เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1747 ร่วมทาง ตอนที่ 1748 ขัดหูขัดตาไปเสียหมด
ตอนที่ 1747 ร่วมทาง / ตอนที่ 1748 ขัดหูขัดตาไปเสียหมด
ตอนที่ 1747 ร่วมทาง
“อ้อ ใช่สิ พวกเจ้าคงยังไม่ได้รับข่าว” ฮุยหลางยิ้มกว้าง “แม้จะมีข่าวแพร่ออกมาก็คงไม่เร็วเท่าพวกข้าเดินทางมากระมัง! ไป ไปนั่งตรงนั้นกัน ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง” เขาโอบไหล่อิ่งอี แล้วเดินไปที่โต๊ะหินข้างหน้า
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายยอมศิโรราบต่อภูตหมอแล้ว พวกเขา…”
ทั้งสองนั่งที่โต๊ะหิน น้ำชาหนึ่งกา ของว่างสองจาน จากนั้นก็พูดคุยกันเรื่องที่จักรวรรดิบุริมฉายยอมจำนน
กระทั่งยามพลบค่ำ เฟิ่งจิ่วตื่นแล้วเดินออกจากห้อง มาถึงข้างนอกเห็นอิ่งอีกับฮุยหลางต่างก็อยู่ จึงถามว่า “อิ่งอี ร่างกายของฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง? พักนี้ดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
“เรียนภูตหมอ ฝ่าบาทเสวยยาที่ภูตหมอให้คนส่งมา ร่างกายดีขึ้นบ้างแล้ว เพียงแต่ยังคงไม่อาจฝึกวรยุทธ์ได้ขอรับ”
ได้ยินอย่างนั้น เธอพยักหน้า แล้วหันไปหาฮุยหลาง “เจ้าไปดูกับข้าหน่อย!”
“ขอรับ” ฮุยหลางรับคำ แล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับเธอ
ทั้งสองเดินออกมาข้างนอก เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นโม่เฉินในชุดขาวสง่างามดุจเซียนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ไม่รู้ว่ากำลังดูสิ่งใดอยู่ เห็นอย่างนั้น ฮุยหลางมุมปากกระตุก รู้สึกว่าโม่เฉินผู้นี้ตั้งใจมารอภูตหมอระหว่างทางแน่ๆ
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่เห็นก็ชะงักเท้าเล็กน้อย หันมองคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ สาวเดินเข้าไปหา “ท่านดูอะไรอยู่หรือ?”
โม่เฉินหันมามองเธอแวบหนึ่ง แล้วแย้มยิ้มอ่อนโยน “ข้ากำลังดูนกบนต้นไม้”
คุณชายที่เดิมทีมีบุคลิกสุขุมสง่างาม แต่จนใจที่บนใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนนั่น รอบดวงตากลับเป็นวงสีดำ ปรากฏรอยช้ำเลือดให้เห็นรางๆ เฟิ่งจิ่วเห็นก็อดหลุดยิ้มไม่ได้ ชี้ไปที่ตาของเขา
“เหตุใดไม่หายามาทาสักหน่อย?” ออกมาเดินข้างนอกด้วยดวงตาที่ถูกต่อนจนช้ำเขียวเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้จักกลัวว่าจะเสียภาพพจน์คุณชายโม่เฉินของเขาบ้างเลย
“ข้าตั้งใจเก็บไว้ จะได้ให้เจ้าเห็น ว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อลงมือหนักขนาดไหน” เขาพูดด้วยสีหน้าเอือมระอา “ทั้งที่ข้าไม่ได้หาเรื่องเขาเลยแท้ๆ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ล้วงยาขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยื่นให้เขา “ยานี้มีฤทธิ์สลายลิ่มเลือด คืนนี้ท่านเอากลับไปทาหน่อย พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”
