เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1739 ก้มหัวยอมรับเป็นนาย ตอนที่ 1740 ใจกว้าง
ตอนที่ 1739 ก้มหัวยอมรับเป็นนาย / ตอนที่ 1740 ใจกว้าง
ตอนที่ 1739 ก้มหัวยอมรับเป็นนาย
“ปะ ปราชญ์เซียน!”
ทั้งสองหลุดร้องเสียงหลง ครั้นสัมผัสได้ถึงแรงกดดันและกลิ่นอายของปราชญ์เซียน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ยังเหลือจิตสู้รบอีกเสียที่ไหน?
“เร็ว! หนีเร็ว!”
แม้แต่ความคิดอยากสู้ก็ไม่เหลือแล้ว หลังจากได้สติ ความคิดแรกก็คือหนี! หนียิ่งไกลได้เท่าไรยิ่งดี!
ปราชญ์เซียน นั่นเป็นพลังที่เทียบเท่ากับเซียนเหินถึงร้อยคนเลยทีเดียว พวกเขาบ้าหรือถึงจะสู้กับนางโดยไม่ดูกำลังตนเอง นาทีนี้ พวกเขาอดตะโกนด่าไม่ได้ “ใครกันแน่! เป็นใครที่บอกว่านางเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ?”
“หนีหรือ?” เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างหลังหยักยิ้มมุมปาก “พวกเจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือ?”
พูดจบ เงาร่างสีแดงเหาะเข้าไปหาชายชราชุดเทาในพริบตา เห็นเพียงเงาร่างสีแดงเหาะผ่านเขาไป ชายชราที่เดิมกำลังหนีด้วยอารามตื่นตระหนกพลันตัวแข็งทื่อ ก่อนที่ร่างกายของเขาจะร่วงตกลงไปจากกลางอากาศ
“โครม!”
มองไม่เห็นว่าเธอลงมืออย่างไร กระทั่งไม่ต้องเสียแรงสู้เลยแม้แต่น้อย ก็จบชีวิตของผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ร่างกายของชายชราชุดเทาที่ร่วงตกพื้นชักกระตุก ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปข้างบน กระทั่งสิ้นใจตายไป
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายที่ได้ยินเสียงหันกลับไปมอง พอเห็นชายชราชุดเทามีเลือดไหลออกมาตรงลำคอและสิ้นใจตายไปอย่างนั้น เขาก็ตัวสั่นเทิ้ม
เมื่อฝึกวิทยายุทธ์จนถึงระดับเซียนเหิน ความตายถือเป็นเรื่องไกลตัวพวกเขามากแล้ว ทว่า ยามที่ความตายคืบคลานเข้ามาใกล้เช่นนี้ เขาจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า ความตาย ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวพวกเขาเลยสักนิด
เห็นเฟิ่งจิ่วในชุดแดงถือกระบี่คมพยับเหาะมาทางเขา ในเสี้ยวนาทีนี้ สมองของเขามีเรื่องราวมากมายผุดขึ้นมา สุดท้าย เขาไม่ได้หนี เพียงทิ้งตัวลงจากกลางอากาศ แล้วคุกเข่าลงกับพื้น
“ยะ อย่าฆ่าข้า ขะ ข้าจะเคารพเจ้าในฐานะนายของข้า!”
