เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1673 สายรุ้งมักปรากฏหลังฟ้าฝน ตอนที่ 1674 สั่นสะเทือนครั้งใหญ่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1673 สายรุ้งมักปรากฏหลังฟ้าฝน ตอนที่ 1674 สั่นสะเทือนครั้งใหญ่
ตอนที่ 1673 สายรุ้งมักปรากฏหลังฟ้าฝน / ตอนที่ 1674 สั่นสะเทือนครั้งใหญ่
ตอนที่ 1673 สายรุ้งมักปรากฏหลังฟ้าฝน
“ท่านพี่ ท่านมาแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วหันไปมอง เห็นเขาเดินเข้ามา จึงตำหนิ “ท่านยังไม่หายดี เหตุใดจึงลุกเดินแล้วเล่า ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าวันนี้ให้นอนพักผ่อนดีๆ?”
กวนสีหลิ่นโบกมือ “ข้านอนไม่ลงหรอก อีกอย่าง ข้าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เขาเดินมาถึงข้างเตียง มองเฟิ่งเซียวที่นอนพิงหัวเตียง เห็นเขาดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง ก็อดแปลกใจไม่ได้ “พ่อบุญธรรม วันนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
“ดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องห่วง” เฟิ่งเซียวพยักหน้าตอบ
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ท่านไม่รู้หรอก ตอนท่านยังไม่ฟื้นทุกคนเป็นห่วงท่านมาก”
ซั่งกวนหวั่นหรงยิ้มๆ “ตอนนี้ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตื่นตูมกันไปเองทั้งนั้น” นางหยุดพูด แล้วถามอีก “ตอนนี้พวกเจ้าล้วนบาดเจ็บ ตั้งใจจะพักฟื้นที่นี่ หรือพักฟื้นบนเรือบิน?”
“พักฟื้นบนเรือบินเถิด!” เฟิ่งจิ่วตอบ มองหน้าพ่อแม่ของเธอ แล้วบอกว่า “ท่านพ่อฟื้นก็ไม่เป็นไรแล้ว พวกเรายังต้องรีบกลับไปตามหาเสี่ยวเฟิ่งเย่อีก ข้ากลัวว่ายิ่งนาน เขาจะยิ่งไม่ปลอดภัย”
“เช่นพวกเราเตรียมตัวออกเดินทางกันเถิด!” ซั่งกวนหวั่นหรงมองหน้าเฟิ่งเซียว แล้วถามว่า “ออกเดินทางตอนบ่ายได้กระมัง?” นางเป็นห่วงสุขภากเขา ไม่รู้ว่าเขาจะรับไหวหรือไม่หากต้องเดินทางต่อเลย
“ได้ ข้าไม่เป็นไรแล้ว พักฟื้นบนเรือบินสักวันสองวันก็หาย ตอนนี้เรื่องสำคัญคือต้งกลับไปตามหาเสี่ยวเฟิ่งเย่” เสียงของเขาเคร่งเครียด บอกว่า “พวกท่านพ่อต้องพบเจอความลำบากเช่นนั้นไปแล้ว ข้าในฐานะพี่ใหญ่ ต้องหาเสี่ยวเฟิ่งเย่ให้เจอ!”
ได้ยินอย่างนั้น กวนสีหลิ่นพยักหน้า “เช่นนั้นข้าไปบอกพวกตู้ฝาน ให้พวกเขาเตรียมตัวสัหน่อย” สิ้นเสียง เขาก็พยักหน้าให้เฟิ่งจิ่ว แล้วหมุนตัวเดินออกไป
“ท่านพ่อ ท่านพักไปก่อน ข้าจะออกไปดูหน่อย หากจะออกเดินทางแล้วข้าค่อยมาหาอีกครั้ง” เฟิ่งจิ่วบอก จากนั้นก็เรียกเหลิ่งซวงที่อยู่ข้างนอกเข้ามา ให้นางประคองเธอกลับ
“เจ้าบาดเจ็บที่ขา อย่าเดินเหินไปทั่ว มีเรื่องอะไรก็บอกให้พวกเขาไปทำ” เฟิ่งจิ่วอดพูดขึ้นไม่ได้ เห็นเธอเดินกะเผลกอย่างนั้น ก็กลัวว่าแผลของเธอจะส่งผลต่อการเดินในอนาคตหรือไม่
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” เธอหันกลับมายิ้ม แล้วให้เหลิ่งซวงพยุงเดินออกไปพร้อมกัน
“เด็กคนนี้เป็นอย่างนี้แหละ ว่างไม่ได้เลย ปล่อยนางไปเถิด! นางเป็นหมอ รู้อาการตนเองดี” ซั่งกวนหวั่นหรงยิ้มบอก เดินมานั่งข้างเตียง มองเฟิ่งเซียวแล้วถามว่า “ท่านไม่เป็นไรจริงหรือ?”
