เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1753 ละอายใจที่เทียบไม่ได้ ตอนที่ 1754 เฟิ่งซานหยวนมาถึง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1753 ละอายใจที่เทียบไม่ได้ ตอนที่ 1754 เฟิ่งซานหยวนมาถึง
ตอนที่ 1753 ละอายใจที่เทียบไม่ได้ / ตอนที่ 1754 เฟิ่งซานหยวนมาถึง
ตอนที่ 1753 ละอายใจที่เทียบไม่ได้
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรออย่างใจเย็น ฟังคำพูดของผู้คนรอบๆ ทว่าสายตาของเขากลับมองตรงไปข้างหน้า จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งก็เห็นเงาร่างสีแดงเงาหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน จึงรีบเดินเข้าไปหา
“เก็บตัวหลอมยานานขนาดนี้ สุขภาพยังดีอยู่หรือไม่?” เขาถามเสียงเบา มองใบหน้าเหน็ดเหนื่อยของเธอ
“ยังดีอยู่ ท่านดู” เธอแกว่งขวดยาในมือ แล้วแย้มยิ้มอย่างมีความสุข “ท่านดูสิ ข้าหลอมสำเร็จแล้ว จุดตันเถียนของเสด็จพ่อของท่านมีความหวังแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ รู้สึกเปรี้ยวฝาดไปทั้งหัวใจ เขารู้ หากไม่ใช่เพราะคนคนนั้นเป็นเสด็จพ่อของเขา เธอไม่มีทางเก็บตัวในห้องหลอมยานานถึงสองเดือน เพียงเพื่อหลอมยาเม็ดนี้ออกมาหรอก
พันหมื่นคำพูดกลายเป็นเสียงถอนหายใจ เขาเอื้อมมือดึงเธอมาโอบ “ไปพักก่อนเถิด! สายหน่อยข้าค่อยไปกับเจ้า”
“ก็ดีเหมือนกัน” เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ แล้วหันไปมองกวนสีหลิ่น “ท่านพี่ พวกท่ากลับมาแล้วหรือ?”
“กลับมาแล้ว ทุกอย่างก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้วด้วย เจ้าไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น” กวนสีหลิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ทุกคนไม่เป็นไรกระมัง?” เธอถาม
“ไม่เป็นไรขอรับ ต่างอยู่ดีกันทั้งนั้น ไม่ขาดใครไปสักคน” หลัวอวี่ที่อยู่ข้างหนึ่งตอบแทน
ได้ยินอย่างนั้น เธอพยักหน้า “วันนี้ไม่คุยกับพวกเจ้ามากแล้ว พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ทุกคนค่อยฉลองกันเต็มที่”
“ดี” กวนสีหลิ่นหัวเราะเสียงดังกังวาน แล้วบอกว่า “อย่างนั้นเจ้าก็รีบไปพักผ่อนเถิด!” พูดจบ ทุกคนถอยหลัง เปิดทางเส้นหนึ่ง แล้วมองดูเซวียนหยวนโม่เจ๋อโอบไหล่เธอเดินออกไป จากนั้นก็จับกลุ่มคุยกันอีกครั้ง
“นายท่านยอดเยี่ยมจริงๆ ยาอย่างนี้ก็ยังหลอมขึ้นมาได้ พวกเจ้าว่า ต่อไปจะหลอมยาชุบชีวิตได้หรือไม่?” หลัวหวี่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ฟั่นหลินที่อยู่ข้างๆ ตอบว่า “นั่นคงเป็นไปไม่ได้กระมัง! ยาชุบชีวิตหลอมขึ้นมาได้ง่ายๆ เสียที่ไหน?”
