เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1621 เครื่องประดับราคาสูงเสียดฟ้า ตอนที่ 1622 เตรียมตัวเดินทางกลับ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1621 เครื่องประดับราคาสูงเสียดฟ้า ตอนที่ 1622 เตรียมตัวเดินทางกลับ
ตอนที่ 1621 เครื่องประดับราคาสูงเสียดฟ้า / ตอนที่ 1622 เตรียมตัวเดินทางกลับ
ตอนที่ 1621 เครื่องประดับราคาสูงเสียดฟ้า
“เจ้าค่ะ” นางถูกผู้ชายตรงหน้าทำให้ลุ่มหลงจนไม่รู้ทิศเหนือใต้ออกตก ได้แค่เหม่อมองรอยยิ้มของคนตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา
หญิงรับใช้ที่ติดตามมาได้ยินก็ตกใจ นางมองเด็กหนุ่มชุดแดงแวบหนึ่ง แล้วอดดึงแขนเสื้อคุณหนูของตนเองไม่ได้
ซื้อเครื่องประดับสามชุดนี้งั้นหรือ? พวกนางไม่ได้มีเงินมากมายเพียงนั้น หากถึงเวลาแล้วไม่มีเงินจ่ายคงต้องขายหน้าแน่นอน
ทางนั้น หลังจากเฟิ่งจิ่วจ่ายเงิน ก็ยื่นเครื่องประดับชุดนั้นให้ท่านแม่ของเธอ “ท่านแม่ เครื่องประดับชุดนี้มอบให้ท่าน พวกเราไปเดินดูที่อื่นกันอีกเถิด” ไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวคนนั้นอีก
ซั่งกวนหวั่นหรงยิ้มอย่างจนใจ “ปกติแม่ไม่ค่อยใส่ของพวกนี้นักหรอก”
“เช่นนั้นก็เก็บไว้ ข้าซื้อให้ หากท่านแม่ไม่ใส่ก็ต้องเก็บไว้!” เธอยิ้มตาหยี คล้องแขนนางแล้วเดินจากไป
ทว่าในเวลานี้ หญิงสาวในชุดหรูหราที่เห็นภาพนั้นได้สติกลับคืนมาในที่สุด อดขานเรียกไม่ได้ “คุณชาย ทะ ท่านจะไปแล้วหรือ?” ไม่ใช่ว่าจะซื้อเครื่องประดับให้นางหรือ? เหตุใดจะไปแล้วเล่า?
เฟิ่งจิ่วหันกลับมายิ้ม บอกว่า “แม่นาง ท่านค่อยๆ ดูต่อไปเถิด พวกข้าไปก่อนแล้ว หากมีวาสนาคงได้พบกันอีก” สิ้นเสียง ก็หยักยิ้มมุมปากอย่างน่าลุ่มหลง ทำให้หญิงสาวยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งแล้วก็ยังไม่ได้สติ
“เจ้าค่ะ หะ หากมีวาสนาคงได้พบกันอีก…” นางพึมพำ กระทั่งคนผู้นั้นเดินเลี้ยวลงไปยังชั้นล่างแล้ว ถึงเพิ่งได้สติกลับคืนมา
“คุณหนู เครื่องประดับสามชุดทั้งหมดสองล้านแปดแสนแปดหมื่นแปดพันเหรียญทองเจ้าค่ะ เพราะคุณหนูซื้อสามชุด จึงลดราคาให้ เหลือเพียงสองล้านแปดแสนแปดหมื่นเหรียญทอง ไม่ทราบว่าคุณหนูจจ่ายเป็นเหรียญทอง หรือใช้ป้ายเพชรนิลเจ้าคะ?”
ได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวในชุดหรูตะลึงตาค้าง “อะไรนะ? สองล้านแปดแสนแปดหมื่น? เหตุใดแพงเช่นนี้?” นี่เทียบได้กับค่าใช้จ่ายของตระกูลนางสามปีแล้ว นางมีปัญญาซื้อเสียที่ไหน?