ยามเอ่ยประโยคนี้ออกไป สายตาเขาเต็มไปด้วยแววตากริ่งเกรงและหวาดกลัว ใช่แล้ว เขากลัวตาย ยิ่งฝึกวรยุทธ์จนถึงระดับนี้ เขาก็ยิ่งกลัวตาย เขามีทุกอย่างที่ชั่วชีวิตของคนมากมายไม่อาจมี อำนาจ ตำแหน่ง รวมถึงชื่อเสียง เขาไม่อยากตายไปทั้งอย่างนี้ ไม่อยากให้ลูกหลานในราชวงศ์ถูกสังหารจนสิ้น ฉะนั้น เขาทำได้เพียงก้มหัวอ้อนวอน เคารพเฟิ่งจิ่วเป็นนายเท่านั้น
เพราะเขารู้ ว่านี่เป็นเพียงทางรอดเดียวที่เขามี หากทำเช่นนี้ บางทีเขาอาจมีโอกาสรอดชีวิต จักรวรรดิบุริมฉายของเขา จะได้ไม่ต้องล่มสลายด้วยมือของเขา และตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายเหมือนจักรวรรดินทีแดง
กระบี่คมพยับชี้ไปที่หว่างคิ้วของผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉาย ขอเพียงขยับไปข้างหน้าอีกเพียงนิดเดียว ก็สามารถปลิดชีพเขาได้แล้ว ทว่า กระบี่คมพยับในมือเฟิ่งจิ่วกลับหยุดนิ่งในเวลานี้
เธอมองเขา ยักคิ้วเล็กน้อย “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
“ข้าบอกว่า ข้ายินยอมเคารพเจ้าในฐานะนายของข้า จักรวรรดิบุริมฉายของเรายินดีฟังคำสั่งจากนายท่าน ขอเพียง ขอเพียงนายท่านปล่อยจักรวรรดิบุริมฉายไป และไว้ชีวิตข้า ข้ายินดีบุกน้ำลุยไฟแทนนายท่าน และภักดีกับท่านไม่เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน!”
ขณะกล่าว ราวกับกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ เขารีบทำพิธีสาบานต่อฟ้าดิน ยกย่องเธอให้เป็นนายของเขา
เห็นประกายแสงจากพิธีผูกพันธสัญญาจางหายไป นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วไหวระริก จ้องเขาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็เลื่อนกระบี่คมพยับในมือออก ยื่นนิ้วออกไปแตะกลางหน้าผากเขา ดึงเอาดวงจิตดวงหนึ่งของเขาออกมา
“ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าเคารพข้าเป็นนาย ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าต้องจำไว้ นับแต่บัดนี้ ชีวิตของเจ้า รวมถึงจักรวรรดิบุริมฉายของเจ้า ล้วนเป็นสมบัติของข้า หากข้าออกคำสั่ง เจ้าก็ต้องทำตามเท่านั้น!”
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายรับคำอย่างนอบน้อม “มิกล้าขัดคำสั่งแน่นอน!”
………………………………….
ตอนที่ 1740 ใจกว้าง
ด้วยประการฉะนี้ เฟิ่งจิ่วพากเขาเหาะมาถึงกลางอากาศประตูวังทิศเหนือ มองดูเหล่าทหารที่สู้รบกันอยู่เบื้องล่าง เธอตะโกนสั่ง “หยุดให้หมด!”
เสียงที่แฝงไว้ด้วยแรงกดดันของปราชญ์เซียนกระจายกลางอากาศ ดุจตาข่ายผืนยักษ์ปกคลุมลงไป คนเบื้องล่างต่างหยุดการเคลื่อนไหว เวลานี้ คนของผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายล้มตายนับไม่ถ้วน…
ทุกคนแหงนหน้า ยามเห็นผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายติดตามเฟิ่งจิ่วมาด้วยท่าทางนอบน้อม ก็รู้สึกประหลาดใจ เหล่าองครักษ์เฟิ่งมองหน้ากัน แล้วก้าวออกมาหนึ่งก้าว “คารวะนายท่าน!”
