เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1749 คว่ำไหน้ำส้มสายชู ตอนที่ 1750 เหตุผลเล่า
ตอนที่ 1749 คว่ำไหน้ำส้มสายชู / ตอนที่ 1750 เหตุผลเล่า
ตอนที่ 1749 คว่ำไหน้ำส้มสายชู
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก ก็ได้! ไหน้ำส้มสายชูถูกคว่ำแล้ว มองอย่างไรก็คงขัดหูขัดตากระมัง
ทั้งสองพูดคุยกันจนเดินไปถึงคลังเก็บยา เข้าไปข้างใน เซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่งลงด้านหนึ่ง แล้วบอกเฟิ่งจิ่วว่า “ในนี้น่าจะมียาที่เจ้าอยากได้ เจ้าดูว่าอยากได้อะไรก็หยิบเอาเอง แต่ละกล่องล้วนมีเขียนบอกไว้”
“อืม ข้ารู้แล้ว” เฟิ่งจิ่วรับคำ สายตากวาดมองชั้นวางที่เป็นช่องๆ พวกนั้นทีละแถวๆ อ่านชื่อยาแต่ละตัว
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองดูเธอเลือกยาอยู่ตรงนั้น ก็บอกว่า “อายุห้าร้อยปีขึ้นไปอยู่ทางฝั่งซ้าย ยังมียาทิพย์อายุพันปีอยู่แถวบนสุด”
เฟิ่งจิ่วดึงลิ้นชักแล้วหยิบยาทิพย์ออกมาดู ยาใดที่ต้องใช้เธอก็เก็บ จากนั้นก็จัดยาอีกสองห่อยื่นให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อ “ก่อนที่ข้าจะปรุงยาน้ำได้ ต้มยาพวกนี้ให้เสด็จพ่อของท่านดื่มก่อน น้ำสองถ้วยต้มให้เหลือครึ่งถ้วยก็พอ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับมาดูแวบหนึ่ง แล้วถามว่า “เสร็จแล้วหรือ?”
“อืม ไปกันได้แล้ว”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด! ข้าสั่งให้บ่าวทำอาหารที่เจ้าชอบกินไว้ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว น่าจะเตรียมเสร็จแล้ว” เขาเดินเข้ามาจูงมือของเธอ แล้วพาเธอเดินออกไป
ทหารที่เฝ้าคลังเก็บยาลงกลอนประตูอีกครั้ง จากนั้นก็ยืนเฝ้าอยู่ข้างหน้าต่อไป
มาถึงข้างนอก เซวียนหยวนโม่เจ๋อยื่นยาสองห่อนั้นให้อิ่งอี กำชับเขาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปที่ตำหนักพร้อมกับเฟิ่งจิ่ว เมื่อถึงที่นั่น ก็สั่งให้บ่าวยกอาหารมาจัดวาง
“เรียกโม่เฉินมากินด้วยกันเถิด!” เฟิ่งจิ่วยิ้มหวานมองหน้าเขา “เขาเป็นแขก จะเสียมารยาทได้อย่างไรกันเล่า!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยังอยากจะพูดอะไรอีกเห็นเธอมองเขาด้วยแววตายิ้มหวาน จึงไม่พูดอะไรอีก ได้เพียงนั่งหลังเหยียดตรงอยู่ที่นั่น
เหลิ่งหวาที่ยืนอยู่ข้างเฟิ่งจิ่วเห็นก็ยิ้ม “เช่นนั้นข้าไปเชิญเองขอรับ” กล่าวจบ ก็หมุนตัวเดินจากไป
เห็นว่าบนโต๊ะมีแต่อาหารที่เธอชอบกิน เฟิ่งจิ่วอดตะกละขึ้นมาไม่ได้ พักนี้หากไม่ใช่ฝึกวรยุทธ์ก็เดินทาง มีโอกาสได้กินอาหารที่ชอบน้อยมาก ยามนี้เมื่อเห็นอาหารที่ชอบกินวางอยู่เต็มโต๊ะ ก็รู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก
“นี่เป็นเหล้าวิญญาณ ลองดื่มถ้วยเล็กๆ ก่อน” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเทเหล่าวิญญาณให้เธอถ้วยเล็กๆ พยักหน้าให้เธอลองชิมดู
เฟิ่งจิ่วมองดูสุราครึ่งถ้วยเล็กๆ ตรงหน้า มุมปากกระตุก “น้อยขนาดนี้จะรู้รสชาติได้อย่างไร? ถ้าอย่างไรเปลี่ยนเป็นถ้วยใหญ่ดีหรือไม่?”