“ในโลกนี้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บางทีอาจกลายเป็นเป็นไปได้” โม่เฉินกล่าว มองทุกคนแวบหนึ่ง ยิ้มๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไป
ทุกคนได้ยินเขาพูดอย่างนั้นก็เงียบครุ่นคิด ไม่นานก็ได้ยินเสียงของกวนสีหลิ่นดังมา
“เอาล่ะ ไป ข้าเลี้ยงเหล้าทุกคนเอง” เขาตบไหล่พวกเขา แล้วพาทุกคนเดินจากไปพร้อมกัน ส่วนผู้ครองแคว้นบุริมฉายได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้น เขาชะงักงันไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตามทุกคนไป
เดิมทีเขาจะกลับจักรวรรดิบุริมฉาย ใครจะรู้สุดท้ายกลับถูกกวนสีหลิ่นลากมาด้วย มาถึงที่นี่ฐานะของเขาก็ชวนให้อึดอัดใจไม่น้อย หวังเพียงว่า อีกไม่กี่วันหลังจากรายงานเรื่องต่างๆ ให้เฟิ่งจิ่วเรียบร้อยแล้ว จะได้กลับบุริมฉายเร็วๆ
ในอีกด้าน เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่พาเฟิ่งจิ่วกลับตำหนักนั่งรออยู่ข้างนอก เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างในกำลังแช่น้ำ หลังอาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงสีแดงตัวใหม่
เธอเช็ดผมแห้งแล้วเดินออกมา นั่งลงข้างโต๊ะแล้วถามว่า “พักนี้ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกระมัง? กลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำยังลงมืออยู่อีกหรือไม่?”
“พวกนั้นส่งคนมากลุ่มหนึ่ง ถูกพวกเราจัดการไปแล้ว หลังถูกจัดการไปหลายครั้งก็เหมือนจะเงียบไปไม่ลงมืออีก”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับสายรัดผมที่เธอยื่นให้ แล้วรวบเส้นผมลื่นสลวยดุจไหมที่สยายอยู่ข้างหลังขึ้น เหลือเพียงปอยผมสองเส้นไว้ที่ข้างแก้ม เพิ่มความอ่อนหวานมีเสน่ห์ให้กับดวงหน้าของเธอที่เดิมก็งดงามล่มเมืองอยู่แล้ว
“จักรวรรดิอื่นๆ ก็ส่งคนมาเช่นกัน เรียกได้ว่าเรื่องระหว่างจักรวรรดิใหญ่ล้วนสงบลงแล้ว” พูดมาถึงตรงนี้ กลีบปากของเขาหยักขึ้นเล็กน้อย กุมมือของเธอ “ความสามารถและความเร็วในการสะสางเรื่องนี้ของเจ้า ช่างชวนให้ข้าละอายใจที่ไม่อาจเทียบเจ้าได้จริงๆ”
………………………………….
ตอนที่ 1754 เฟิ่งซานหยวนมาถึง
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มบอกว่า “นั่นเพราะท่านต้องนั่งประจำการอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้น อาศัยพลังปราชญ์เซียนขั้นสูงสุดของท่าน มีหรือจะจัดการไม่ได้?”
เธอเองก็เพิ่งดูระดับพลังของเขาออกหลังจากที่ทะลวงขึ้นเป็นปราชญ์เซียนแล้วเหมือนกัน เธอมียาคอยช่วย แล้วยังเป็นร่างเทพประทับอีก ถึงได้ฝึกวรยุทธ์ได้รวดเร็วเช่นนี้ แต่เขากลับฝึกฝนด้วยกำลังและความสามารถของตนเองล้วนๆ
ได้ยินเธอพูดถึงพลังปราชญ์เซียนขั้นสูงสุด เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเธอด้วยสายตาลึกล้ำ “เวลาครึ่งปีเจ้ากลับทะลวงขั้นเป็นปราชญ์เซียนได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ” พลังเช่นนี้ ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะสามารถทะลวงขั้นได้อีกครั้งแล้ว
“จะไปแถบเหนือแม่น้ำ พลังเท่านี้ยังไม่พอ” เธอบอก นึกถึงเรื่องที่กลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำสังหารพวกท่านปู่ของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะกำหมัด
เธอไม่มีทางหยุดแค่นี้แน่! เธอจะทำให้พวกเขาชดใช้ด้วยความเจ็บปวดทรมาน!