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำ แล้วบอกว่า “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป บุริมฉายเป็นของข้าเฟิ่งจิ่วแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เหล่าทหารของจักรวรรดิบุริมฉายที่อยู่เบื้องล่างแตกฮือ เหมือนเหลือเชื่อเล็กน้อย ทว่า หลังครุ่นคิดอย่างละเอียด กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
องครักษ์เฟิ่งแข็งแกร่งปานนี้ แค่คนไม่กี่สิบคนก็สามารถต่อกรกับพวกเขาที่มีเป็นร้อยคนได้ แล้วยังมีภูตหมอเฟิ่งจิ่วอีก แค่นางคนเดียวก็สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินได้อย่างง่ายดาย หากจักรวรรดิบุริมฉายของพวกเขาอยู่ภายใต้อำนาจของนาง บางที อาจมีส่งผลดีกับพวกเขาก็เป็นได้
อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าภูตหมอเฟิ่งจิ่วจะลงมือกับพวกเขาอีก
“ยังไม่รีบคุกเข่าอีก!” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายที่อยู่ข้างหลังเฟิ่งจิ่วตะโกนสั่ง
ได้ยินอย่างนั้น เหล่าทหารจักรวรรดิบุริมฉายรีบคุกเข่า ทว่าในเวลานี้ พวกเขาที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บ ที่ล้มตายก็ล้มตาย เหลือไม่ถึงสองส่วนสามแล้ว
อีกทั้งวังหลวงถูกไฟไหม้ กระเจิดกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง หากไม่ให้เวลาสักสองสามเดือนก็คงไม่อาจฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้
ในอีกด้าน เพราะได้ยินเสียงของเฟิ่งจิ่ว กวนสีหลิ่นกับพวกฮุยหลางมองหน้ากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบหยุดเคลื่อนไหว พาคนมุ่งหน้ามาทางนี้
ครั้นมาถึงประตูทิศเหนือ แล้วเห็นสถานการณ์ตรงนั้น ที่จริงพวกเขาเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ด้วยพลังของเฟิ่งจิ่วในตอนนี้ หากคิดจะทำลายจักรวรรดิบุริมฉายก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่เธอกลับเก็บพวกเขาไว้ภายใต้อำนาจ
เพียงแต่ไม่รู้ว่า สังหารคนของจักรวรรดิบุริมฉายไปมากมายขนาดนี้แล้ว พวกเขาจะยอมสยบอย่างแท้จริงหรือไม่?
ขณะเดียวกัน คนจากตระกูลใหญ่นอกวังมองดูเปลวเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นฟ้า ก็อดถอนใจไม่ได้ พลางคิดในใจ ราชวงศ์บุริมฉายอาจต้องสิ้นแล้วจริงๆ…
ทว่าใครเลยจะรู้ ไม่นานนัก ก็มีข่าวหนึ่งแพร่ออกมา
“อะไรนะ? ฝ่าบาทยอมสยบให้ภูตหมอเฟิ่งจิ่วแล้ว?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ใช่ขอรับ ซ้ำยังทำพิธีผูกพันธสัญญาต่อฟ้าดิน เคารพภูตหมอเฟิ่งจิ่วเป็นนายด้วย” องครักษ์ลับรายงาน
“ซี๊ด! นึกไม่ถึงเลยจริงๆ…นึกไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้” อาวุโสอีกคนสูดหายใจ แล้วพึมพำเสียงเบา
อาวุโสอีกคนที่อยู่ข้างๆ ลูบหนวด แล้วบอกว่า “ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียทีเดียว ยอมสยบต่อภูตหมอเฟิ่งจิ่ว ปกป้องจักรวรรดิบุริมฉายเอาไว้ เป็นใครก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกัน”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนต่างพากันเงียบ ถูกต้อง เทียบกับถูกฆ่าล้างโคตร ยอมสยบและเคารพผู้แข็งแกร่งเป็นนาย เหตุใดจะทำไม่ได้? สิ่งสำคัญที่สุดคือปกป้องสิ่งที่พวกเขาอยากปกป้องต่างหาก
“สืบต่อไป! ดูว่ามีความเคลื่อนไหวใดอีก” อาวุโสหนึ่งในนั้นโบกมือ สั่งให้องครักษ์คนนั้นออกไป
“ขอรับ” องครักษ์ลับรับคำ หมุนตัวเดินออกไป
กระทั่งเขาออกไป อาวุโสหนึ่งในนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงแช่มช้าว่า “ภูตหมอเฟิ่งจิ่วผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
คนอื่นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “จะไม่ธรรมดาได้อย่างไร? นางมีพลังแก่กล้า เพียงยกมือก็ทำลายราชวงศ์หนึ่งได้แล้ว แต่กลับยอมไว้ชีวิตคน ความใจกว้างนี้ มิใช่คนธรรมดาจะเทียบได้”
หนึ่งในนั้นครุ่นคิดเงียบๆ แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “แต่จะว่าไปแล้ว ระดับวรยุทธ์ของนางอยู่ระดับใดกันแน่? เหตุใดแม้แต่ฝ่าบาทก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง?”
………………………………….