ได้ยินอย่างนั้น เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “เจ้าไม่กลัวเมาหรือ? เหล้านี้ฤทธิ์แรงนัก”
ได้ยินอย่างนั้น เธอยักคิ้ว “ฤทธิ์เหล้าแรง? ข้าลองดูหน่อย” เธอยกถ้วยเหล้าขึ้นดม กลิ่นหอมฉุยของเหล้าลอยเข้ามาในจมูก แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณ เพียงดมกลิ่นก็รู้แล้วว่านี่เป็นเหล้าดี
เธอจิบคำเล็กๆ กลิ่นหอมของสุราดีกระจายทั่วปลายลิ้น กลิ่นอายพลังวิญญาณไหลลงคอไปพร้อมกับเหล้า แผ่กระจายไปทั่วร่าง เพียงคำเล็กๆ ก็ทำให้รู้สึกอุ่นสบายท้อง
“เป็นอย่างไรบ้าง?” นัยน์ตาดำขลับลึกล้ำของเซวียนหยวนโม่เจ๋อจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ รอยยิ้มพาดผ่านดวงตา ดูจากสีหน้าของเธอ ก็รู้ว่าเธอพึงพอใจในเหล้านี้มาก
“เยี่ยมยอดมาก ไม่รู้สึกเผ็ดร้อน แต่พอลงท้องไปกลับให้ความรู้สึกอุ่นสบายท้อง” เฟิ่งจิ่วตอบ แล้วจิบอีกหนึ่งคำเล็กๆ ก่อนจะวางถ้วย
ไม่น่าเล่าเขาถึงได้บอกว่าเหล้านี้ฤทธิ์แรง เพียงจิบคำเล็กๆ สองคำ ก็รู้สึกอุ่นร้อนไปทั้งตัว ฤทธิ์นี้ยอดเยี่ยมกว่าเหล้าในห้วงมิติของเธอเสียอีก
“อะไรเยี่ยมยอดหรือ?” โม่เฉินในชุดขาวสาวเท้าเข้ามาอย่างแช่มช้า มองเฟิ่งจิ่วแล้วยิ้มถาม
………………………………….
ตอนที่ 1750 เหตุผลเล่า
เฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงก็เงยหน้ามอง “มาแล้วหรือ? นั่งเร็ว พวกข้ากำลังพูดถึงเหล้าวิญญาณอยู่!”
ขณะพูด เฟิ่งจิ่วเทเหล้าให้เขาถ้วยเล็กๆ “ท่านชิมดู ฤทธิ์เหล้านี้แรงมากจริงๆ ข้าดื่มไปคำเล็กๆ รู้สึกอุ่นร้อนไปทั้งตัวเลยทีเดียว”
“อ้อ? เช่นนั้นข้าต้องลองสักหน่อยแล้ว” โม่เฉินนั่งลงข้างเฟิ่งจิ่ว ยกถ้วยเหล้าขึ้นจิบคำหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “ไม่เลว นี่คงเป็นสุราหมักนานแรมปีแล้ว”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเขาแวบหนึ่ง สายตาชำเลืองมองเบ้าตาช้ำเลือดของเขา รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เขาบอกว่า “เหตุใดท่านยังไม่ทายาอีก? ดูจากสีแล้วช้ำไม่น้อย”
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินมองเขา ยิ้มบอกว่า “ทาแล้ว ยังเป็นยาที่เฟิ่งจิ่วให้ข้ามาด้วย เย็นสบายเชียวล่ะ ข้าว่าจะทาก่อนนอนอีกสักครั้ง” ขณะตอบ เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง แล้วหันไปบอกเฟิ่งจิ่ว “ยาของภูตหมอเป็นของล้ำค่ามาก ข้าต้องประหยัดใช้หน่อย ที่เหลือเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
เห็นทั้งสองปะทะฝีปากกันกลับไปกลับมา เฟิ่งจิ่วยิ้มอย่างเอือมระอา บอกพวกเขาว่า “มาๆๆ กินเร็ว เดี๋ยวอาหารเย็นหมด” ขณะพูด ก็คีบอาหารให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อ
