เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1775 ดวงยังไม่ถึงฆาต ตอนที่ 1776 เฟิ่งซิงมาถึงแล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1775 ดวงยังไม่ถึงฆาต ตอนที่ 1776 เฟิ่งซิงมาถึงแล้ว
ตอนที่ 1775 ดวงยังไม่ถึงฆาต / ตอนที่ 1776 เฟิ่งซิงมาถึงแล้ว
ตอนที่ 1775 ดวงยังไม่ถึงฆาต
“ยึดป้ายคำสั่งตลาดมืดของนาง?” นายแห่งตลาดมืดยิ้มเย็น “ผู้ใดกันใจกล้าถึงเพียงนี้? ตัดมือของเขาเสีย!” ออกคำสั่งเสร็จ เขาก็พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจอีก “สาขาย่อยก็คงต้องจัดการระบบใหม่สักหน่อยแล้ว ไร้กฎระเบียบกันสิ้นดี”
“ขอรับ” ชายชราผู้นั้นก้มหน้ารับคำสั่ง ไม่กล้าเอ่ยปากอีก
ผ่านไปครู่หนึ่ง นายแห่งตลาดมืดถามอีกว่า “ตอนนี้เฟิ่งจิ่วอยู่ที่ใด?”
“ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ราชวังเซวียนหยวน” ชายชราตอบ ก่อนจะถามว่า “นายท่าน จะให้นางมาหาหรือขอรับ?”
“ช่างเถิด ต่อไปอย่างไรก็มีโอกาสได้พบกัน” เขาโบกมือ พยักหน้าให้เขาถอยออกไป
ชายชราโค้งกายถอยออกไป หลังจากที่เขาออกไป นายแห่งตลาดมืดเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก ท้องฟ้าสีหม่น ดวงจันทร์ลอยสูง ดวงดารากลางท้องนภากำลังส่องประกายเจิดจรัส…
ในอีกด้าน ณ สำนักบุปผาเซียน แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ
สำนักบุปผาเซียนเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่บนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ ที่นี่ มีลูกหลานจากทุกที่ และจากทุกตระกูลผู้ดีบนแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ เต็มไปด้วยผู้ที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถโดดเด่น
ลูกหลานจากตระกูลผู้ดีทั้งหลาย ล้วนภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นศิษย์ของหนึ่งในสี่สำนักเซียนใหญ่ หนึ่งเพราะมีสำนักใหญ่คอยหนุนหลัง อีกหนึ่งเพราะที่นั่น ล้วนมีแต่ยอดฝีมือที่ความสามารถโดดเด่น
ลูกศิษย์สี่สำนักเซียนใหญ่ ไม่ว่าไปที่ใด ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นสะดุดตากว่าคนอื่นเสมอ และอาจารย์ของคนเหล่านี้ รวมถึงคนระดับเจ้าเขาของแต่ละยอดเขา ก็มิใช่คนธรรมดาแน่นอน
ยามนี้ เซียนหยวนชิงแห่งสำนักบุปผาเซียนถูกคนลอบวางยาพิษร้ายแรงจนชีวิตตกอยู่ในอันตราย เรื่องนี้แม้สำนักบุปผาเซียนมีใจปกปิด แต่ก็มิอาจห้ามข่าวไม่ให้ข่าวกระจายออกไปได้
แทบจะในทันทีที่ข่าวกระจายออกไป บ้างก็เสียดาย บ้างก็ทอดถอนใจ บ้างก็ลอบยินดี
เซียนเหล่านั้นล้วนเป็นดั่งภูเขาไท่ซานของสำนัก หากเสียใครไปคนใดคนหนึ่ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะกระทบกับสำนักบุปผาเซียนขนาดไหน และจากที่พวกเขารู้มา เซียนหยวนชิงผู้นี้ไม่ได้มีศิษย์ใต้เก้าอี้มากมายเหมือนเซียนคนอื่นๆ เขามีศิษย์เพียงคนเดียว ชื่อมู่หรงอี้เซวียน
ค่ำคืนนี้ ณ ยอดเขาหนึ่งในสำนักบุปผาเซียน เหล่าเจ้าเขาจากแต่ละยอดเขาและเจ้าสำนักล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ส่งผลให้บรรยากาศในจวนถ้ำแห่งนี้กดดันไปด้วย
