เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1675 ตกอับ ตอนที่ 1676 ครองบัลลังก์ตำหนักบูรพา
ตอนที่ 1675 ตกอับ / ตอนที่ 1676 ครองบัลลังก์ตำหนักบูรพา
ตอนที่ 1675 ตกอับ
ครั้นเซวียนหยวนโม่เจ๋อมาถึงด้านในตำหนัก ก็เห็นเสด็จพ่อที่กำลังพักฟื้นอยู่ในตำหนักราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปีในชั่วข้ามคืน กลิ่นอายพลังวิญญาณของเขาหายไปจนสิ้น ยามนี้เขากำลังนอนอยู่บนเตียงเหมือนชายชราธรรมดาคนหนึ่ง เส้นผมขาวหงอก คิ้วขมวดเล็กน้อย เหมือนกำลังนอนหลับฝันร้าย
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เขาจะกล้าเชื่อได้อย่างไรว่า คนที่เคยอารมณ์ร้ายเย่อยิ่งและแข็งกระด้างถึงเพียงนั้นจะกลายเป็นอย่างนี้ไปได้
แม้เขาจะไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อ แต่อย่างไรชายผู้นี้ก็เป็นพ่อของเขา เขาเคยคิดว่าตนเองเย็นชากับผู้ชายคนนี้มาก แต่นึกไม่ถึงว่าพอเห็นอีกฝ่ายนอนอยู่ในสภาพนั้น หัวใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ฮุยหลางย้ายเก้าอี้มาว่างข้างเตียงเพื่อให้เขานั่ง จากนั้นก็ถอยออกไปพร้อมกับอิ่งอี ยืนเฝ้าอยู่หน้าตำหนัก มาถึงข้างนอก ฮุยหลางที่เงียบไปนานก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“เจ้าว่าเป็นใครกัน? ใครที่มีความสามารถถึงเพียงนี้? ผู้ครองแคว้นพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นก็ยัง…”
อิ่งอีแววตาลึกซึ้ง เงียบไปครู่หนึ่ง บอกว่า “ทำให้จักรวรรดิอื่นกดดันพวกเราได้ เกรงว่าจะไม่ธรรมดา หากพลาดท่า จักรวรรดิเซวียนหยวนของเราเกรงว่าจะเหมือนกับราชวงศ์เซวียนหยวน ที่แหลกไม่มีชิ้นดีอย่างนี้”
“เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนคนกลุ่มนี้จงใจเล่นงานพวกเรากับภูตหมอเลยเล่า? ในบรรดาศัตรูในอดีต คล้ายจะไม่มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่นี่นา!” ฮุยหลางไม่เข้าใจ อำนาจของตำหนักยมราชยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ฐานทัพก็ซ่อนตัวอย่างระวัง กลับถูกคนพวกนี้สืบเจอได้
รู้ดีว่าตำแหน่งฐานทัพของพวกเขาอยู่ที่ใด บอกได้เพียงว่าในหมู่พวกเขามีหนอนบ่อนไส้ ไม่เช่นนั้นคงทำไม่ได้ถึงขนาดนี้
ในตำหนัก เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองคนบนเตียงค่อยๆ ตื่น นาทีที่เขาลืมตา ดวงตาสองคู่สบประสานกัน ทั้งสองเงียบงัน สุดท้าย ยังคงเป็นผู้ครองแคว้นบนเตียงเอ่ยปากก่อน
“เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เดินทางราบรื่นดีหรือไม่?”
ได้ยินเสียงอ่อนแรงนั่น นัยน์ตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อไหวระริก ไม่ตอบเขา กลับถามว่า “รู้หรือไม่ว่าเป็นผู้ใดเล่นงานท่าน?”
“ไม่ใช่คนคนของแปดจักรวรรดิใหญ่”
ผู้ครองแคว้นตอบ หรี่ตาเล็กน้อย ราวกับภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงชัดเจน “วิชาของคนพวกนั้นประหลาดมาก อีกทั้งวรยุทธ์ก็ลึกล้ำมาก ทักษะไม่ธรรมดา ข้าเดาว่าเป็นคนจากกลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำ”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเราไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนพวกนั้น เหตุใดจู่ๆ พวกเขาจึงโจมตีเรา?”