“ไม่เป็นไร” เฟิ่งเซียวตอบ
ได้ยินอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงมองเขา “แต่เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนท่านมีเรื่องอะไร? พูดไม่ได้หรือ? หากพูดไม่ได้ข้าก็จะไม่ถามแล้ว!”
เฟิ่งเซียวมองนาง ถอนหายใจเบาๆ “ไม่เป็นไรจริงๆ ข้าแค่รู้สึกว่าพักนี้เจอเรื่องอะไรมากมาย เหตุการณ์มากมายทำให้ข้ารับไม่ไหว นึกถึงพวกท่านพ่อที่ต้องตายอยู่ในกองเพลิง นึกถึงองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งที่ไม่มีใครรอดสักคน นึกถึงเฟิ่งเย่กับหยางหยางเด็กสองคนที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกไม่รู้อยู่ที่ใด ใจข้าก็เลย…”
ได้ยินอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงจึงวางใจ “พักนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจริงๆ แต่ไม่มีชีวิตใครเรียบง่ายไปตลอดหรอก ชีวิตแต่ละคนล้วนต้องได้สัมผัสความทุกข์ยากและลำบาก ทุกคนล้วนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ เรื่องที่เบื้องบนจัดสรรมาแล้ว ในเมื่อเราไม่อาจเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นก็พยายามรับมันให้ได้เถิด! ข้าเชื่อว่าหลังผ่านความยากลำบากนี้ไป จะต้องมีสิ่งสวยงามรออยู่แน่นอน ก็เหมือนกับที่สายรุ้งมักปรากฏหลังฟ้าฝนอย่างไรเล่า”
………………………………….
ตอนที่ 1674 สั่นสะเทือนครั้งใหญ่
เรื่องนี้ราวกับหน้ากระดาษที่ถูกพลิกเปิดผ่านไปอย่างนั้น เฟิ่งเซียวแม้รู้เรื่องแล้ว ก็ไม่ได้คิดจะพูดออกมา เขาฝังความลับนี้ไว้ในใจ หลังจากจัดระเบียบความคิดและอารมณ์ของตนเองเสร็จ ก็นั่งเรือบินกลับไปกับพวกเขา
คนตายก็ตายไปแล้ว คนอยู่อย่างไรก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป เขาควรมองไปข้างหน้า เพราะเส้นทางข้างหน้าของพวกเขายังอีกยาวไกลนัก…
ขณะเดียวกัน ณ ราชวงศ์เซวียนหยวน พอเซวียนหยวนโม่เจ๋อได้รับสารด่วนจากพ่อของเขา ลึกๆ ข้างในก็มีลางสังหรณ์บางอย่างแผ่กระจายไปทั่ว อารมณ์ตึงเครียดตลอดการเดินทาง
หากไม่มีเรื่องเร่งด่วน หากไม่ใช่เรื่องเกิดอย่างกะทันหัน เขาก็คงไม่กลับวังมาในขณะที่เกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของเฟิ่งจิ่ว
“นายท่าน ใกล้ถึงวังหลวงแล้ว จะเข้าวังเลยหรือกลับจวนก่อนขอรับ?” ฮุยหลางที่ยืนข้างเซวียนหยวนโม่เจ๋อถามขึ้น
“เข้าวัง” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากปากของเขา เขายืนเอามือไพล่หลังทอดมองออกไปยังที่ไกลๆ เรือบินบินผ่านกำแพงวัง และจอดหน้าวังหลวงโดยตรง
ข้างในเรือบิน มีองครักษ์ชุดดำสิบหกนายกระโดดลงมา ยืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งซ้ายขวา ไม่นานเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็เดินออกมาจากเรือบิน ด้านหลังมีฮุยหลางกับอิ่งอีเดินตามมา สาวเดินเข้าไปในตำหนักภายใต้การคุ้มกันของทุกคน
องครักษ์ในวังเห็นเขา ก็รีบก้มหัวคารวะด้วยความนอบน้อม เห็นเขากลับมา ก็มีขวัญกำลังใจ
“คารวะนายท่าน!”