เห็นอย่างนั้น สีหน้าของเซวียนหยวนโม่เจ๋ออ่อนลงเล็กน้อย ไม่ถือสาโม่เฉินอีก หันมาคีบอาหารให้เฟิ่งจิ่ว รู้ว่าเธอชอบกินกุ้งผัดพริกเกลือ จึงแกะเปลือกให้เธอหลายตัว เห็นเธอพยักหน้าบอกเหลิ่งซวงให้เทเหล้าให้เธออย่างตะกละตะกลาม จึงบอกเธอว่า “ดื่มเหล้าให้น้อยหน่อย กินอะไรรองท้องก่อน”
โม่เฉินนั่งมองอยู่ข้างๆ แววประหลาดใจพาดผ่านดวงตาอันราบเรียบของเขา ใช่แล้ว เขาไม่นึกว่าผู้แข็งแกร่งที่เคยชินกับการอยู่เหนือผู้คนมาตลอดอย่างเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ชายที่รอบกายเต็มไปด้วยแรงกดดันอันแข็งกร้าวและเผด็จการ ยามอยู่กับหญิงอันเป็นที่รักของเขา กลับอ่อนโยนและใส่ใจถึงเพียงนี้
หากไม่ได้เห็นกับตา เขาคงไม่เชื่อ แม้กระทั่งเรื่องอย่างการแกะเปลือกกุ้งเขาก็ยังเป็นคนทำให้
มองดูความเหมาะสมของพวกเขาสองคนที่สามารถสื่อถึงกันได้โดยไม่ต้องอาศัยคำพูดให้มากมาย เขาอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันมาก เฟิ่งจิ่วรับหน้าที่กิน เซวียนหยวนโม่เจ๋อรีบหน้าที่คีบอาหารแกะเปลือกกุ้ง ความสุขและความอ่อนโยนที่เป็นธรรมชาติอย่างนั้นล้นทะลักออกมา แม้แต่คนนอกอย่างเขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความรักระหว่างพวกเขาสองคน
นาทีนี้ เขาเพียงก้มหน้าก้มตา คีบอาหารกินอย่างแช่มช้า ลึกๆ ข้างในกลับคิดว่า สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเซียน ชีวิตหนึ่งนั้นยาวนานนัก เซวียนหยวนโม่เจ๋อช่างโชคดียิ่ง ได้พบคนที่ใจตรงกันและใช้ทั้งชีวิตร่วมกัน
“โฒ่เฉิน ยังไม่ได้ถามเลยว่าท่านมาทำอะไรที่นี่? มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?” เฟิ่งจิ่วหันไปถามโม่เฉินที่กำลังกินข้าวอยู่ เขางดการกินห้าธัญพืชแล้ว ฉะนั้นสำหรับอาหารโต๊ะนี้เขาเพียงชิมดูเท่านั้น
ทว่า เธอกลับไม่เหมือนเขา แม้จะงดกินห้าธัญพืชแล้ว แต่เธอก็ยังคงชอบกินห้าธัญพืชรวมถึงเนื้อสัตว์ด้วย ก็เหมือนกับอาหารโต๊ะนี้ ข้าวเป็นข้าวสารวิญญาณ ผักก็เป็นผักวิญญาณ แม้แต่อาหารประเภทเนื้อสัตว์ก็ยังเป็นสัตว์วิญญาณ
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินมองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “อืม ข้ามีธุระ” ขณะตอบ เขาวางตะเกียบแล้วจิบเหล่าคำหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้าว่า “ครั้งนี้ที่มา เพราะข้าจะติดตามเจ้า หลังจากที่สะสางปัญหาทางนี้เสร็จแล้ว เจ้าคงจะเดินทางไปที่แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำใช่หรือไม่? ข้าไปกับเจ้าได้”
“ไม่จำเป็น ถึงตอนนั้นข้าจะไปกับนางเอง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อตัดบท ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง แววตาเหมือนกำลังบอกว่าว่าแล้วเชียว คนคนนี้จะต้องมาเพิ่มความยุ่งยากให้เขา
เฟิ่งจิ่วประหลาดใจ เธอมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำ ถามว่า “เหตุผลเล่า?”
………………………………….
————————