“ข้าจะไม่ขอบคุณหรอกนะ” เขารับยาไปเก็บ
เฟิ่งจิ่วยักไหล่ “ข้าจะไปดูฝ่าบาทหน่อย ขอตัวลา”
“ข้าไปกับเจ้าด้วย” เขาบอก แล้วมองหน้าเธอที่เลิกคิ้วมองเขา “ข้าเองก็เพิ่งมาถึงวังเซวียนหยวนวันนี้ ประลองกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อไปหลายกระบวนท่า แต่กลับยังไม่ได้ไปคารวะผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวน ประจวบเหมาะได้ไปกับเจ้าพอดี”
“ก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นก็ไปกันเถิด!” เธอสาวเท้าเดิน พยักหน้าให้ฮุยหลางนำทาง
อิ่งอีที่อยู่ไม่ไกลยืนดูเงียบๆ กระทั่งพวกเขาเดินหายลับไป จึงละสายตาออกมา แล้วเดินเข้าไปในตำหนัก
ครั้นเซวียนหยวนโม่เจ๋อตื่น เห็นเฟิ่งจิ่วที่นอนข้างๆ ไม่อยู่แล้ว จึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ รู้สึกเหมือนหลับครั้งนี้สบายนัก และหลับได้ลึกมาก ความเหน็ดเหนื่อยทั่วทั้งร่างราวกับลดลงไปไม่น้อย
เขาเดินออกมา เห็นอิ่งอียืนเฝ้าอยู่ข้างนอก แต่กลับไม่เห็นเฟิ่งจิ่ว จึงถาม “นางเล่า?”
“เรียนนายท่าน ภูตหมอไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทขอรับ” อิ่งอีรายงาน
“ไปนานเท่าใดแล้ว?” เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า
“เพิ่งไปประมาณหนึ่งก้านธูปขอรับ ฮุยหลางก็ไปด้วย แต่ระหว่างทางพวกเขาเจอคุณชายโม่เฉิน เหมือนจะไปด้วยกันแล้ว” อิ่งอีเสริม
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อยักคิ้ว สาวเดินออกไป มุ่งหน้าไปยังตำหนักของเสด็จพ่อของเขาทันที
ในขณะเดียวกัน ในตำหนักบรรทมของผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวน เฟิ่งจิ่วกำลังตรวจชีพจรเขา เนิ่นนาน จึงค่อยหดมือกลับไป
………………………………….
ตอนที่ 1748 ขัดหูขัดตาไปเสียหมด
“เป็นอย่างไรบ้าง? ต้องเป็นแบบนี้ตลอดไปใช่หรือไม่? เจ้าบอกมาตรงๆ ไม่เป็นไร” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนว่า มองเฟิ่งจิ่วในชุดแดงตรงหน้า
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ไม่ต้องห่วงเพคะ แม้จะถูกทำลายวรยุทธ์ แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้” เห็นเขาเหมือนไม่ค่อยเชื่อ เธอจึงอธิบายว่า “จริงๆ นะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้โกหกพระองค์ เพียงแต่ต้องใช้เวลาค่อยๆ รักษาไป อีกอย่างหลังจากหายดี วรยุทธ์ของพระองค์ต้องเริ่มฝึกใหม่หมดตั้งแต่ต้น”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนไม่อยากเชื่อ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย “จริงหรือ?” เขายังฝึกวรยุทธ์ได้อีกหรือ?