“หากร่างกายของเสด็จพ่อของข้าหายดีเมื่อใด ข้าจะไปกับเจ้า” เขากุมมือนางแล้วบอก
เฟิ่งจิ่วไม่พูดอะไร เพียงอิงแอบในอ้อมอกเขา ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ขณะเดียวกัน นอกราชวังเซวียนหยวน เรือบินลำหนึ่งค่อยๆ ลงจอด ครั้นเรือบินลงจอดถึงพื้น เฟิ่งซานหยวนกับซู่ซีเดินออกมาจากข้างใน หยุดยืนอยู่หน้าประตูวังหลวง
มู่หรงอี้เซวียนเองก็เดินออกมาจากข้างหลัง ข้างกายมีเพียงองรักษ์ชุดดำติดตามมาคนเดียว หยุดยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งซานหยวน
“ผู้ใดกัน!” ทหารเฝ้าประตูวังตวาดถามเสียงเข้ม
“เจ้าไปรายงานที ข้าชื่อเฟิ่งซานหยวน” รู้ว่าคนพวกนี้ไม่รู้จักเขา เฟิ่งซานหยวนจึงไม่โกรธเคือง เพียงมองทหารตรงหน้าแล้วบอกเขา
ได้ยินว่าเขาแซ่เฟิ่ง ทหารนายนั้นชะงัก รีบวิ่งเข้าไปข้างใน ครั้นถึงข้างใน ก็เจอฮุยหลางที่กำลังจะไปหาพวกกวนสีหลิ่นพอดี จึงรีบเรียกเขา
“หัวหน้าองครักษ์”
ฮุยหลางที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีตั้งใจจะไปชวนพวกกวนสีหลิ่นดื่มชา นึกไม่ถึงทหารคนหนึ่งกลับขวางหน้าเขา จึงถามด้วยความไม่พอใจ “อะไรกัน? เจ้าใจกล้ามากไปแล้วกระมัง? กล้าขวางทางข้าเชียวหรือ?”
“เปล่านะขอรับ หัวหน้าองครักษ์ ข้างนอกมีคนกลุ่มหนึ่งมา หนึ่งในนั้นบอกว่าชื่อเฟิ่งซานหยวน รบกวนท่านไปรายงานองค์รัชทายาทที ดูว่าพระองค์จะพบหรือไม่” ทหารนายนั้นรีบบอก ใครเลยจะรู้ เขาเพิ่งพูดจบ ก็เห็นฮุยหลางเบิกตากว้างทำหน้าตกตะลึง หน้าตาราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? เฟิ่งซานหยวน? ชื่อเฟิ่งซานหยวนจริงหรือ? ไม่ได้ฟังผิดกระมัง?” นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? พวกท่านปู่ของภูตหมอถูกไฟไหม้ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
“ไม่ได้ฟังผิดขอรับ คนผู้นั้นบอกมาอย่างนี้ พวกเขารออยู่นอกประตูวัง…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นฮุยหลางรีบพุ่งตัวไปทางประตูวัง เขาได้แต่งงงัน
“สามีข้า ท่านว่าเย่เอ๋อร์จะสบายดีหรือไม่? พวกเสี่ยวจิ่วน่าจะตามหาเขาพบแล้วกระมัง?” ซู่ซีกังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อประตูวังอยู่แค่ตรงหน้า นางกลัวว่าหากเข้าไปเจอพวกเขาแล้วจะไม่เห็นเงาร่างของเฟิ่งเย่ เพราะถึงอย่างไร เด็กทั้งสองก็ยังอายุน้อยถึงเพียงนั้น สถานการณ์ในตอนนั้นก็ทั้งฉุกเฉินและอันตรายถึงเพียงนั้น
“ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไร พวกเรายังรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย เย่เอ๋อร์จะต้องมีชีวิตอยู่แน่” เฟิ่งซานหยวนตบๆ มือนาง แล้วพูดปลอบใจ
ส่วนมู่หรงอี้เซวียนที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขานัยน์ตาไหวระริก ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
“ผู้อาวุโสเฟิ่ง? เป็นพวกท่านจริงหรือนี่? ข้าไม่ได้มองผิดไปกระมัง?” ฮุยหลางรีบพุ่งตัวเข้ามา ยามเห็นเฟิ่งซานหยวนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนคนอายุยี่สิบสามสิบ ก็อดเบิกตากว้างไม่ได้
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว คนที่ถูกไฟไหม้ตายไปแล้วแท้ๆ กลับยังมีชีวิตอยู่อย่างนี้? หนำซ้ำ คนข้างๆ นั่นไม่ใช่ฮูหยินของอาวุโสเฟิ่งหรอกหรือ? ไม่นึกเลยว่าพวกเขาสองคนจะยังอยู่รอดปลอดภัยเช่นนี้
………………………………….