เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1731 เตรียมพร้อมทำศึก ตอนที่ 1732 สู้รบกลางป่า
ตอนที่ 1731 เตรียมพร้อมทำศึก / ตอนที่ 1732 สู้รบกลางป่า
ตอนที่ 1731 เตรียมพร้อมทำศึก
ชายชุดดำเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ ที่นั่นไม่มีเด็กหนุ่มชุดแดงอยู่เลย แต่กลับมีชายผู้หนึ่ง บุคลิกดุดันน่าเกรงขาม น่าจะเป็นกวนสีหลิ่นพี่ชายบุญธรรมของเฟิ่งจิ่ว
“กวนสีหลิ่น? เหอะ!” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายแค่นเสียง เอามือไพล่หลังแล้วออกคำสั่ง “อาวุโสเหยียน ท่านพากำลังคนไป แล้วฆ่าพวกเขาให้สิ้นซากเสีย!”
“กระหม่อมน้อมรับบัญชา!” ชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากข้างหลัง ชุดคลุมสีเทาไม่สะดุดตา ทว่ากลิ่นอายรอบกายเขากลับไม่ธรรมดา
“ขอเพียงจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงามแน่นอน” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายบอก
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาทรอกระหม่อมนำหัวของเจ้านั่นกลับมาเข้าเฝ้าได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!” เอ่ยจบ เขาคารวะแล้วเดินออกไป
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายมองท้องฟ้าข้างนอก แค่นเสียงขึ้นจมูก “เด็กเมื่อวานซืนไม่รู้ฟ้าต่ำดินสูง เช่นนั้นก็ให้ข้าใช้เจ้าทำลายความฮึกเหิมของเฟิ่งจิ่วเสีย!”
บางทีอาจเพราะคิดว่าแค่คนสิบคน อีกทั้งยังเป็นคนจากแคว้นระดับล่าง ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ครองแคว้นบุริมฉายหรืออาวุโสเหยียนผู้นั้น แม้แต่ทหารของจักรวรรดิบุริมฉาย ล้วนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
ลูกหลานของราวงศ์ที่ล่มสลายไปแล้ว แม้จะมีวรยุทธ์อยู่บ้าง แต่จะเก่งกาจสักเพียงใดกันเชียว? หากเก่งจริง ราชวงศ์เฟิ่งหวงของพวกเขาคงไม่ภูกทำลาย
สำหรับผู้อาวุโสเหยียนและเหล่าทหารที่ได้รับคำสั่งให้มาสังหารพวกกวนสีหลิ่น ล้วนเห็นว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะสร้างผลงานใหญ่ พวกเขาจะสั่งสอนให้พวกนั้นหนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว
“พวกเจ้าจงฟังข้าให้ดี อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!” เขาหันไปบอกเหล่าทหารที่อยู่ข้างหลัง
“ขอรับ!”
เหล่าทหารรับคำอย่างขึงขัง ได้ยินว่าคนพวกนั้นมีเพียงสิบกว่าคน แต่พวกเขามีกันถึงหนึ่งร้อยคน ว่ากันแค่เรื่องจำนวนคนก็ได้เปรียบแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนจากแคว้นระดับพวกนั้น จะฆ่าคนพวกนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย แล้วจะปล่อยให้พวกนั้นหนีไปได้อย่างไรกัน!
“แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ประชิดเข้าไปจากสองฝั่งซ้ายขวา!” อาวุโสเหยียนโบกมือ ส่งสัญญาณให้พวกเขาแยกย้ายไปสองทาง เพื่อล้อมคนที่อยู่หลังเขา
ด้วยเหตุนั้น ทหารร้อยนายรีบแบ่งออกเป็นสองฝั่ง เก็บงำกลิ่นอายแล้วแยกย้ายไปสองทาง ตั้งใจจะบุกล้อมศัตรู
ขณะเดียวกัน กวนสีหลิ่น ตู้ฝานและหลัวอวี่กับหัวหน้าองครักษ์ทั้งแปดรออยู่นานแล้ว พวกเขากลั้นหายใจฟังเสียงเคลื่อนไหว องครักษ์เฟิ่งนายหนึ่งเข้ามารายงานอย่างเงียบเชียบ
“รายงานขอรับ! ผู้มามีประมาณหนึ่งร้อยคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มล้อมพวกเรามาจากสองทาง ผู้นำคือชายชราวรยุทธ์ระดับเซียนเหิน เพื่อไม่ให้ถูกจับได้จึงไม่ได้เข้าใกล้มาก มองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้ไม่ชัด ทว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสองผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินตามข่าวที่สืบมาไม่ผิดแน่ขอรับ”
“ดีมาก!” กวนสีหลินหันไปบอกตู้ฝาน “เตรียมพร้อมหมดแล้วหรือยัง?”
“วางใจเถิดขอรับ! เตรียมพร้อมหมดแล้วขอรับ พวกเขาเข้ามาเมื่อใด จะไม่มีวันได้ออกไปแน่!” ตู้ฝานพูดอย่างมั่นใจ พัดสีขาวหยกในมือพัดไปพัดมาเป็นระยะ
ได้ยินอย่างนั้น กวนสีหลิ่นมองพวกหลัวอวี่ “พาคนของพวกเจ้าแยกย้ายกันไปซุ่มในค่ายกล ทันทีที่เห็นพวกเขาเข้ามาในค่ายกล ฆ่าให้หมด!”
“ขอรับ!”
พวกหลัวอวี่รับคำด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมทรงพลัง แต่ละคนเต็มไปด้วยกลิ่นอายนักรบ พวกเขารอวันนี้มานานแล้ว! วันนี้ จะขอดูสักหน่อยว่าพลังของทหารจักรววรดิบุริมฉายพวกนี้จะสักแค่ไหนกันเชียว!
