เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1777 อยู่ตรงหน้ากลับไม่รู้จัก ตอนที่ 1778 ตะลึงตาค้าง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1777 อยู่ตรงหน้ากลับไม่รู้จัก ตอนที่ 1778 ตะลึงตาค้าง
ตอนที่ 1777 อยู่ตรงหน้ากลับไม่รู้จัก / ตอนที่ 1778 ตะลึงตาค้าง
ตอนที่ 1777 อยู่ตรงหน้ากลับไม่รู้จัก
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนตะลึงงัน มองหน้ากันแวบหนึ่งไม่พูดอะไร แต่เจ้าสำนักกลับขมวดคิ้ว ถามว่า “เขาอายุยังน้อยจะแก้พิษร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? หากทำอะไรส่งเดช จะไม่…”
“เจ้าสำนัก เขาชื่อเฟิ่งจิ่ว แล้วยังมีฉายาว่าภูตหมอด้วย ข้าเชื่อเขา” มู่หรงอี้เซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เห็นเขาพูดถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าสำนักจึงไม่ขัดขวางอีก เพียงพยักหน้า “อย่างนั้นก็ได้!” หมอและนักเล่นแร่แปรธาตุในสำนักล้วนบอกว่าเซียนหยวนชิงไร้หนทางช่วยแล้ว แต่ใจของเขายังคงมีความหวังอยู่
“เจ้าหนูนี่ดูแล้วอายุก็เพียงยี่สิบกว่า เขาจะทำได้จริงหรือ?” เจ้าเขาที่หน้าบึ้งอารมณ์ค่อนข้างร้อนผู้หนึ่งถามขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความหวัง แต่คนที่มู่หรงอี้เซวียนหามาดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลยต่างหาก!
เวลานี้ ทุกคนไม่มีใครรู้ตัวตนของเฟิ่งจิ่ว ยิ่งไม่เคยได้ยินชื่อของเฟิ่งจิ่วมาก่อน รวมถึงไม่เคยได้ยินฉายาภูตหมอของเธอด้วย ถึงอย่างไร แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำและแถบล่างแม่น้ำก็อยู่ห่างกันมาก หนำซ้ำคนบนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำก็ไม่มีทางใส่ใจคนจากแผ่นดินใหญ่แถบล่างแม่น้ำอยู่แล้ว ย่อมไม่รู้ว่าเฟิ่งจิ่วเป็นยอดปราชญ์มาจากที่ใด
ฉะนั้น ยิ่งไม่มีทางคาดคิด ว่าคนตรงหน้า ก็คือเฟิ่งซิงที่พวกเขาส่งคนออกไปตามหา ด้วยเหตุนี้ ยามเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงที่ชื่อเฟิ่งจิ่วหยิบมีดสั้นออกมา แล้วกรีดฝ่ามือของเซียนหยวนชิงอย่างไม่ลังเล ก็ยิ่งเบิกตากว้าง
“ขะ เขากำลังทำอะไร? ปล่อยเลือดเช่นนี้ คนเป็นๆ ก็ทนไม่ไหว!” เจ้าเขาที่ทำหน้าบึ้งแย้งเสียงดัง เบิกตากว้างจ้องเฟิ่งจิ่วเขม็ง
ได้ยินเสียงพูดและเสียงร้องด้วยความตกใจของคนพวกนั้นดังมา เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้ว หันกลับไปตวัดมองพวกเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปบอกมู่หรงอี้เซวียน “เสียงดังเกินไปแล้ว ออกไปข้างนอกให้หมด”
“เจ้าสำนัก เจ้าเขาทุกท่าน เชิญออกไปรอข้างนอกเถิดขอรับ!” มู่หรงอี้เซวียนทำตามที่เธอสั่งอย่างไม่รีรอ ถึงอย่างไรตลอดเส้นทางเธอก็บอกเขาแล้ว จะรักษาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเธอ
“เจ้าหนูนี่ เจ้าหนูนี่มัน…” เจ้าเขาหน้าบึ้งเบิกตากว้างหมายจะสั่งสอนเฟิ่งจิ่ว กลับถูกเจ้าสำนักตวาดลั่น
“เอาล่ะ ออกไปข้างนอกกันให้หมด!” เจ้าสำนักสั่ง แล้วหันไปกำชับสองคนข้างๆ “พวกเจ้าสองคนอยู่ต่อ ดูว่าต้องช่วยอะไรหรือไม่!”