“แจ้งข่าวให้ศิษย์ของเซียนหยวนชิงทราบแล้วหรือยัง?” เจ้าสำนักมองทุกคน ก่อนจะถามขึ้น
“สองชั่วยามก่อนก็แจ้งไปแล้ว เพียงแต่ ตอนนี้ยังไม่เห็นกลับมา” ชายผู้หนึ่งตอบ
“มู่หรงอี้เซวียนผู้นี้เหตุใดในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ก็ยังไม่กลับมาอีก? ค่ายกลเคลื่อนย้ายของสำนักเราอย่างมากใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว ตอนนี้กลับยังไม่เห็นเงาคน ใช้ได้เสียที่ไหน!” เซียนผู้หนึ่งที่ค่อนข้างสนิทกับเซียนหยวนชิงตำหนิด้วยสีหน้าดำทะมึน
“ที่น่าขำก็คือ ตาเฒ่าสติฟั่นเฟือนนั่นกลับบอกว่าเขาไม่มีทางตาย” เซียนที่ทำหน้าบึ้งแค่นเสียงขึ้นจมูกหนักๆ “คนทั้งสำนักล้วนไร้หนทางกันแล้ว สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้ ข้ากลับอยากรู้นักว่าจะไม่เป็นไรจริงหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำลายชื่อเสียงเขาเสียให้ป่นปี้!”
คนอื่นไม่มีใครพูดอะไร ล้วนทอดถอนใจเงียบๆ ครั้งนี้ เกรงว่าเซียนหยวนชิงจะไม่รอดแล้วจริงๆ ทว่า ตาเฒ่าสติฟั่นเฟือนในสำนักพวกเขาที่วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่เตร็ดเตร่ไปทั่ว กลับบอกว่าเซียนหยวนชิงดวงยังไม่ถึงฆาต อย่างไรก็ไม่ตายแน่นอน
พวกเขาเองก็หวังว่าเซียนหยวนชิงจะไม่เป็นไรอย่างที่เขาว่า แต่สถานการณ์ก็กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนไร้หนทางรับมือแล้ว จะมีใครช่วยเขาได้อีกเล่า?
ยิ่งไปกว่านั้น ที่ตาเฒ่าผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นตาเฒ่าสติฟั่นเฟือน นั่นก็เพราะคำพูดของเขา ล้วนไม่เคยแม่นยำเลย…
………………………………….
ตอนที่ 1776 เฟิ่งซิงมาถึงแล้ว
ขณะกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงหมอคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างร้อนรน สีหน้าเคร่งเครียดมองทุกคน “แย่แล้ว อาการของเซียนหยวนชิงแย่ลงเรื่อยๆ เกรงว่าจะทนได้อีกไม่นาน”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าเขาแต่ละท่านล้วนนั่งไม่ติด รีบพากันเดินออกไป
และในเวลาเดียว ที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายของสำนัก หลังจากที่ประกายแสงเส้นหนึ่งสว่างวาบ เฟิ่งจิ่วกับมู่หรงอี้เซวียนรวมถึงองครักษ์ชุดดำก็พลันปรากฏตัวกลางค่ายกล
“ศิษย์พี่มู่หรง! ท่านกลับมาเสียที เร็วเข้า รีบไปดูเซียนหยวนชิง เขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว!” ศิษย์ที่ถูกสั่งให้เฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายเห็นเขาก็รีบตะโกนขึ้น ทว่ากลับเห็นเขาพาคุณชายชุดแดงผู้หนึ่งมาด้วย จึงอดตะลึงไม่ได้
มู่หรงอี้เซวียนได้ยินอย่างนั้น ก็รีบจูงมือเฟิ่งจิ่วที่กำลังมองพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบด้าน แล้วพาเธอขี่กระบี่บินมุ่งหน้าไปยังยอดเขาหลักโดยตรง
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้น ชำเลืองมองแวบหนึ่งแล้วดึงมือกลับ
มู่หรงอี้เซวียนรู้ตัว ก็มองเธออย่างขอโทษขอโพย “ขออภัย ข้าแค่ร้อนใจเกินไป”
