เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1725 พบมู่หรงอี้เซวียนอีกครั้ง ตอนที่ 1726 สองคนที่พักฟื้นอาการบาดเจ็บ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1725 พบมู่หรงอี้เซวียนอีกครั้ง ตอนที่ 1726 สองคนที่พักฟื้นอาการบาดเจ็บ
ตอนที่ 1725 พบมู่หรงอี้เซวียนอีกครั้ง / ตอนที่ 1726 สองคนที่พักฟื้นอาการบาดเจ็บ
ตอนที่ 1725 พบมู่หรงอี้เซวียนอีกครั้ง
ผู้เฒ่าเทียนจีบอกเขา พลางลูบหนวดมองดวงดาราที่เจิดจรัสดวงหนึ่ง “เห็นนั่นหรือไม่? ดาราหงส์ปรากฏอีกครั้งแล้ว ซ้ำยังเปล่งประกายเจิดจรัสกว่าแต่ก่อนเสียอีก ข้ามั่นใจได้ว่า เคราะห์กรรมที่ฝืนลิขิตสวรรค์ของนางถูกนางแก้ไขเองแล้ว”
“ท่านอาจารย์ เช่นนั้นพวกปู่ของนางตายไปแล้วจริงๆ หรือขอรับ?” โม่เฉินอดถามไม่ได้
“เป็นหรือตาย ตายหรือเป็น เป็นก็คือตาย ตายก็คือเป็น… ไปเถิด! จงลงเขาไปเสีย…” เขาสาวเท้าเดินจากไปบนทางกลับ ย่างเหยียบบนหิมะทีละก้าวๆ ทว่ากลับไร้ซึ่งรอยเท้า เหลือเพียงเสียงอันล่องลอยของเขาที่ดังก้องอยู่ใต้ผืนฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยดวงดารา……
โม่เฉินมองดูเงาร่างของเขาค่อยๆ ห่างออกไป กระทั่งมองไม่เห็น จึงค่อยละสายตากลับมา แล้วแหงนหน้ามองดาราหงส์ที่โดดเด่นอยู่กลางนภาดวงนั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาเดินไปที่ลานสวน เตรียมเก็บของ แล้วลงจากเขาพรุ่งนี้เช้า
ในอีกด้านหนึ่ง ณ แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ
ในลานบ้าน ซู่ซีประคองเฟิ่งซานหยวนที่หน้าซีดเดินรับแสงแดดในสวน หลังเดินครู่หนึ่ง ก็พยุงเขาให้เอนหลังบนตั่งในสวน
“ระวังหน่อย” ซู่ซีบอก แล้วห่มผ้าผืนบางให้เขา
“ไม่รู้ว่าตอนนี้เย่เอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้างแล้ว แม่หนูเฟิ่งจะหาเขาเจอหรือยัง? ผ่านไปครึ่งปีแล้ว พวกเขายังสบายดีหรือไม่?” เฟิ่งซานหยวนพูดอย่างแช่มช้า น้ำเสียงฟังดูอ่อนแรง
ครึ่งปีก่อน เสี้ยวนาทีที่หลับตาท่ามกลางกองเพลิง เขานึกว่าตนเองจะไม่รอดแล้ว นึกไม่ถึง ครั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลับยังมีโอกาสได้เห็นโลกใบนี้ และได้เห็นหน้าฮูหยินของเขาด้วย
เรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดเลยก็คือ คนที่ช่วยพวกเข กลับเป็นคนที่พวกเขานึกไม่ถึง มู่หรงอี้เซวียน
“คุณชายมู่หรงบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้กลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำกำลังจับตาดูพวกเขาอยู่ พวกเสี่ยวจิ่วน่าจะซ่อนตัวแล้ว การไม่ได้รับข่าวถือเป็นข่าวดีสำหรับเรา อย่างน้อยก็รู้ว่าพวกเขายังปลอดภัยดี”
ซู่ซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ปลอบเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แม้นางเองก็กังวลใจไม่ต่างกัน แต่ก็รู้ดี กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์
พวกเขาในตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในแปดจักรวรรดิใหญ่ และไม่ได้อยู่ที่ราชวงศ์เฟิ่งหวง แต่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ในแถบเหนือแม่น้ำ แผ่นดินที่พวกเขาไม่เคยคิดจะมา
และตอนนั้น คนที่ช่วยพวกเขาในกองไฟ กลับเป็นมู่หรงอี้เซวียนองค์ชายราชวงศ์มู่หรงแห่งแคว้นแสงสุริยันในอดีต
คนที่นางเคยได้ยิน แต่กลับไม่เคยคิดว่าจะได้พบ ช่วยพวกเขาออกมาอย่างนั้น
ต่อมาได้ยินเขาบอกว่า ตำหนักที่ไฟไหม้ในวันนั้นเคยเป็นตำหนักของเขา ในนั้นมีทางลับอยู่แล้ว เขาออกจากเรือนแล้วผ่านมาทางราชวงศ์เฟิ่งหวงพอดี จึงอยากลองเข้าไปดูในเส้นทางลับสักหน่อย นึกไม่ถึงกลับจับพลัดจับผลูช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้
“ท่านผู้อาวุโส ฮูหยิน คุณชายมาแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้คนหนึ่งที่รอรับใช้อยู่ในสวนเข้ามารายงาน จากนั้นก็ถอยออกไป
สองสามีภรรยาได้ยินก็มองหน้ากัน แล้วคิดเหมือนกันว่า คราวนี้ต้องถามให้ดี ดูว่าพักนี้มีข่าวของพวกเฟิ่งจิ่วหรือไม่ เพราะครั้งก่อนตอนที่มู่หรงอี้เซวียนมาหาเขาก็เอาข่าวมาบอกเล่าด้วย เพียงแต่ กลับไม่ใช่ข่าวดี
แม้ตัวพวกเขาอยู่บนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ แต่ก็รู้เรื่องที่ราชวงศ์เฟิ่งหวงล่มสลายผ่านมู่หรงอี้เซวียน และเพราะรู้ว่าศัตรูแข็งแกร่งมาก พวกเขาถึงได้พักฟื้นเงียบๆ อยู่ที่นี่ ไม่ได้เร่งเดินทางกลับไปทันที เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ทำให้พวกเขาเป็นห่วงอีก แต่ถึงแม้อย่างนั้น อยู่ที่นี่พวกเขากลับรู้สึกหนึ่งวันนานเหมือนหนึ่งปี
ขณะที่สองสามีภรรยาครุ่นคิด มู่หรงอี้เซวียนที่สวมชุดขาวสาวเท้าเข้ามาช้าๆ…
………………………………….
ตอนที่ 1726 สองคนที่พักฟื้นอาการบาดเจ็บ
บนกายเขาสวมเพียงอาภรณ์สีขาวเรียบง่าย เส้นผมสีหมึกรวบสูงครอบรัดเกล้าหยก เอวเหน็บพู่หยก และขลุ่ยหยกขาวหนึ่งเลา ฝีเท้าแช่มช้าทว่ามั่นคง ด้านหลังเขา ยังมีองครักษ์ชุดดำคนหนึ่งตามมาด้วย
“ท่านปู่เฟิ่ง ฮูหยินใหญ่” มู่หรงอี้เซวียนที่เดินเข้ามาในลานสวนคารวะทั้งสอง
“นั่งเถิด”
ชายชราพยักหน้า มองคุณชายในชุดสีขาวสง่างามตรงหน้า ลอบทอดถอนใจลึกๆ ข้างใน ปีนั้นพอราชวงศ์เฟิ่งหวงถูกก่อตั้งขึ้นก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ราวกับหายตัวไป ไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย นึกไม่ถึง สุดท้ายกลับได้พบกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนั้น หนำซ้ำเขายังช่วยพวกเขาไว้อีก
นึกถึงในอดีตเขาส่งเสริมคู่ของเสี่ยวจิ่วกับมู่หรงอี้เซวียนมาก เพียงน่าเสียดาย…
“ขอรับ” มู่หรงอี้เซวียนพยักหน้า แล้วนั่งลงข้างโต๊ะ มองทั้งสองแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สุขภาพของทั้งสองท่านดีขึ้นบ้างหรือไม่? ได้กินยาตรงเวลาหรือไม่?”
