เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1755 ยินดีที่ได้พบ ตอนที่ 1756 ลูกของข้าเล่า
ตอนที่ 1755 ยินดีที่ได้พบ / ตอนที่ 1756 ลูกของข้าเล่า
ตอนที่ 1755 ยินดีที่ได้พบ
“ใช่ พวกเราเอง แม่หนูเฟิ่งอยู่ที่ใด? เฟิ่งเซียวกับเสี่ยวเฟิ่งเย่อยู่ด้วยหรือไม่?” เฟิ่งซานหยวนถาม
“ดีเหลือเกิน พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ดีเหลือเกิน! ภูตหมอนึกว่าพวกท่านตายในกองเพลิงมาตลอด หากรู้ว่าพวกท่านยังอยู่ นางจะต้องดีใจมากแน่ๆ” ฮุยหลางพูดด้วยอารามตื่นเต้นดีใจ สายตาเลื่อนมองด้านข้าง ก็อดตะโกนออกมาด้วยความตกใจไม่ได้ “มะ มะ มู่หรงอี้เซวียน!”
เทียบกับอาการตื่นตกใจของฮุยหลาง มู่หรงอี้เซวียนเพียงพยักหน้าอย่างสุขุม “พาพวกเราเข้าไปได้แล้วกระมัง?”
“ฮุยหลาง เย่เอ๋อร์ยังปลอดภัยดีหรือไม่?” ซู่ซีถามอย่างร้อนใจ ในใจคิดถึงลูกชายของนางอยู่ตลอด
ได้ยินอย่างนั้น ฮุยหลางไม่รู้จะตอบนางอย่างไร ทำได้เพียงยิ้มเหยเก “ที่จริงเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนัก พวกท่านเข้าไปก่อน พบภูตหมอแล้วนางย่อมบอกพวกท่านเอง”
ขณะบอก ก็รีบพาพวกเขาเข้าไปข้างใน ให้พวกเขานั่งพักในตำหนักสักครู่ จากนั้นก็รีบไปหานายท่านของเขาและภูตหมอ
“เรื่องใหญ่แล้วๆ!”
เขาวิ่งเข้าไปในตำหนักอย่างรีบร้อน เห็นสองคนที่กำลังนั่งพิงกันอยู่ กลับไม่ได้ถอยออกไปเหมือนแต่ก่อน แต่วิ่งพุ่งเข้าไป ทำให้อิ่งอีที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นแล้วก็อดตามเข้าไปไม่ได้
“มีอะไรกัน?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถามเสียงเข้ม แววตาลึกล้ำตวัดมองฮุยหลาง
“มาแล้ว! ภูตหมอ พวกท่านปู่ของท่านมาแล้ว!”
ได้ยินอย่านั้น เฟิ่งจิ่วลุกพรวดทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ?” ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย พยายามควบคุมหัวใจที่สั่นสะท้าน
“จริงนะขอรับ เฟิ่งซานหยวนท่านปู่ของท่าน ยังมีซู่ซีผู้นั้นอีกด้วย พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้อยู่ที่ตำหนักใหญ่…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเงาร่างสีแดงพุ่งออกไปดุจสายฟ้า
เซวียนหยวนโม่เจ๋อนัยน์ตาไหวระริก หันมองฮุยหลาง “พวกเขายังมีชีวิตอยู่? เจ้าดูไม่ผิดแน่นะ?”
“ไม่ขอรับ ไม่ผิดแน่ๆ” ฮุยหลางบอก เหมือนนึกอะไรออก เขาลอบมองนายท่านของเขาแวบหนึ่ง ท่าทางลังเล ว่าจะบอกเขาเรื่องที่มู่หรงอี้เซวียนมาด้วยดีหรือไม่
“มีอะไรก็พูดมา มัวอ้ำอึ้งอะไรกัน?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหล่มองเขาแวบหนึ่ง พลางสาวเดินไปข้างนอก
“ขอรับ” ฮุยหลางรับคำ ครุ่นคิด แล้วบอกว่า “นายท่าน มู่หรงอี้เซวียนก็มาด้วย เขามากับพวกผู้อาวุโสเฟิ่งขอรับ” พูดจบ ก็เห็นนายท่านของเขาชะงักเท้าแล้วหันกลับมา
“เจ้าบอกว่ามู่หรงอี้เซวียน?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเขาแล้วถาม สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด
ฮุยหลางพยักหน้า “ขอรับ เป็นเขา”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อหมุนตัวสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปข้างหน้า ในใจลอบคิด มู่หรงอี้เซวียนคนนั้นไร้ข่าวคราวมาตั้งนาน เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่หน้าออกมา? แล้วยังมากับพวกผู้อาวุโสเฟิ่งด้วย?
ขณะเดียวกันที่ตำหนักใหญ่ เฟิ่งจิ่วพุ่งตัวเข้ามาราวกับสายลม
“ท่านปู่!”
เธอพุ่งเขาไปกอดเฟิ่งซานหยวนแน่น “ท่านปู่ เป็นท่านจริงๆ ด้วย เป็นท่านจริงๆ ข้านึกว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว…”
ขอบตาของเธอแดงผ่าว ครอบครัวที่นึกว่าตายไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้ง ความรู้สึกอย่างนี้ ตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย
เฟิ่งซานหยวนตบหัวของเธอเบาๆ น้ำเสียงแฝงแววสะท้อนใจ “ปู่เองก็นึกว่าจะไม่พบเจ้าแล้ว”
เฟิ่งจิ่วถอยหลัง มองพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นเขายังสบายดีเช่นเดิม จึงคลายใจ หันไปมองซู่ซีที่อยู่อีกด้านหนึ่ง “ท่านย่า!” เธอเดินไปกอดนางด้วย “พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ดีเหลือเกิน”
………………………………….