สองคนนั้นคนหนึ่งเป็นหมอในสำนัก อีกคนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ได้ยินคำสั่งของเจ้าสำนัก จึงพยักหน้ารับ “ขอรับ”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองสองคนนั้น แล้วบอกว่า “ในเมื่อจะช่วย เช่นนั้นก็อย่ามัวยืนอยู่ แก้เชือกที่มัดมืออีกข้างของเขาออกเสีย” เธอสั่ง พลางถอยหลังเช็ดมือให้สะอาด
เห็นน้ำสะอาดในอ่างกลายเป็นน้ำเลือดสีม่วงดำภายในเวลาไม่นาน จึงสั่งให้คนไปเปลี่ยนน้ำมาอีกหนึ่งอ่าง กระทั่ง หลังจากเปลี่ยนน้ำสามอ่าง สีของเลือดจึงสะอาดขึ้นบ้าง เพียงแต่ สีหน้าของเซียนหยวนชิงตอนนี้ซีดขาวเหมือนกระดาษ ลมหายใจอ่อนราวกับจะขาดใจได้ทุกเมื่อ
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้นจึงหยิบยายัดใส่ปากเขาทันที ก่อนจะหันไปกำชับมู่หรงอี้เซวียน “เทน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว”
มู่หรงอี้เซวียนรีบออกไปเทน้ำข้างนอก เสร็จแล้วก็เดินเข้ามายื่นให้เธอ เห็นเธอบีบคางอาจารย์ของเขาแล้วเทน้ำเข้าไป การกระทำอันคล่องแคล่วและเด็ดขาดของเธอ มองดูจนเขาหนังตากระตุก
สองคนที่คอยช่วยอยู่ข้างๆ เองก็ตะลึงตาค้างเช่นกัน การกระทำเช่นนั้นในสายตาของพวกเขา หยาบกระด้างจนไม่อาจหยาบกระด้างได้กว่านี้อีกแล้ว เพียงแต่ ลูกศิษย์ของเซียนหยวนชิงไม่ว่าอะไร พวกเขาจึงไม่เอ่ยปาก อย่างไรสำหรับพวกเขา เด็กหนุ่มชุดแดงผู้นี้ก็มีความสามารถอยู่หลายส่วน
โดยเฉพาะหลังจากที่ยาและน้ำถูกป้อนลงปากไป เซียนหยวนชิงที่ตอนแรกลมหายใจรวยรินเริ่มกลับมามีลมหายใจสม่ำเสมอ นั่นทำให้ทั้งสองลอบทึ่งในใจ
………………………………….
ตอนที่ 1778 ตะลึงตาค้าง
นั่นมันยาอะไรกัน? ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้?
รวมเหล่าหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุหลายคนในสำนักของพวกเขาเข้าด้วยกัน ยังไม่อาจคิดวิธีแก้พิษนี้ได้เลย เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าใช้วิธีปล่อยเลือดเพื่อขับพิษเหมือนที่เด็กหนุ่มชุดแดงทำ ในสายตาของพวกเขา สภาพร่างกายของเซียนหยวนชิงไม่อาจทนรับความทรมานอย่างนี้ได้
แต่ความสามารถที่เด็กหนุ่มแสดงให้เห็นนี้กลับทำให้พวกเขาทึ่งอย่างอดไม่ได้ เพราะพิษในร่างของเซียนหยวนชิงเหมือนจะควบคุมได้แล้ว ไม่ได้แพร่กระจายไปทางเส้นชีพจรหัวใจอีกแล้ว รอยฝ่ามือสีดำม่วงกลางหน้าอกก็ดูเหมือนจะจางลงเล็กน้อยแล้ว อีกอย่างลมปราณก็เริ่มมั่นคงแล้ว ลมหายใจไม่ได้รวยรินเหมือนก่อนหน้านี้
ครั้นพวกเขาเห็นเด็กหนุ่มหยิบมีดและแหนบออกมา และกำลังจะจัดการกับแผลที่พวกเขาพันเรียบร้อยนานแล้ว ก็อดเอ่ยเตือนไม่ได้ “แผลนี้พวกข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว อาวุธลับที่อยู่ข้างในก็เอาออกมาแล้ว”
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจสองคนนั้น พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ แผลตรงนี้แดงบวมและเริ่มร้อนจนกลายเป็นสีดำ แล้วยังบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว? เธอกลับไม่คิดอย่างนี้
