เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1637 เฟิ่งเซียวหวั่นหรงพบหน้า ตอนที่ 1638 สามีภรรยาพร้อมหน้า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1637 เฟิ่งเซียวหวั่นหรงพบหน้า ตอนที่ 1638 สามีภรรยาพร้อมหน้า
ตอนที่ 1637 เฟิ่งเซียวหวั่นหรงพบหน้า / ตอนที่ 1638 สามีภรรยาพร้อมหน้า
ตอนที่ 1637 เฟิ่งเซียวหวั่นหรงพบหน้า
ทว่า ในขณะที่เขาคิดจะก้าวเข้าไปปัดมือชายคนนั้นออก กลับได้ยินเสียงของเฟิ่งจิ่วดังมาก่อน
“เจ๋อ ท่านพ่อข้ามาถึงแล้ว ท่านดูสิ เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยใช่หรือไม่? ไม่น่าเล่าเราถึงไม่ได้ข่าวคราวของเขาเลย”
ได้ยินเฟิ่งจิ่วพูดพร้อมกับยิ้มเบิกบาน เซวียนหยวนโม่เจ๋อสีหน้าค้างแข็ง ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าดูแปลกประหลาด แต่พริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติ โชคดีที่ปกติเขามักจะทำหน้าเย็นชาอยู่แล้ว ยามนี้หากไม่สังเกต กลับดูไม่ออกถึงความผิดปกติของเขา
“ยินดีกับท่านอาเฟิ่งเซียวด้วยขอรับที่กลายเป็นเทพนักรบแล้ว” เขาเดินเข้าไปกล่าวแสดงความยินดี น้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติก่อนหน้า
“หึๆ ไม่ได้พบกันนาน ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เฟิ่งเซียวก้าวเข้ามา ตบไหล่เขา แล้วบอกอีกว่า “ขอบใจเจ้ามาก ข้ารู้ว่าเจ้าช่วยเหลือไว้มาก”
“ล้วนเป็นสิ่งที่สมควรทำขอรับ” เขาเผยรอยยิ้ม แล้วบอกกับเฟิ่งจิ่วว่า “ในเมื่อท่านอาเซียวมาแล้ว ก็พาเขาไปพบท่านน้าหรงก่อนเถิด!”
“ใช่แล้ว ท่านพ่อ ท่านแม่รอท่านนานแล้ว หากรู้ว่าท่านมาจะต้องดีใจมากแน่ๆ ไป ข้าพาท่านไปพบนางก่อน” เฟิ่งจิ่วคล้องแขนเขา แล้วพาเขาเดินเข้าไปข้างใน
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งเซียวหัวใจสั่นไหว ทั้งคาดหวังและตื่นเต้น ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจเต้นรัวด้วยความประหม่า หวั่นหรง เขาจะได้พบนางแล้ว เขาลืมนางไปเป็นเวลาสิบปี ปล่อยให้นางเผชิญหน้ากับทุกอย่างเพียงลำพัง ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ความรสึกผิดก็จะก่อตัวในใจ
นางจะนึกโทษเขาหรือไม่?
เขาไม่รู้ว่าตนเองเดินเข้ามาข้างในกับลูกสาวเขาอย่างไร รู้เพียงว่าตลอดทางมีคนออกมาทักทายเขา สมองเลือนรางไม่ค่อยตอบสนอง รู้เพียงว่าหัวใจเต็มไปด้วยความประหม่า
เลี้ยวผ่านถนนเล็กๆ หลายสายมาถึงบานบ้านแห่งหนึ่ง เฟิ่งจิ่วหยุดฝีเท้าไม่เดินตามเข้าไป เธอพูดกับท่านพ่อที่อยู่ข้างๆ ว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ข้างใน ท่านเข้าไปเถิด!”
