เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1813 ใช้แผน / ตอนที่ 1814 ซ้อนแผน
ตอนที่ 1813 ใช้แผน / ตอนที่ 1814 ซ้อนแผน
ตอนที่ 1813 ใช้แผน
“ท่านลุง ซื้อยาป้องกันตัวสองขวดหรือไม่? เป็นยาใหม่ที่เพิ่งบดเสร็จวันนี้ มีทุกประเภทเลยนะขอรับ” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี
“หึๆ ไม่ล่ะ ที่ซื้อไปคราวที่แล้วยังมีอยู่เลย!” ชายวัยกลางคนโบกมือ ก่อนเดินจากไป
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้น ก็เอามือชันคางแล้วมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในตลาด หันมองชายชราข้างๆ ตนเอง ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ นั่งอยู่อย่างนี้มาครึ่งวันแล้ว ไม่มีใครมาซื้อยาสักคน ช่างเป็นการค้าขายที่อนาถจริงๆ!
เวลานี้เอง ท้องของเธอส่งเสียงร้องโครกครากขึ้นมา เหลือบเห็นชายชราที่อยู่ข้างๆ หันมามองเธอแวบหนึ่ง เธอจึงยิ้มอายๆ “เริ่มหิวแล้ว”
เห็นอย่างนั้น ผู้อาวุโสถานล้วงผลไม้ลูกหนึ่งออกมายื่นให้เฟิ่งจิ่ว “กินเสีย!”
“ไม่ต้องๆ ท่านปู่ถาน ท่านกิน…” ยังพูดไม่ทันจบ ผลไม้ลูกนั้นก็ถูกยัดใส่มือเธอก่อน เธอมองผลไม้ในมือ จากนั้นก็มองชายชราที่หันกลับไปแล้ว อดยิ้มไม่ได้ กลับไม่ได้ปฏิเสธอีก
“ท่านปู่ถาน วันนี้ท่านอยากกินกับข้าวอะไร? ถ้าอย่างไร ค่ำนี้ไปซื้อเนื้อน้ำค้างที่มุมถนนกลับไปกินอีกดีหรือไม่? แล้วก็ตักสุราอีกสักสองสามจิน?” เขายังไม่ทันอ้าปาก เฟิ่งจิ่วก็ลุกขึ้น “ถึงอย่างไรก็อยู่ว่างๆ ข้าไปซื้อตอนนี้เลยก็แล้วกัน! อีกเดี๋ยวก็กลับมา”
เฟิ่งจิ่วพูดพลางเดินไปที่มุมถนน ผู้อาวุโสถานเห็นอย่างนั้น ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงนั่งเงียบๆ รอให้คนซื้อยาเดินเข้ามาหาเอง
หลังเดินออกจากแผงลอย ในดวงตาที่หลุบต่ำของเฟิ่งจิ่วมีประกายมืดมนพาดผ่าน ครั้นเงยหน้าอีกครั้ง ดวงตากลับสุกสว่างและใสซื่อ เธอเดินผ่านถนนหลายเส้นเพื่อมุ่งหน้าไปที่มุมถนน หลังจากที่ซื้อเนื้อน้ำค้างที่ร้านมุมถนนแห่งนั้น และตั้งใจจะเดินกลับ ก็เห็นผู้ดูแลวังที่เคยพบหน้ากันครั้งหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน
“หึๆ สหายน้อย บังเอิญจริงๆ! เจ้าก็มาซื้อเนื้อน้ำค้างหรือ!”
มองดูคนเบื้องหน้าเดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม ทักทายกับเธอราวกับเป็นคนรู้จักมักคุ้น เฟิ่งจิ่วหยักยกมุมปาก เผยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็ผู้ดูแลวังนี่เอง!”
“ครั้งที่แล้วยังไม่ทันได้คุยกับเจ้า เจ้าก็ถูกผู้อาวุโสถานพาตัวไปก่อน สองวันนี้ข้าเฝ้านึกถึงตลอดเลย!” ผู้ดูแลวังยิ้มเอ่ย
“มีเรื่องจะคุยกับข้าหรือ?” เฟิ่งจิ่วกะพริบตา หน้าตาดูไร้เดียงสา “ท่านว่ามาเลย! ข้าฟังอยู่!”