“นี่เป็นผลงานจากนักหลอมอาวุธเจ้าค่ะ อีกอย่างแต่ละชุดล้วนเป็นเครื่องประดับที่มีเพียงหนึ่งเดียว หนึ่งชุดมีสามชิ้นในราคานี้ถือว่าไม่แพงแล้ว เครื่องประดับสีฟ้าครามที่คุณชายชุดแดงท่านเมื่อครู่ซื้อไป ราคาอยู่ที่ชุดละสามล้านหกแสนเหรียญทองเชียวนะเจ้าคะ”
หญิงสาวหลังโต๊ะคิดเงินอธิบาย ดวงตาจับจ้องหญิงสาวตรงหน้า ดูท่าทางเป็นหญิงจากตระกูลผู้ดี แต่หากเป็นเพียงตระกูลผู้ดีทั่วไป เกรงว่าจะไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับที่นี่
หญิงสาวได้ยินก็เบิกตากว้าง “เหตุใดชุดนั้นถึงเพียงขนาดนั้น? มีอะไรพิเศษตรงไหนงั้นหรือ?”
“เครื่องประดับชุดนั้นแต่ละชิ้นล้วนใช้เป็นอาวุธป้องกันและโจมตีได้ อีกทั้งยังสามารถป้องกันการโจมตีจากผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินได้หลายครั้ง ฉะนั้นในด้านราคาจึงสูงกว่า กอปรกับใช้อัญมณีสีฟ้าจากทะเลเกลือ อัญมณีสีฟ้าจากทะเลเกลือหาได้จำนวนไม่มากในทุกสิบปี แล้วยังช่วยทำให้จิตใจสงบ ควบคุมลมปราณและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ราคาสามล้านหกแสนถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว หากนำไปประมูล ไม่ได้ราคานี้แน่นอนเจ้าค่ะ”
ได้ยินหญิงสาวพูดอย่างนั้น คุณหนูในชุดหรูหน้าแดงกลายเป็นขาว กอปรกับเห็นคนรอบๆ ชี้มาที่นางแล้วกระซิบกระซาบ ก็รู้สึกอับอาย สะบัดแขนเสื้อ “ไม่ซื้อแล้ว!” จากนั้นก็รีบสาวเท้ายาวๆ เดินออกไป
ไม่ซื้อก็แค่ขายหน้า หากซื้อกลับไป นางต้องถูกท่านพ่อดุด่าและสั่งสอน ผลลัพธ์เช่นนั้นนางไม่อาจรับไหว วันนี้นางจึงทำได้เพียงยอมขายหน้าเท่านั้น
เห็นหญิงสาวจากสาวเท้ายาวๆ กลายเป็นวิ่งเหยาะๆ ออกไป หญิงสาวหลังโต๊ะคิดเงินมองแวบหนึ่ง จากนั้นก็นำเครื่องประดับสามชุดนั้นกลับไปวางที่เดิม
ผู้เห็นเหตุการณ์รู้ดี แม้แต่นางก็ยังดูออกว่าเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นั้นต้องการสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ที่ไร้มารยาทและไม่รู้จักประมาณตนเอง
………………………………….
ตอนที่ 1622 เตรียมตัวเดินทางกลับ
หลังออกจากบ้านสมบัติ ซั่งกวนหวั่นหรงกล่าว “เสี่ยวจิ่ว เครื่องประดับชุดนี้ราคาคงไม่ถูกกระมัง?” ได้ยินว่าเป็นผลงานของนักหลอมอาวุธ แล้วยังใช้อัญมณีสีฟ้าด้วย ราคาน่าจะไม่ธรรมดากระมัง!
“ท่านแม่ สิ่งที่ข้าไม่เคยขาดก็คือเงิน ท่านวางใจเถิด!” เธอขายยาหนึ่งขวด ก็ได้เงินมาตั้งเท่าไรแล้ว? ต้องรู้ว่าสำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุและนักปรุงยาแล้ว สิ่งที่ไม่เคยขาดเลยก็คือเงิน
“ถึงเช่นนั้นก็ไม่ควรใช้จ่ายส่งเดช”
“ซื้อให้ท่านแม่จะเรียกว่าใช้จ่ายส่งเดชได้เช่นไร?” เธอยิ้มหวานแล้วคล้องแขนนาง กล่าวว่า “ด้านหน้ามีโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง พวกเราไปดื่มชากันเถิดเจ้าค่ะ!”