เอ่ยจบ เธอถอยหลังออกมา แล้วเดินไปยังลานบ้านด้านหน้าพร้อมกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
เหลิ่งซวงที่อยู่ในลานบ้านเห็นผู้มาจึงถอยออกไปเงียบๆ ถึงแม้จำไม่ได้ว่าเป็นผู้ใด แต่พอเห็นพวกนายท่านต่างถอยออกไปไม่เข้ามา นางเองก็ถอยออกมาอย่างรู้กาลเทศะ เพียงจากไปเงียบๆ
เฟิ่งเซียวสาวเดินเข้าไป เขาก้าวเท้าเบาๆ ราวกับกลัวจะทำให้นางตกใจ ฝีเท้าสาวเดิน พลางจ้องมองเงาร่างสง่างามที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้อยู่ในสวน
เงาร่างอรชรงดงาม เส้นผมสีหมึกอันนุ่มสลวย ชุดกระโปรงสง่างามสะอาดตา กลิ่นอายอ่อนโยน ทุกสิ่งล้วนคุ้นเคย ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ทำให้เขาใจเต้น เสี้ยวนาทีหนึ่ง ราวกับได้หวนย้อนไปยังตอนที่พบกันครั้งแรก…
ซั่งกวนหวั่นหรงที่หันหลังให้เขาไม่รู้เลยว่าผู้มาด้านหลังคือเฟิ่งเซียว นางนึกว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือเหลิ่งซวง จึงพูดโดยไม่หันมองว่า “เหลิ่งซวง หยิบการดน้ำตรงนั้นมารดน้ำหน่อย”
ได้ยินิย่างนั้น เฟิ่งเซียวหยุดก้าวเดิน หันมองรอบๆ ก่อนที่สายตาจะสะดุดอยู่ที่การดน้ำ เขาเดินไปหยิบการดน้ำใบนั้นแล้วเอาไปยื่นให้นาง
ซั่งกวนหวั่นหรงยื่นมือไปรับ ทว่า พอสายตาสะดุดกับมือที่จับการดน้ำไว้ ก็อดชะงักไม่ได้ นางหันไปมองโดยจิตใต้สำนึก ครั้นหันไป นางก็ตะลึงค้างไปทันที
ดวงตาและคิ้วอันคุ้นเคย แววตาอันคุ้นเคย ใบหน้าอันคุ้นเคย กลิ่นอายอันคุ้นเคย…
“เฟิ่งเซียว…”
กลีบปากนางสั่นเทาเล็กน้อย ขานเรียกชื่อที่ซ่อนอยู่ในใจเสมอมา เฟิ่งเซียว ชายที่อยู่ในดวงใจนาง สามีของนาง ชายที่นางคะนึงหามาตลอดหลายปีนี้…
………………………………….
ตอนที่ 1638 สามีภรรยาพร้อมหน้า
“หวั่นหรง” เขาดึงนางเข้ามากอด พูดน้ำเสียงสะอื้น “ลำบากเจ้าแล้ว”
ซั่งกวนหวั่นหรงส่ายหน้า แขนสองข้างกอดเขาแน่น “แค่ท่านมาก็ดีแล้ว ข้าไม่เคยเลยคิดว่าจะได้เจอท่าน แล้วก็ได้เจอลูกสาสเราอีก”
“ลูกสาวเรายอดเยี่ยมมากจริงๆ หากไม่มีนาง มีหลายเรื่องที่ไม่อาจทำได้ วันนี้ที่เราได้พบกันอีกครั้ง ก็เพราะนางเช่นกัน” เฟิ่งเซียวบอก จูงมือนางมานั่งข้างโต๊ะในสวน
มองดูสามีที่อยู่ตรงหน้า ลึกๆ ข้างในของนางมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ความน้อยเนื้อต่ำใจและความอดทนอดกลั้นในหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็ทำให้นางมีวันที่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าแล้ว
“ข้าไม่นึกเลยว่าหลายปีมานี้ ความทรงจำที่เกี่ยวกับข้าล้วนถูกปิดผนึก ท่านกลับเลี้ยงลูกสาวเติบโตมาด้วยตัวคนเดียว ข้านึกว่าท่านลืมข้าจนสิ้นและแต่งงานใหม่ไปแล้ว นึกไม่ถึง เสี่ยวจิ่วบอกว่าท่านโดดเดี่ยวมานานหลายปี”
“ข้าดีใจที่ข้าอยู่ลำพังมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น ข้าจะสู้หน้าเจ้าที่รอคอยมานานหลายปีขนาดนี้ได้เช่นไร” เขากุมมือนาง บอกว่า “หวั่นหรง ครอบครัวของเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับบ้านของเรา”
“อืม จะไม่แยกจากกันอีกแล้ว” นางแอบอิงในอ้อมอกของเขา หัวใจที่ล่องลอยมานานหลายปี ในที่สุดก็หาท่าเรือจอดเทียบท่าเจอแล้ว
ด้านหน้า เฟิ่งจิ่วเดินเล่นกับเซวียนหยวนโม่เจ๋ออยู่ที่ลานหน้าบ้าน นึกถึงภาพเมื่อครู่ เธอยิ้มๆ แล้วถามว่า “ท่านเห็นท่านพ่อของข้าแล้วจำไม่ได้ใช่หรือไม่?”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อทำสีหน้าไม่ถูก เบือนสายตามองไปทางอื่น บอกว่า “ใช่ จำไม่ได้”
“จากนั้นเล่า? ข้าเห็นแววตาที่ท่านจ้องท่านพ่อของข้าตอนนั้นเหมือนอยากฆ่าคนแล้ว” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาเปล่งประกายจ้องมองเขา “หึงข้าใช่หรือไม่? หึงข้ากับท่านพ่อข้าใช่หรือไม่?”