“อีกฝ่ายต้องการล้มราชวงศ์เซวียนหยวนของเรา นอกจากจะต้องการล้างแค้นแล้วยังมีสิ่งใดได้อีกเล่า? คนพวกนั้นไม่ได้สนใจจักรวรรดิทางนี้เท่าใดนัก ในเมื่อไม่ได้สนใจนัก เช่นนั้นก็เหลือเพียงทำเพื่อล้างแค้นเท่านั้น” เสียงของผู้ครองแคว้นเชื่องช้ามาก เขาพูดหนึ่งคำหยุดหนึ่งคำ
วรยุทธ์ของเขาถูกทำลาย พลังวิญญาณสูญสิ้น แก่นพลังในแหลกสลาย หากมิใช่ว่าวิญญาณต้นของเขายังอยู่ เกรงว่ายามนี้เขาคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว อยู่บนตำแหน่งสูงมานานหลายปี เป็นประมุขของแคว้น ปกครองแผ่นดิน นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีวันนี้
สำหรับผู้บำเพ็ญเซียน การถูกทำลายวรยุทธ์แล้วกลายเป็นคนธรรมดา ก็เหมือนเทพเซียนที่อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าถูกสอยร่วงลงมาให้กลายเป็นมนุษย์เดินดินอย่างไรอย่างนั้น หากมิใช่ว่าเขาเคยผ่านเรื่องราวมามากมาย เข้าใจในสัจธรรมอย่างถ่องแท้นานแล้ว เกรงว่าสถานการณ์ในตอนนี้คงทำให้เขารับไม่ได้จนคิดสั้นอยากทำร้ายตัวเอง
เขาที่สูญเสียวิชาบำเพ็ญเซียนไป แม้จะกังวลใจไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว แต่โชคดีที่เขามีลูกชายที่ยอดเยี่ยมมากอยู่คนหนึ่ง เรื่องที่เขาทำไม่ได้ ลูกชายเขาต้องทำได้แน่!
………………………………….
ตอนที่ 1676 ครองบัลลังก์ตำหนักบูรพา
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อเงียบงัน ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงลุกขึ้นมา “ท่านพักฟื้นรักษาตัวให้ดี! เรื่องที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอแล้ว” เอ่ยจบ ก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เดี๋ยวก่อน” ผู้ครองแคว้นเรียกเขา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อชะงักเท้า หันไปมองเขา “ยังมีเรื่องใดอีกหรือ?”
“ภรรยาตัวน้อยของเจ้าคนนั้นไม่ได้พากลับมาด้วยหรือ?” ผู้ครองแคว้นถาม
“ที่บ้านนางเกิดเรื่อง นางเลยต้องรีบกลับไปจัดการ” สิ้นเสียง เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงสาวเท้าเดินจากไป
ฮุยหลางกับอิ่งอีที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นเขาออกมา ก็รีบเดินตามนายท่านของพวกเขาไปที่ตำหนักหนึ่งในวัง ที่นี่เป็นตำหนักที่นายท่านมักเอาไว้ใช้ทำงาน ยามนี้นายท่านมาที่นี่ ทั้งสองรู้ทันทีว่านายท่านไม่คิดจะกลับจวนแล้ว
ขณะที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อเพิ่งจะนั่งลง แล้วหยิบข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในช่วงนี้ขึ้นมาอ่าน องครักษ์ลับคนหนึ่งก็เข้ามารายงานด้วยความเร่งรีบ
“นายท่าน เฉิงอ๋องเข้าวังมา ต้องการพบผู้ครองแคว้น ตอนนี้กำลังโวยวายอยู่หน้าตำหนักใหญ่ หนำซ้ำยังทำร้ายองครักษ์บาดเจ็บไปหลายคนแล้วด้วยขอรับ”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อขมวดคิ้ว แล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “สั่งให้คนไล่เขาออกไป!”