ด้วยเหตุนั้น ทั้งสามจึงมานั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่างที่ชั้นสองของโรงน้ำชาแห่งนั้น สั่งชาดีมาหนึ่งกา รวมถึงขนมของว่างอีกสองสามจาน แล้วนั่งพูดคุยสัพเพเหระพลางมองทิวทัศน์ไปด้วย
“ท่านแม่ สวมเครื่องประดับชุดนั้นเถิด! มันเป็นสีฟ้าครามไม่ได้สะดุดตามากนัก อีกอย่างยังช่วยป้องกันการโจมตีได้ด้วย สวมไว้มีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย”
“ใส่ตรงนี้เลยหรือ?” ซั่งกวนหวั่นหรงชะงักเล็กน้อย
“ข้าช่วยท่านแม่ใส่เอง” เธอยิ้มหวานแล้วบอกนาง
เห็นเธอตื่นเต้นเพียงนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงจึงยิ้มๆ แล้วรับคำ “ก็ได้!” จากนั้นก็หยิบเครื่องประดับชุดนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ
เครื่องประดับชุดนั้นแบ่งออกเป็นแหวนห้วงมิติหนึ่งวง กำไลข้อมือหนึ่งเส้น ต่างหูหนึ่งคู่ รวมถึงสร้อยคอจี้รูปหยดน้ำและปิ่นปักผมหนึ่งเล่ม สีสันไม่ได้ดูฉูดฉาดสะดุดตา แม้สวมไว้บนตัว คนไม่รู้ก็ดูไม่ออกว่าเครื่องประดับชุดนี้มีราคาสูง
เฟิ่งจิ่วช่วยท่านแม่ของเธอใส่พลางพูด “แต่ก่อนว่ายังคิดอยากจะเรียนหลอมอาวุธ ซ้ำยังซื้อวัสดุมาบ้างแล้ว แต่ต่อมาก็พบว่าไม่มีเวลาเรียนด้านนี้”
“เจ้ามีความสามารถมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝืนตนเรียนมากเกินไป บางครั้งเรียนมากเกินไป กลับจะกลายเป็นภาระให้ตนเอง” นางบอกกับลูกสาวนาง ลึกๆ ข้างในลอบทอดถอนใจ
อายุเท่านาง ถามหน่อยเถิดว่ามีสักกี่คนที่ผ่านเรื่องราวมามากมายเหมือนกับนาง? นางทำได้ดีมากแล้ว
“อืม ต่อไปมีเวลาค่อยไปเรียน ตอนนี้จัดการเรื่องตรงหน้าให้เสร็จแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน!” เธอยิ้มหวานแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว หันไปถามเหลิ่งซวงที่อยู่ข้างๆ “เป็นอย่างไรบ้าง? สายตาข้าไม่เลวใช่ไหมเล่า?”
เหลิ่งซวงพยักหน้า “งามเจ้าค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เธอก็ยิ้ม “ข้าก็คิดว่าเหมาะกับท่านแม่ของข้ามาก” หยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วก็บอกอีกว่า “ท่านแม่ อีกไม่กี่วันพวกเรากลับกันเถิด! ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ข้าเดาว่าท่านพ่อจะต้องร้อนใจรออยู่ที่บ้านแน่ๆ”
“อืม ออกเดินทางเมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ เจ้าสะสางเรื่องที่นี่เสร็จหมดแล้วหรือ?” นางถาม
“เรื่องอื่นกลับไม่มีอะไรแล้ว แต่ข้าอยากไปเยี่ยมนายแห่งตลาดมืดสักครั้งมาตลอด ใครจะรู้ว่าคราวที่แล้วเขาออกเดินทางไกลจึงไม่ได้พบกัน คนที่ตลาดมืดบอกว่าหากเขากลับมาจะรายงานข้า ดูท่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กลับมา”
เฟิ่งจิ่วที่กลับไปนั่งที่เดิมเอามือเท้าคาง มือหนึ่งยกชาขึ้นจิบหนึ่งคำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่นึกว่ามาถึงที่นี่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบนายแห่งตลาดมืดอีก เธอสงสัยใคร่รู้จริงๆ ว่าคนผู้นี้เป็นคนอย่างไรกันแน่?
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี? จะรอพบเขาแล้วค่อยไปหรือ? หรือว่าไว้มีโอกาสค่อยว่ากันอีกที?”
“คงเป็นเพราะวาสนาไม่ถึง เอาไว้ค่อยว่ากันเถิดเจ้าค่ะ! เมื่อถึงเวลา ข้าคิดว่าจะต้องได้พบกันแน่” เธอไม่เชื่อหรอก ว่าเธอคบค้าสมาคมกับตลาดมืดมาตลอด แต่กลับไม่มีวาสนาได้พบนายแห่งตลาดมืด
“อีกเดี๋ยวเรากลับไปปรึกษากับโม่เจ๋อสักหน่อย หากไม่มีอะไรก็ออกเดินทางภายในสองวันนี้เถิด!” พูดถึงเรื่องนี้ เธอเองก็คิดถึงท่านปู่กับท่านพ่อของเธอแล้วเช่นกัน
………………………………….