“ที่นี่คนเยอะ ไม่ทราบว่า…” เขายิ้มๆ ชี้ไปยังตรอกที่อยู่ไม่ไกล
“ได้สิ!” เธอยิ้มรับ เดินตามเขาไปที่ตรอกเส้นนั้น ทว่า ครั้นมาถึง ก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆ ทันทีที่ได้กลิ่นหอมนั้น เท้าของเฟิ่งจิ่วก็อ่อนแรงเดินเซเล็กน้อย
“ทำไมข้ารู้สึกเวียนหัว?” เธอพึมพำ ร่างกายฟุบล้มไปบนพื้นทันที
ผู้ดูแลวังเห็นเด็กหนุ่มที่ล้มลงไปบนพื้น ก็หัวเราะเบาๆ พลางขานเรียก “สหายน้อย? สหายน้อย?” เห็นว่าไร้การตอบสนอง จึงหุบรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วหันไปออกคำสั่งกับอากาศ “เอาตัวไป”
เห็นเพียง คนชุดดำคนหนึ่งไม่รู้โฉบกายออกมาจากที่ใด ว่องไวปานผีสาง เขาเอากระสอบผืนหนึ่งออกมา ยัดเฟิ่งจิ่วเข้าไปข้างใน จากนั้นก็หามขึ้นบ่าไป
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสถานนั่งเงียบๆ พลางรอคอย แต่กลับไม่เห็นเฟิ่งจิ่วกลับมา อดขมวดคิ้วไม่ได้ ทำไมไปนานเช่นนี้? คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกกระมัง?
ลึกๆ ข้างในลอบกังวล จึงรีบเก็บข้าวของ จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปที่ร้านหัวมุมเร็วๆ ครั้นมาถึงหน้าร้าน เขาถามเจ้าของร้านว่า “เมื่อกี้มีเด็กหนุ่มมาซื้อเนื้อน้ำค้างหรือไม่?”
………………………………….
ตอนที่ 1814 ซ้อนแผน
“สหายน้อยชุดเขียวใช่หรือไม่? มีสิ ซื้อเนื้อวัวหมักสองสามจินก็ไปแล้ว” เจ้าของร้านตอบ
ได้ยินอย่างนั้น ผู้อาวุโสถานกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็รีบกลับบ้าน ใครจะรู้ ถึงบ้านแล้วก็ยังไม่เห็นเงาเด็กหนุ่ม เขาขมวดคิ้วแน่น
คราวนี้เขาไปที่ไหนอีกแล้ว? หรือว่าทางหอรวมสมบัติ…
นึกมาถึงตรงนี้ เขาก็ส่ายหน้า “น่าจะไม่ใช่ ก็แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง พวกเขาจะจับตาดูอยู่นานถึงสองวันเลยหรือ? อีกอย่าง สองวันนี้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติด้วย
แต่หากไม่ใช่พวกเขา แล้วจะเป็นใคร? หากตกอยู่ในกำมือของหอรวมสมบัติจริงๆ เกรงว่า…”
เขาพึมพำกับตนเอง เงยหน้ามองท้องฟ้า เดินกลับไปกลับมาอยู่ในลานสวน เขาไม่มีหลักฐาน แม้จะถูกคนของหอรวมสมบัติจับตัวไปจริงๆ ก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับ บุกเข้าไปเลยก็ไม่ได้ ทำได้เพียงรอฟ้ามืดก่อนแล้วค่อยไปสำรวจอีกที
หอรวมสมบัติแม้จะเป็นสถานที่ที่ใช้สิ่งของแลกเปลี่ยนสิ่งของ แต่แท้จริงยังมีหลุมพรางลับๆ ที่ไม่มีใครรู้ซ่อนอยู่อีก เหล่าตระกูลใหญ่และอำนาจบางฝ่ายย่อมรู้ เพียงแต่ติดที่อำนาจของหอรวมสมบัติทำให้ไม่มีใครกล้าก้าวก่าย ส่วนเขาที่อยู่ที่นี่มานานย่อมรู้บ้างบางส่วน
ตอนนั้นที่เอ่ยปากช่วยให้เด็กหนุ่มได้เข้าไปในหอรวมสมบัติ เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่นึกไม่ถึง เขากลับถูกคนของหอรวมสมบัติหมายหัวเสียได้
หลายปีมานี้เขาอยู่ตัวคนเดียว สองวันที่ผ่านมาเด็กหนุ่มกลับคอยอยู่ข้างๆ ซ้ำยังเข้าครัวทำอาหารให้เขากินอีก เรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเหล่านี้ กลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปสำหรับชายชราอย่างเขา
เร้นกายมานานหลายปีขนาดนี้ ยามนี้กลับจำต้องลงมือ หวังเพียงว่า เด็กหนุ่มจะยังอดทนไหว!
ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่ถูกกระสอบสวมหัวลืมตาแต่แรกแล้ว ด้วยร่างกายที่ร้อยพิษไม่อาจกล้ำกลายของเธอ เพียงควันจะล้มเธอได้หรือ? เธอเพียงอยากใช้แผนซ้อนแผนเท่านั้น อยากรู้ว่าคนที่จับตาดูเธอในสองวันที่ผ่านมาคิดจะทำอะไรกันแน่เท่านั้น
พูดให้ถูกก็คือ ชายชราชุดหรูคนนั้นต้องการอะไรกันแน่?
รอบข้างเงียบสงัด แต่กลับรู้สึกได้ถึงผู้ฝึกตนหลายคนเก็บซ่อนกลิ่นอายที่ยืนเฝ้าอยู่ เธอหลับตาอยู่ใต้กระสอบ จนกระทั่ง ถูกโยนลงพื้น เอากระสอบออก เพียงแต่กลิ่นที่อยู่ในอากาศเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก
“เป็นเจ้าเด็กนี่หรือ? ก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น เหตุใดผู้อาวุโสเฝิงจึงต้องสั่งให้จับตัวเขามาให้ได้?”
“คนที่ผู้อาวุโสเฝิงต้องการ ยังไม่มีใครที่ไม่ได้ตัว วันนั้นอยากจับตัวเจ้าหนู่นี่ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เขาหลุดมือไปได้ ใช้แผนโจ่งแจ้งไม่ได้ผลก็ต้องใช้แผนลับๆ แค่เอาตัวคนกลับมาให้ผู้อาวุโสเฝิงได้ก็พอแล้ว”
เสียงพูดคุยของสองคนนั้นห่างออกไปเรื่อยๆ เฟิ่งจิ่วรอครู่หนึ่งค่อยลืมตา เพียงแต่ยามเห็นสถานที่ที่ตนเองอยู่ก็อดตะลึงไม่ได้
จริงอยู่ที่นี่เป็นห้องห้องหนึ่ง แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นกรงขังเหมือนกัน ในห้องนี้ไม่มีอะไรเลย มีเพียงกรงเหล็กที่เชื่อมจากเหล็กดำ อาจเพราะแสงแดดส่องไม่ถึงเป็นเวลาหลายปี ที่นี่จึงมีกลิ่นอับชื้น ไม่ค่อยน่ารื่นรมย์นัก
เวลานี้ ชั้นบนสุดของหอรวมสมบัติ อาวุโสหลายคนกำลังนั่งล้อมวงกัน สามคนในนั้นมองชายชราชุดหรูอย่างไม่เข้าใจ ถามว่า “ผู้อาวุโสเฝิง เด็กหนุ่มคนนั้นมีตรงไหนพิเศษกันแน่? ท่านต้องรู้ว่า เราต้องเลือกคนอย่างระมัดระวังมาก ห้ามให้มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นเด็ดขาด”
“ก็แค่เด็กหนุ่มต่างถิ่นคนหนึ่ง จะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรขึ้นได้?” ผู้อาวุโสเฝิงเอ่ย จิบชาหนึ่งคำ แล้วบอกว่า “เด็กหนุ่มคนนั้นข้าสัมผัสได้ตั้งแต่แวบแรกแล้วว่าเป็นยอดอ่อนชั้นดี แม้ไม่ใช่ เมื่อตกอยู่ในกำมือเรา เราก็ฝึกให้เขากลายเป็นยอดอ่อนชั้นดีได้”