ได้ยินอย่างนั้น ซู่ซีตอบว่า “ทำให้คุณชายมู่หรงเป็นห่วงเสียแล้ว อาการบาดเจ็บของข้าหายดีแล้ว แต่ซานหยวนบาดเจ็บหนักเกินไป รักษามาครึ่งปีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น”
“เป็นความผิดข้า ที่ทิ้งทั้งสองไว้ที่นี่ แล้วไม่ค่อยได้มาดูแล” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิด
“แม้แต่ชีวิตของพวกข้าเจ้าก็เป็นคนช่วยไว้ บุญคุณใหญ่หลวงครั้งนี้ ภายหน้าจะต้องตอบแทนแน่นอน” เฟิ่งซานหยวนว่า
“ท่านปู่เฟิ่งอย่าได้กล่าวเช่นนี้”
เขาส่ายหน้า แย้งว่า “ข้าเล่นกับชิงเกอในจวนมาตั้งแต่เด็ก เห็นท่านปู่เฟิ่งเป็นเหมือนปู่แท้ๆ ของตนเอง แม้ต่อมาเกิดเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นและข้าก็ไม่อาจยับยั้งได้ แต่ข้ารู้ ทั้งหมดนี้ล้วนโทษผู้อื่นไม่ได้ ก็เหมือนกับครั้งนี้ ที่ช่วยท่านปู่เฟิ่งกับฮูหยินใหญ่ไว้ได้โดยบังเอิญ ข้าเองก็ดีใจมาก”
เขามองทั้งสอง ยิ้มบอกว่า “ความจริงที่ข้ามาครั้งนี้เพราะมีข่าวจะมาบอกทั้งสองท่าน”
ได้ยินอย่างนั้นทั้งสองมองหน้ากัน แล้วถามว่า “มีข่าวของพวกเสี่ยวจิ่วแล้วใช่หรือไม่?”
มู่หรงอี้เซวียนพยักหน้า บอกว่า “ช่วงนี้ข้ารับคำสั่งจากท่านอาจารย์ลงเขาไปทำธุระ ได้ยินข่าวหนึ่งมา ข้าคิดว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวกับเฟิ่งจิ่ว ฉะนั้นจึงได้มาบอกพวกท่าน อีกทั้งข้าส่งจดหมายไปให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อฉบับหนึ่ง เพื่อบอกเขาว่าพวกท่านทั้งสองอยู่ที่ใด
เรื่องผ่านไปครึ่งปีแล้ว คนพวกนั้นไม่ได้จับตาดูเข้มงวดเท่าตอนแรก หนำซ้ำข้าได้ยินว่าไม่กี่วันก่อนมีจักรวรรดิหนึ่งถูกทำลายเพียงชั่วข้ามคืน เรื่องนี้ข้าเดาว่าอาจเป็นฝีมือของเฟิ่งจิ่ว ข้าคิดว่า หากทั้งสองท่านอยากกลับไป รอให้สุขภาพดีขึ้นอีกหน่อย น่าจะลองกลับไปดูได้”
ทั้งสองได้ยินก็ตกตะลึง “เจ้าหมายความว่าพวกข้ากลับไปได้แล้ว?”
เขายิ้มตอบ “กลับไปได้แล้วขอรับ แต่ข้าอยากให้ทั้งสองท่านอาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยกลับไป อย่างนี้แม้จะเจอปัญหาอะไรระหว่างทาง ก็สามารถแก้ไขได้”
“ได้ พวกข้าเข้าใจแล้ว” รอพวกเขากลับไปเมื่อใด ค่อยไปหาเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่จักรวรรดิเซวียนหยวนก่อน เขาน่าจะรู้ว่าเฟิ่งจิ่วอยู่ที่ใด อีกอย่าง ขอแค่ถามเขา ก็น่าจะรู้ว่าเย่เอ๋อร์อยู่กับพวกเสี่ยวจิ่วหรือไม่
มู่หรงอี้เซวียนลุกขึ้น แล้วบอกลา “ข้ายังต้องกลับขึ้นเขาไปรายงานท่านอาจารย์ ขอตัวลา”
“ไม่นั่งพักอีกหน่อยหรือ? จะไปแล้ว?” เฟิ่งซานหยวนถาม มองมู่หรงอี้เซวียน ในใจรู้สึกสับสนบอกไม่ถูก
“ไม่แล้วขอรับ ข้ายังมีเรื่องต้องไปทำ รอช้าไม่ได้” เขายิ้มๆ หมุนตัวเดินจากไป
“ข้าไปส่งเจ้า” ซู่ซีลุกขึ้น เดินไปส่งเขาข้างนอกแล้วกลับมา นางเดินหยุดข้างกายเฟิ่งซานหยวน “ท่านว่าเรื่องที่เขาเล่าให้ฟังใช่ฝีมือเสี่ยวจิ่วหรือไม่? จักรวรรดินทีแดงหนึ่งในแปดจักรวรรดิใหญ่ มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งเพียงนั้น จะเป็นการชักนำอันตรายมาสู่ตัวเพราะเรื่องนี้หรือไม่?”
………………………………….
————————