ตอนที่ 1756 ลูกของข้าเล่า
“เสี่ยวจิ่ว เย่เอ๋อร์เล่า? เย่เอ๋อร์กับหยางหยางยังสบายดีหรือไม่?”
ซู่ซีถามอย่างไม่สบายใจ ช่วยไม่ได้ที่นางจะคำนึงหาลูกของนาง ต้องรู้ว่าลูกของนางเพิ่งจะอายุสามปี เด็กอายุน้อยขนาดนั้น ซ้ำข้างกายก็มีหยางหยางที่อายุเพียงเจ็ดแปดปีคอยปกป้องคนเดียว นางจะวางใจได้อย่างไร? อีกอย่างผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว นางเองก็ไม่รู้ว่าลูกเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? มาถึงที่นี่ ยิ่งร้อนใจ ยิ่งกระสับกระส่าย
หากเย่เอ๋อร์กับหยางหยางยังปลอดภัยก็ดีไป หากเด็กสองคนนั้นเป็นอะไรไป นางไม่รู้ว่าจะรับแรงกระทบกระเทือนนี้ไหวหรือไม่…
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่ได้ยินคำถามนั้นหัวใจพลันบีบรัด เธอถอยหลังแล้วประคองซู่ซี มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและร้อนใจ ลึกๆ ข้างในเริ่มลังเล
มือของเธอประคองมือของนางไว้ ย่อมรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางไม่เหมือนดังแต่ก่อนแล้ว นึกดูแล้วน่าจะได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ ร่างกายยังไม่หายดี ไม่ได้พบนางนานขนาดนี้ ใบหน้าของนางซีดขาวและผ่ายผอม ใต้ตายังมีรอยคล้ำ เห็นได้ชัดว่าเกิดจากกังวลจนนอนไม่หลับ
หากบอกความจริงกับนางเวลานี้ว่าเด็กสองคนกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้ายไปแล้ว แรงกระทบกระเทือนเช่นนี้ นางจะทนรับไหวได้อย่างไร? หากความกังวลกลายเป็นโรคร้าย เช่นนั้น…
เธอไม่กล้าคิดต่อ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นหมอ รู้ดีว่าบางครั้งไข้ใจก็ทำได้เพียงรักษาด้วยยาใจเท่านั้น แม้นางจะมีวิชาแพทย์ล้ำเลิศเพียงใด หากคนคนหนึ่งไม่มีความคิดอยากอยู่ต่อ อย่างนั้นเธอก็จนปัญญา
“เสี่ยวจิ่วๆ เจ้าบอกข้าเร็ว เย่เอ๋อร์เล่า? เย่เอ๋อร์กับหยางหยาง พวกเขาสองคนเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเขา พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” เห็นเฟิ่งจิ่วเงียบทำสีหน้าครุ่นคิด น้ำตาของซู่ซีไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจดวงน้อยสั่นสะท้าน
นางไม่กล้าจินตนาการ และกลัวที่จะรู้ แต่ทว่าลูกของนางเป็นอย่างไรบ้างกันแน่? แม้ความจริงจะเจ็บปวดเพียงใด นางก็จำต้องรู้
เห็นนางร้องไห้ปานใจจะขาด ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปทั้งดวง ร่างบางสั่นเทาแทบยืนไม่อยู่ เฟิ่งจิ่วลอบตัดสินใจกับตนเอง
“ท่านย่า? ท่านร้องไห้อะไรกัน? ไม่ต้องร้อง เสี่ยวเย่เอ๋อร์กับหยางหยางไม่เป็นไร พวกเขาสบายดี” เธอพูดเสียงเบา พยายามปกปิดความรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างสุดความสามารถ
ได้ยินอย่างนั้น ซู่ซีอึ้งงัน น้ำตาคลอเบ้าเงยหน้ามองเธอ “จริงหรือ? พวกเขาสบายดีจริงหรือ? เจ้าไม่ได้โกหกข้า?” สองมือของนางกุมมือของเธอแน่น กลัวว่านี่จะเป็นเพียงคำโกหกด้วยความหวังดีของเธอเท่านั้น
“จริงๆ เจ้าค่ะ ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไรกัน!” เธอยิ้มๆ พลางเช็ดน้ำตาให้นาง “ท่านนั่งลงก่อน ข้าจะค่อยๆ เล่าให้พวกท่านฟังเอง”
“ท่านปู่ ท่านนั่งก่อน” สิ้นเสียง ก็หันไปมองมู่หรงอี้เซวียนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง อดตะลึงงันไม่ได้ “เป็นท่านเองหรือ?”
“ข้าเอง” มู่หรงอี้เซวียนพยักหน้าน้อยๆ ดวงตาอ่อนโยนจับจ้องที่เธอ แววตาลึกซึ้ง ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ด้านนอก เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่ว ก็หันไปกำชับฮุยหลางที่อยู่ข้างหลัง แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้เหลิ่งหวากับเหลิ่งซวงที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น แล้วจึงค่อยเดินเข้าไป
“ท่านพี่ ข้าออกไปประเดี๋ยว” เหลิ่งหวากระซิบบอกเหลิ่งซวง แล้วออกไปพร้อมกับฮุยหลาง
เหลิ่งซวงมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตากลับมา แล้วยืนมองเข้าไปข้างในเงียบๆ ฟังพวกเขาคุยกัน
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินเข้ามาข้างใน เหลือบมองคนบางคนแวบหนึ่ง แล้วจึงค่อยเดินเข้าไปขานเรียก “ท่านปู่ ท่านย่า” เขาเรียกตามเฟิ่งจิ่ว เหมือนว่ามีเพียงคำเรียกขานนี้เท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด
………………………………….