………………………………….
ตอนที่ 1732 สู้รบกลางป่า
เพราะมีค่ายกลอยู่ ภูเขาด้านหลังจึงมีควันจางๆ ปกคลุมอยู่ ควันนี้ไม่ได้หนามาก แต่ก็เหมือนบดบังทัศนะการมองเห็นไปบ้าง เมื่อคนของจักรวรรดิบุริมฉายย่องเข้ามาในค่ายกลโดยไม่รู้ตัวทีละก้าวๆ การสังหารแบบไร้เสียงก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…
เหล่าองครักษ์เฟิ่งพลิกฝ่ามือถือมีดสั้นพุ่งตัวออกมาจากจุดใดไม่รู้ของค่ายกลโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มือหนึ่งปิดปากของศัตรู มืออีกข้างที่ถือมีดสั้นปาดลำคอ ชีวิตหนึ่งได้สูญสิ้นไปทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องเลยสักนิด
คนที่เดินอยู่ข้างหลังหายไปทีละคนๆ แต่คนข้างหน้ากลับไม่สังเกตถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย รู้เพียงว่าท่ามกลางหมอกควัน พวกเขาเหมือนกำลังเดินวนเป็นวงกลม
“พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าเรากำลังเดินวนอยู่ที่เดิม? เหมือนเราเพิ่งเดินผ่านที่นี่ไปเมื่อกี้” ทหารที่เดินนำหน้าพูดขึ้น
“หรือว่าที่นี่ถูกวางค่ายกลไว้? อีกอย่าง เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนได้กลิ่นคาวเลือดที่นี่? พวกเจ้าไม่ได้กลิ่นหรือ?” คนข้างหลังถาม ขณะหันหลังไปมอง องครักษ์เฟิ่งคนหนึ่งกระโจนออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ใช้มีดสั้นแทงเข้าที่หน้าอกของเขา
“อึก! มะ มีการซุ่มโจมตี!”
คนคนนั้นตายทั้งที่ยังไม่อาจกลืนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดวงตาสองข้างเบิกกว้างจ้องคนที่กระโจนออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว พูดจบประโยค เขาก็ล้มลงไป
“มีการซุ่มโจมตี!”
ไม่รู้ผู้ใดเป็นคนตะโกน ทหารทั้งกลุ่มแตกตื่น รีบรวมตัวแล้วหันหลังชนกัน ครั้นเพ่งมองดูให้ดี พวกเขาถึงเห็นว่า เดิมทีกลุ่มของพวกเขาที่มีกันห้าสิบคน แต่ตอนนี้ กลับเหลือไม่ถึงครึ่ง!
“บ้าที่สุด! ฆ่าให้หมด!”
หัวหน้าทหารเห็นกลุ่มคนชุดดำที่พุ่งตัวออกมาจางๆ ท่ามกลางหมอกควัน พลันตะโกนสั่งด้วยความตกใจ ใครจะรู้ สิ้นเสียงของเขา ลูกธนูก็ถูกยิงเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ
“ฆ่าให้หมด! อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
ครั้งนี้ เป็นคนในกลุ่มองครักษ์เฟิ่งตะโกนสั่งเสียงดัง พวกเขาไม่ได้กระโจนเข้ามา เพียงยิงธนูใส่ศัตรู ลูกธนูนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมา ดุจห่าธนูสาดใส่ทหารที่หันหลังชนกันเหล่านั้น
“โอ๊ย!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงม นกในป่าแตกตื่นกระพือปีกบินหนี และทำให้อาวุโสเหยียนที่อยู่ไม่ไกลตกใจ เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
เป็นคนของพวกนั้น? หรือคนของบุริมฉายของพวกเขา?”
ไม่ น่าจะเป็นเสียงกรีดร้องของพวกกวนสีหลิ่น คนแค่สิบกว่าคน จะสู้ทหารนับร้อยของเขาได้อย่างไรกัน? ต้องบอกก่อนว่าในร้อยคนนี้มีผู้แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อยเลย
เพียงแต่ แม้ในใจจะปลอบตนเองอย่างนี้ ทว่าสังหรณ์บางอย่างกลับทำให้เขาไม่กล้าประมาท เขาเดินเข้าไปข้างใน อยากเข้าไปดูให้เห็นกับตาตนเอง
ทว่าในค่ายกลนั้น หลังจากโจมตีด้วยการสาดธนูใส่ระลอกหนึ่ง ภายใต้คำสั่ง ห่าธนูหยุดลง ในตอนนี้เอง ทหารห้าสิบคน เหลือเพียงสามคนเท่านั้น และสามคนนั้น ก็เป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ
หลัวอวี่กับฟั่นหลินและหัวหน้าองครักษ์อีกสองคน รวมถึงตู้ฝานมองหน้ากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองสามคนนั้น กำชับองครักษ์เฟิ่งรอบๆ “คนที่เหลือถอยออกไปคอยเฝ้าระวัง! ตาเฒ่าสามคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกข้า!”
สิ้นเสียง ทั้งห้าคนพุ่งทะยานออกไป พวกหลัวอวี่ชักกระบี่ยาวพุ่งใส่ศัตรู ส่วนฟั่นหลินสั่งให้คนจุดควัน ทำให้กลิ่นควันลอยไปทางพวกนั้น และกระจายไปทั่วอากาศ
แม้การมองเห็นไม่ชัดเจน ทว่าเสียงดาบกระบี่กระทบกันกลับดังชัดเจน พลังกระบี่ดุดันพาดผ่านกลางอากาศ ฟันต้นไม้รอบๆ ขาดเป็นท่อนๆ กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวล แยกไม่ออกว่าเป็นของพวกเขา หรือของศัตรู
………………………………….