“อืม” เธอรับคำ มองดูยอดเขาเบื้องหน้าที่มีชั้นเมฆลอยคลอเคล้าอยู่ กลิ่นอายพลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่ายามอยู่แปดจักรวรรดิใหญ่ลอยปะทะหน้าเข้ามา ลึกๆ ข้างในอดอุทานด้วยความชื่นชมไม่ได้
เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมดังคาด
ทว่าบนยอดเขาแห่งหนึ่งในสำนักบุปผาเซียน ชายชราชุดเทาผู้หนึ่งกำลังดื่มสุรา เงยหน้าชำเลืองมองแวบหนึ่ง เห็นดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้าส่องประกาย เขาหัวเราะในลำคอ พลางพึมพำว่า “มาแล้ว เฟิ่งซิงมาแล้ว…”
ครั้นถึงยอดเขาหลัก มู่หรงอี้เซวียนมุ่งหน้าไปที่จวนถ้ำ “ท่านอาจารย์!” เขารีบพุ่งตัวเข้าไปข้างใน
ทุกคนที่ได้ยินเสียงต่างหันกลับไปมอง เห็นเขาเข้ามา จึงเปิดทางให้เขาเดินเข้ามาข้างเตียง
“ท่านอาจารย์!” ยามเห็นอาจารย์ที่นอนอยู่บนเตียงเนื้อตัวเป็นสีดำม่วงดูราวกับคนตาย มู่หรงอี้เซวียนสะท้านไปทั้งใจ รีบหันกลับไปมองหาเฟิ่งจิ่ว
“ไม่ต้องหา ข้าอยู่นี่” เฟิ่งจิ่วที่มาอยู่บนหัวเตียงตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้พูดโดยไม่เงยหน้า เธอกำลังพินิจมองชายชราที่นอนอยู่บนเตียง ลึกๆ ข้างในรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทว่า เมื่อทุกคนเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงที่ไม่รู้ว่าจู่ๆ โผล่มาจากที่ใด และดูก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนในสำนักของพวกเขา ซ้ำยังไม่รู้ว่าเดินเบียดพวกเขาเข้ามายืนอยู่บนหัวเตียงตั้งแต่เมื่อไร เจ้าเขาแต่ละคนต่างอดมองหน้ากันไม่ได้
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน? เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่หน้ามา?
ยามเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงยืนตรวจอาการให้เซียนหยวนชิงอยู่บนหัวเตีนยง พวกเขาหมายจะเอ่ยปากถาม แต่กลับได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างแช่มช้าก่อน
“ถอดเสื้อตัวบนของอาจารย์ท่านออก สั่งให้คนเอาอ่างมารองเลือด” เฟิ่งจิ่วหยิบเข็มเงินออกมาจากห้วงมิติ ด้านหนึ่งใช้ไฟรนเข็มเพื่อฆ่าเชื้อ ด้านหนึ่งหันมากำชับ
“เฮยเฟิ่ง ไปเอาอ่างน้ำมา!” มู่หรงอี้เซวียนตะโกนออกไปข้างนอก ส่วนตนเองไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบถอดเสื้อตัวบนของท่านอาจารย์ออก ยามเห็นรอยฝ่ามือสีดำม่วงกลางหน้าอกของท่านอาจารย์ หัวใจเขาพลันหนักอึ้ง
องครักษ์ชุดดำที่อยู่ข้างนอกรีบเอาอ่างน้ำมาวางไว้ด้านหนึ่ง จากนั้นก็ถอยออกไปเงียบๆ
เจ้าสำนักและเหล่าเจ้าเขาเห็นเฟิ่งจิ่วยกเข็มเงินขึ้นทำท่าจะแทงลงไป พลันนั้น หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นเสียงดัง “ช้าก่อน!” แต่ใครเลยจะรู้ เขาตะโกนออกไปแล้ว เด็กหนุ่มชุดแดงกลับไม่หยุดการกระทำแม้แต่น้อย เขาถือเข็มเงินแทงไปที่จุดลมปราณต่างๆ บนร่างของเซียนหยวนชิง เขาเห็นอย่างนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความเดือดดาล
เขาหมายจะก้าวเข้าไป กลับถูกมู่หรงอี้เซวียนขวางไว้ก่อน
“เจ้าสำนัก เจ้าเขาทุกท่าน ท่านนี้คือคนที่ข้าตั้งใจเชิญมาช่วยแก้พิษให้ท่านอาจารย์ของข้า ทุกท่านได้โปรดอย่ารบกวนเขา”
………………………………….