่บนยอดเขา เฟิ่งจิ่วมักจะช่วยข้าอยู่บ่อยๆ พวกข้าล้วนเห็นนางเป็นเหมือนสหาย”
ครั้นเห็นอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงที่อยู่ด้านหนึ่งจึงยิ้ม “เอาล่ะ ทุกคนนั่งลงเถิด! มื้อเช้าวันนี้ข้าเป็นคนทำเองกับมือ พวกเจ้าลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง มา พวกเจ้าสองคนนั่งเถิด! คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบพระคุณอาจารย์อาซั่งกวนขอรับ” ทั้งสองกล่าว แล้วนั่งลงที่ด้านหนึ่ง
เฟิ่งจิ่วเม้มปากกลั้นหัวเราะ คนอื่นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากตัวเขา แต่เธอกลับได้กลิ่นหึงหวงจากตัวเขา ผู้ชายคนนี้ บางครั้งก็ใจแคบเกินคาด
“ท่านแม่ พวกเรากินมื้อเช้าเสร็จแล้วไปเดินเที่ยวในเมืองกันเถิด!”
เธอรู้ว่านางออกไปเดินเที่ยวข้างนอกน้อยมาก เมื่อก่อนถูกขังในตระกูลซั่งกวน ต่อมาก็อยู่แต่ในสำนักโอสถตะวันไม่ได้ออกมา ตอนนี้มีเวลาแล้ว อีกทั้งพิษในตัวนางก็ถูกขับออกไปหมดแล้ว เธอจึงมีเวลาอยู่กับนางอย่างสบายใจ
“ได้สิ เช่นนั้นอีกเดี๋ยวเจ้ากับเหลิ่งซวงออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้า เมื่อเช้าตอนออกไปซื้อผักมีร้านค้าอีกหลายร้านที่ยังไม่เปิด แต่ตลาดนัดข้างถนนคึกคักไม่น้อย” ซั่งกวนหวั่นหรงยิ้มบอก เพียงแต่ นึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ละคนหน้าตางดงามเพียงนี้ หากไม่มีทหารคอยติดตาม จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่นะ?
“ได้ เช่นนั้นเรากินเข้ากันก่อน” เฟิ่งจิ่วคีบอาหารให้นาง แล้วก็คีบซาลาเปาให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งข้างๆ หนึ่งลูก “ท่านลองชิมดู ท่านแม่ข้าทำเอง อร่อยมาก”
เห็นอย่างนั้น สีหน้าของเซวียนหยวนโม่เจ๋ออ่อนลงหลายส่วน ความปลาบปลื้มพาดผ่านในดวงตา แต่กลับปั้นหน้าเย่อหยิ่ง วางท่าเย็นชาอยู่อย่างนั้น
“เจ้าเองก็กินเถิด!” เขาคีบอาหารให้เธอด้วย จากนั้นก็ขยับตะเกียบเริ่มกิน
หลังกินมื้อเช้าเสร็จ พวกกวนสีหลิ่นนัดกันไปประลองกำลัง เซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับไปฝึกวรยุทธ์ที่ห้องหลังจากที่เฟิ่งจิ่วออกไปข้างนอก ขณะเดียวกัน เขาสั่งให้ฮุยหลางคอยคุ้มกันพวกนางอย่างลับๆ หากไม่จำเป็น ก็อย่าเผยตัว
ในอีกด้าน บนถนนใหญ่
“ท่านแม่ พวกเราไปดูเครื่องประดับผมกันเถิด!” เฟิ่งจิ่วเสนอ เพราะเห็นบนตัวนางไม่มีอะไรเลย สง่างามเรียบง่ายเกินไป จึงอยากซื้อเครื่องประดับผมให้นางสักหน่อย
ซั่งกวนหวั่นหรงนึกว่าเธออยากซื้อเอง จึงรับคำ “ได้ หญิงสาวควรใส่เครื่องประดับผมสักสองสามชิ้น อีกอย่าง ต่อไปตอนอยู่บ้านเจ้าต้องใส่กระโปรงให้มากหน่อย โดยเฉพาะเมื่อแต่งงานออกไป จะแต่งกายเป็นชายตามอำเภอใจเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี ยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “ท่านแม่ ท่านเห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋ออย่างนั้น ที่จริงแล้วเขาเป็นคนกลัวเมีย ภายหน้าหากข้าบอกว่าหนึ่ง เขาไม่มีทางกล้าบอกเป็นสอง ข้าแต่งกายเป็นชาย เขาไม่มีทางกล้าบอกให้ข้าสวมกระโปรงให้เขาดูแน่นอน ฉะนั้นท่านสบายใจได้เลย!”
ในที่ลับ ฮุยหลางที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้เกือบหลุดหัวเราะออกมา นายท่านของพวกเขากลัวเมียงั้นหรือ? เอาเถิด เหมือนจะถูกอยู่หน่อย แม้แต่ภูตหมอยังรู้ว่าเขากลัวเมีย ดูท่า ต่อไปนายท่านจะต้องถูกจัดการอย่างอยู่หมัดแน่ๆ
โธ่เอ๋ย ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นายท่านไม่เคยเอาเปรียบภูตหมอได้เลยตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้เล่า?
นี่หากเป็นคนอื่น เดาว่าคงใช้อำนาจบังคับและจัดการภูตหมอไปแล้ว ไม่แน่พอถึงตอนแต่งงานก็อาจมีลูกเล็กเด็กแดงยืนผสมโรงอยู่ข้างๆ ด้วยก็เป็นได้ แต่นายท่านของเขากลับไม่ฉลาดเรื่องชายหญิงเอาเสียเลยนี่สิ
………………………………….
————————————–