องครักษ์ชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัว คุกเข่าข้างเดียวเพื่อคารวะเขา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยุดเดิน มององครักษ์ลับที่ปรากฏตัวตรงหน้า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “เล่าเรื่องทั้งหมดมา!” สิ้นเสียง ก็สาวเดินไปข้างหน้าต่อ
องครักษ์ลับคนนั้นก้าวเข้ามายืนข้างกายเขา หันไปพยักหน้าให้ฮุยหลางกับอิ่งอีหนึ่งที จากนั้นก็รายงานให้เขาฟังอยู่ข้างๆ “พักนี้มีกลุ่มอำนาจหนึ่งกำลังชักจูงกลุ่มอำนาจอื่นๆ คนพวกนี้แทรกซึมเข้ามาในหน่วยงานต่างๆ ของเราเพื่อทำลายและฆ่าล้าง มีคนตายไปไม่น้อยเลยขอรับ ฐานทัพหลายจุดของเราก็ถูกทำลายไปไม่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้ อำนาจในวังเริ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีหลายคนลอบเล่นตุกติกลับหลัง ขณะเดียวกันหลายจักรวรรดิข้างนอกนั่นก็เหมือนจะพยายามกดดันราชวงศ์เซวียนหยวนของเราด้วยขอรับ
ประมาณครึ่งเดือนก่อน ผู้ครองแคว้นไปล่าสัตว์แล้วถูกศัตรูฝีมือฉกาจซุ่มสังหาร จุดตันเถียนถูกทำลาย วรยุทธ์สูญสิ้น เพียงแต่ข่าวนี้ยังคงถูกปิดไว้ไม่ให้แพร่ออกไป ข้าน้อยกังวลว่าหากปล่อยข่าวให้รั่วไหลออกไป ราชวงศ์เซวียนหยวนอาจต้องสั่นสะเทือนครั้งใหญ่”
ฟังการรายงานจากองครักษ์ลับข้างกายจบ ไม่ใช่เพียงเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่หน้าเครียด แม้แต่ฮุยหลางกับอิ่งอีก็สีหน้าตึงเครียดไม่แพ้กัน นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้
นายท่านได้รับสารหนึ่งฉบับก็นึกว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในวังจึงเดินทางกลับมา แต่กลับนึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงนี้ หลายจักรวรรดิเริ่มกดดัน กลุ่มอำนาจในมือถูกทำลาย อำนาจในวังเริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวก เป็นฝีมือใครกัน? ถึงได้มีความสามารถทำให้ราชวงศ์เซวียนหยวนปั่นป่วนไปทั่วทั้งวังในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้?
“ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามเสียงต่ำ
องครักษ์ลับชะงักเล็กน้อย ไม่นานก็รู้ว่าเขาที่นายท่านพูดถึงก็คือผู้ครองแคว้น ด้วยเหตุนี้ จึงรีบรายงานทันที “ข้าสั่งให้คนแปลงโฉมเป็นผู้ครองแคว้นเพื่อแทนที่เขาไปก่อนแล้วขอรับ ขณะเดียวกันก็ย้ายตัวผู้ครองแคว้นไปฟื้นตัวในที่ปลอดภัยแล้ว เพียงแต่ หมอทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ผู้ครองแคว้นทำได้เพียงใช้ชีวิตเช่นคนสามัญธรรมดาไปตลอดชีวิตขอรับ”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อเม้มปาก ฝ่ามือใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่น ไอเย็นแผ่กระจายรอบตัวน่า ได้ยินเพียงเสียงอันเยือกเย็นดุจน้ำแข็งพันปีเปล่งออกมาจากปากของเขา
“สืบ! ไม่ว่าต้องทุ่มเท่าไร ข้าก็ต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง!”
“ขอรับ!” องครักษ์ลับรับคำทันที จากนั้นก็หายตัววับไปอย่างรวดเร็ว
………………………………….