“จริงเพคะ” เฟิ่งจิ่วพยักหน้ายืนยัน
“ตะ แต่ตันเถียนของข้า…”
“ไม่เป็นไรเพคะ รักษาได้”
เธอยิ้มๆ แล้วบอกว่า “ช่วงหลังจากนี้หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยรักษาพระองค์ พระองค์ไม่ต้องห่วง หม่อมฉันจะจัดยาต้มให้ท่านก่อน แล้วค่อยหลอมยาที่สามารถรักษาจุดตันเถียนของพระองค์” ขณะอธิบาย เธอพลิกมือ แล้วแกว่งเหรียญตราในมือ “เชื่อหม่อมฉันสิเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กำลังคุยโวแน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนขอบตาร้อนผ่าว รู้สึกอยากหลั่งน้ำตา มีเพียงต้องประสบกับตนเอง จึงจะรู้ว่าจากผู้แข็งแกร่งกลายเป็นผู้ไร้วรยุทธ์ กลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่อาจฝึกวรยุทธ์ได้อีกนั้นทุกข์ทรมานเพียงใด
เพราะวรยุทธ์ทั้งหมดถูกทำลาย รูปร่างหน้าตาที่เขารักษามาตลอดก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน เขาดูแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็อ่อนแอราวกับอาจตายได้ทุกเมื่อ
ประสบการณ์เช่นนี้ แทบไม่ต่างกับตายทั้งเป็น
ทว่ายามนี้ เขาที่ได้ยินเฟิ่งจิ่วพูดอย่างนั้น กอปรกับเห็นเหรียญตรานักเล่นแร่แปรธาตุและเหรียญตรานักปรุงยาในมือของเธอ ก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบคุณเจ้ามาก! ขอบคุณมาก…” เขากุมมือเฟิ่งจิ่ว พูดขอบคุณด้วยเสียงสะอื้น
“นี่เป็นสิ่งที่หม่อมฉันสมควรทำอยู่แล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “พระองค์พักผ่อนให้ดี พวกเราจะไปแล้ว หากจัดยาเสร็จเมื่อใด หม่อมฉันจะมาหาอีกครั้งนะเพคะ”
ขณะกล่าว ก็เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินเข้ามา มองเสด็จพ่อของเขาที่กุมมือเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าซาบซึ้งแวบหนึ่ง แล้วหันไปสั่งข้ารับใช้ในตำหนัก “ประคองฝ่าบาทไปพักผ่อน อย่าให้จิตใจของเขากระทบกระเทือนมากไป”
“เพคะ” ข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งรับคำ ประคองผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนเข้าไปข้างใน
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนมองเขาแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย กลับไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากที่ทั้งสามคนเดินออกมาจากตำหนัก เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เฟิ่งจิ่วที่อยู่ตรงกลางครุ่นคิด แล้วหันไปพูดกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “ข้าได้ยินฮุยหลางบอกว่าในคลังเก็บยาของวังเซวียนหยวนก็มียาพันปีอยู่หลายชนิด ท่านพาข้าไปดูหน่อยเถิด! หากมียาที่เหมาะสม ก็อาจทำเป็นยาน้ำได้ด้วย”
โม่เฉินที่อยู่ด้านหนึ่งได้ยินก็บอกเฟิ่งจิ่วว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าไปกันเถิด! ข้าจะกลับไปทายาที่ตาหน่อย อีกอย่าง หากมียาใดที่ที่นี่ไม่มี แต่เจ้าต้องใช้ ก็มาหาข้าได้ ไม่แน่ข้าอาจช่วยได้”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ด้านหนึ่งเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ท่านห่วงตัวเองก่อนเถิด! ข้าไม่คิดว่าท่านจะมียาที่วังของเราไม่มี” ขณะกล่าว ก็โอบเฟิ่งจิ่วเดินนำไปข้างหน้า
เฟิ่งจิ่วหันกลับมายิ้มขอโทษ ครั้นเดินห่างออกไป ก็พูดกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “ข้ารู้สึกว่าท่าทีที่ท่านมีต่อเขาไม่เป็นมิตรเลยจริงๆ”
“อืม เพราะข้ารู้สึกว่าเขาขัดหูขัดตาเกินไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วอดยิ้มไม่ได้ “เหตุใดจึงขัดหูขัดตา? ข้ากลับรู้สึกว่าเขาเจริญหูเจริญตานัก! หน้าตาก็หล่อเหลา บุคลิกก็โดดเด่น ขัดหูขัดตาตรงไหนกัน?”
เขาเหลือบมองเธอที่อยู่ข้างกาย แล้วตอบว่า “จุดใดที่เจ้ามองว่าเขาดี ในสายตาข้าล้วนขัดหูขัดตา”
………………………………….