“แต่เฉิงอ๋องพาหัวหน้าทหารในวังมาด้วยหลายคน บอกว่าได้ยินข่าวที่ผู้ครองแคว้นถูกคนทำร้ายจนสูญเสียวรยุทธ์ พวกเขาต้องการเข้าวังมาคุ้มกันผู้ครองแคว้น หากใครขัดขวางก็ให้ฆ่าได้ทันที”
องครักษ์ลับรายงาน เขาลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ยามนี้ยื้อสถานการณ์ไว้ไม่ได้แล้ว ข้าเห็นพวกเขาคิดจะบุกเข้าไปในตำหนักบูรพา เลยรีบมารายงาน นายท่านโปรดออกคำสั่ง จะให้ข้าทำอย่างไรดีขอรับ?” เฉิงอ๋องผู้นั้นอย่างไรก็เป็นสมาชิกราชวงศ์เซวียนหยวน หากคิดจะสังหารใครจริงๆ เกรงว่า…
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อวางข้อมูลในมือแล้วลุกขึ้น สาวเท้ายาวๆ เดินออกไปข้างนอก ฮุยหลางกับอิ่งอีเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินตามไป
หน้าตำหนักใหญ่
ชายวัยกลางคนร่างท้วมเล็กน้อย สวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีม่วงหรูหรามีระดับยืนเอามือไพล่หลัง เขากำลังถลึงตาจ้องเหล่าทหารที่ยืนขวางด้วยความเดือดดาล และด้านหลังเขา ก็มีทหารที่สวมชุดทหารอารักขาษ์สิบกว่าคนยืนอยู่ รวมถึงชายวัยกลางคนที่สวมชุดขุนนางสองสามคน
“ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก! แม้แต่ข้าก็ยังกล้าขวางทางงั้นหรือ? พวกเจ้ากินหัวใจหมีดีเสือขาวตัวใดมา! หลีกไป! หากยังไม่หลีก ระวังข้าจะสั่งประหารพวกเจ้าเสีย!” ชายเสื้อม่วงตวาดเสียงกร้าว สะบัดแขนเสื้อ กระแสอากาศขุมหนึ่งซัดออกไป พาเอาร่างของพวกทหารที่อยู่ข้างหน้าปลิวออกไป
ทหารพวกนั้นต่างยำเกรงเพราะยศตำแหน่งของเขา ยามนี้ถูกกระแสพลังซัดใส่จนบาดเจ็บ ก็ทำได้เพียงอดทน ไม่กล้าปล่อยให้เขาเข้าไปได้แม้แต่ครึ่งก้าว กระทั่งได้ยินเสียงเยือกเย็นดังมา ทหารพวกนั้นพลันดีใจ รีบเงยหน้ามองทันที
“อ้อ? เหตุใดข้าไม่รู้ คนในวังนี้ผู้ใดคิดอยากฆ่าก็ฆ่าได้ตามใจงั้นหรือ?”
ฟังเสียงนั้น ทุกคนสั่นสะท้านไปทั้งใจ แม้แต่ดวงตาของชายวัยกลางคนเสื้อม่วงก็มีแววหวาดกลัวพาดผ่านอย่างอดไม่ได้ เขาหันกลับไปมองเงาร่างที่สวมชุดคลุมสีดำเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ ใบหน้าที่แสดงแววเกรี้ยวกราดในตอนแรกที่เผยยิ้ม
“ฮะๆๆ โม่เจ๋อกลับมาแล้วหรือ!”
เขาเดินเข้าไปรับหน้า วางท่าเหมือนผู้อาวุโส “โม่เจ๋อเอ๋ย! เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เจ้าไม่รู้หรอก พอเจ้าออกจากวังไปครานี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ตอนแรกข้ายังกังวลอยู่ ตอนนี้เห็นเจ้ากลับมา ข้าก็รู้สึกโล่งใจได้เสียที”
“ถวายบังคมองค์รัชทายาท!” เหล่าทหารเห็นเขาก็รีบคุกเข่าคารวะ ท่าทางนอบน้อมยำเกรง
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเขา สายตาลึกล้ำคมปลาบกวาดมองผ่านพวกเขาไปทีละคนๆ…
………………………………….