“เปล่า”
“งั้นหรือ?” เธอยักคิ้ว แล้วหยอกล้อ “เหตุใดข้ารู้สึกว่าไม่เป็นเหมือนอย่างที่ท่านพูดกันเล่า!”
“ท่านพ่อของเจ้ามาถึงแล้ว ถ้าอย่างไรก่อนกลับราชวงศ์เฟิ่งหวงไปพบเสด็จพ่อของข้าก่อน แล้วหารือกันเรื่องแต่งงานเถิด!” เขาเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกราวกับไร้ที่ซ่อนเมื่ออยู่ภายใต้สายตาหยอกล้อเช่นนั้นของเธอ
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วหุบรอยยิ้มหยอกล้อ บอกว่า “เช่นนั้นไว้ข้าจะไปบอกพวกเขาก่อน ดูว่าพวกเขาจะว่าอย่างไร?”
“พรุ่งนี้เถิด! พรุ่งนี้พวกเราถามความคิดเห็นพวกเขา” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก จ้องเธอด้วยสายตาแน่วแน่ “ข้าเก็บสะสมของดีไว้มากมายเพื่อเตรียมเป็นสินสอดให้เจ้า ไม่ว่าจะเป็นส่งสินสอดหรือวันต้อนรับ ข้าจะจัดงานให้สมเกียรติ ประกาศให้ทุกฝ่ายรู้ว่าเจ้าเฟิ่งจิ่วแต่งงานกับข้าแล้ว”
“ที่จริงไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้ ถึงอย่างไรการแต่งงานก็เป็นเพียงเรื่องของเราสองคน ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น ทำเหมือนคนทั่วไปก็พอแล้ว” เธอรู้ว่าในใจเขามีเธออยู่ รู้ว่าเขารักเธออย่างลึกซึ้ง เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเรื่องอื่น ก็เป็นเพียงเรื่องที่ทำให้คนนอกดู สำหรับเธอ จะทำหรือไม่ทำล้วนไม่เป็นไร
ในอีกด้าน กวนสีหลิ่นที่ได้ยินว่าเฟิ่งเซียวมาถึงแล้วรีบกลับจากร้านยา ครั้นเดินเข้ามาในลานหน้าบ้านก็เห็นเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังยืนอิงแอบกันอยู่ เห็นอย่างนั้น เขาไม่ได้รบกวน แต่เดินอ้อมไปอีกทางหนึ่ง ตั้งใจจะไปถามเหลิ่งหวาดู
ทว่า ขณะเดินอ้อมไปอีกทางได้ไม่นาน ก็แจอสองพี่น้องเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวา
“เหลิ่งหวา ได้ยินว่าพ่อบุญธรรมของข้ามาถึงแล้ว? จริงหรือไม่?”
สองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ได้ยินก็หันไปมองเขา เหลิ่งซวงพยักหน้าเบาๆ เหลิ่งหวากลับยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วบอกว่า “มาถึงแล้วขอรับ ตอนนี้อยู่ในสวนกับฮูหยิน”
………………………………….