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงกรีดเปิดแผล กำจัดเนื้อเน่าที่อยู่ข้างนอก จากนั้นก็เปิดปากแผลให้กว้างและลึกขึ้น กระทั่งเผยให้เห็นกระดูกข้างใน
ยามเห็นกระดูกสีดำที่อยู่ข้างใน สองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สะท้านไปทั้งใจ มองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ ขยับปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
พวกเขานึกว่าเอาอาวุธออกมาและจัดการเรียบร้อยแล้ว กลับนึกไม่ถึง พิษนั้นแทรกซึมเข้าไปถึงกระดูกแล้ว…
ขณะที่พวกเขากำลังรู้สึกละอายใจต่อความเลินเล่อของตนเอง ก็เห็นเด็กหนุ่มใช้มีดขูดกระดูกครั้งแล้วครั้งเล่า เขาขูดเอาเศษผงสีดำออกมาได้มากมาย เสียงมีดขูดกระดูกที่ดังนั่น ทำเอาพวกเขาอกสั่นขวัญหาย
นี่กำลังกรีดเนื้อขูดกระดูกกันจริงๆ นี่! โชคดีที่เซียนหยวนชิงหมดสติไม่รับรู้อะไรนานแล้ว ไม่เช่นนั้น คงต้องทนทรมานต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสจากการถูกกรีดเนื้อขูดกระดูกอย่างนี้
มู่หรงอี้เซวียนยืนมองอยู่ด้านหนึ่ง เขาเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน เขารู้มาตลอดว่าเธอมีวิชาแพทย์อันยอดเยี่ยม กลับนึกไม่ถึงว่าจะยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ ถึงขั้นที่ว่าเห็นแผลก็รู้ว่าพิษซึมเข้ากระดูกแล้ว แล้สยังกรีดเนื้อขูดกระดูกเช่นนี้อีก
การกระทำเช่นนี้ แม้แต่หมอที่เรียนมาหลายสิบปีก็ยัยงไม่กล้าทำ แต่เธอ ดวงหน้างามละเอียดยามนี้กลับมีแต่ความจริงจังและตั้งใจ เธอที่เป็นอย่างนี้ ทำให้เขาได้เปิดโลกทัศน์ใหม่อีกครั้ง
ที่แท้ นางก็มีด้านนี้อยู่ด้วย…
จนกระทั่ง พิษที่กระดูกถูกขูดออกไปจนหมดแล้ว ขณะที่ผู้ช่วยสองคนที่อยู่ข้างๆ เพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก็ต้องกลั้นหายใจอีกครั้ง เพราะเด็กหนุ่มชุดแดงโรยยาใส่แผลเสร็จแล้ว กลับหยิบเข็มออกมา ซ้ำยังเป็นเข็มที่สอดเส้นไหมไว้แล้วด้วย เขาเย็บแผลที่ตนเองกรีดเปิดโดยใช้เข็มเล่มนั้น…
มองดูเด็กหนุ่มชุดแดงกำลังเย็บแผลอย่างตั้งใจและจริงจัง ทั้งสองเหงื่อแตกทั้งตัว ขะ เขาเห็นเนื้อหนังของเซียนหยวนชิงเป็นเศษผ้าหรืออย่างไร? เนื้อหนังของคนจะใช้เข็มเย็บอย่างนี้ได้เช่นไร? นะ นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…
เฟิ่งจิ่วที่เย็บแผลเสร็จแล้วเงยหน้าเห็นสองคนนั้นยืนมองตนเองด้วยความตะลึง จึงสั่ง “มัวยืนทำอะไรอยู่? พวกเจ้าไม่ใช่หมอกับนักเล่นแร่แปรธาตุหรือ? ไปต้มน้ำแกงยาบำรุงเลือดขับพิษมา ยาพิษในร่างกายของเขายังขับออกไม่หมด แผลที่ข้อมือก็ยังห่อไม่ได้ ต้องเปลี่ยนน้ำเป็นระยะ พลางคอยป้อนน้ำแกงยาบำรุงเลือดและขับพิษให้เขา”
“บำรุงเลือดขับพิษ? ใช้ยาไม่ได้หรือ ยาได้ผลดีกว่าไม่ใช่หรือ?” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
………………………………….
——————————————————-