เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1831 แย่งผลไม้ / ตอนที่ 1832 เจ้าหนู เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีก
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1831 แย่งผลไม้ / ตอนที่ 1832 เจ้าหนู เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีก
ตอนที่ 1831 แย่งผลไม้ / ตอนที่ 1832 เจ้าหนู เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีก
ตอนที่ 1831 แย่งผลไม้
เพราะคนพวกนั้นที่ถูกเธอฆ่างั้นหรือ?
เธอลอบคิดในใจ คนพวกนั้นเธอสังหารในการโจมตีเดียว วิธีการเด็ดขาดและหมดจด ซ้ำผู้ตายยังเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณทั้งนั้น เดาว่าแม้สงสัยเพียงใดก็คงไม่มีวันนึกถึงว่าเป็นฝีมือเธอ
ราตรีมาเยือน กลางค่ำคืนกลับมีเสียงกรีดร้องดังมาเป็นระยะ ไม่มีใครได้พักผ่อนเต็มที่ตลอดคืน เพียงแค่พักผ่อนครู่หนึ่ง ก็เดินทางต่อ
เดินทางกลางคืน หากไม่ระวังก็จะหลงทาง ทว่า ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน อันตรายและความยากลำบากก็ยิ่งมีมากขึ้น กลุ่มของพวกเฟิ่งจิ่วเจ็ดคน เมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ ก็มีคนมาเข้าร่วมอีก จากเจ็ดแปดคนกลายเป็นสิบกว่าคน จนถึงสามสิบคน
อาจเพราะมีคนมาก จึงเริ่มมีความหวาดระแวงต่อกัน เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครรู้จักกัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนอย่างไร ทว่า พวกเขามารวมตัวกันเพราะอยากมีชีวิตรอด พวกเขาประคับประคองกัน แต่กลับไม่กล้ารับประกันว่าจะเผชิญหน้าด้วยกันหากอันตรายมาถึง ยิ่งไม่กล้ารับประกันว่ายามอยู่ต่อหน้าอันตราย คนข้างกายจะไม่ผลักพวกเขาออกไป
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในกลุ่มพวกเขา เรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่สะดุดที่สุด เวลาที่พวกเขาพักผ่อน เธอนั่งกินหญ้าที่ไม่รู้ว่าเด็ดมาจากที่ใดอยู่ตรงมุมห่างๆ
ใช่แล้ว ในสายตาของคนที่ไม่เข้าใจพวกนั้น เธอหิวจนทนไม่ไหว จึงได้นั่งกินหญ้าอยู่ที่มุมหนึ่ง กลับไม่รู้ว่าหญ้าที่เธอกินเป็นหญ้าสมุนไพรป่าชนิดหนึ่ง เป็นสมุนไพรที่สามารถกระตุ้นการสร้างน้ำลายและช่วยแก้หิวได้
“เอ้า ให้เจ้า” ปี้ซานโยนผลไม้สีเขียวขนาดเท่าไข่ไก่ฟองหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ใดให้เฟิ่งจิ่ว
ใครจะรู้ จู่ๆ กลับมีมือหนึ่งเข้ามาขวาง
“เจ้าหนูนั่นกินไปก็เสียเปล่า จะให้เขาไม่สู้ให้ข้าดีกว่า” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอ่ย เขาแย่งผลไม้ลูกนั้นไปทำท่าจะกิน ทว่า ปี้ซานเบิกตากว้างด้วยความโมโห ก้าวไปข้างหน้าเอื้อมมือไปจับแขนของชายฉกรรจ์ไว้แน่น
“ใครให้เจ้า? เอามา!” ขณะที่เขาจะเอาผลไม้คืน คนผู้นั้นกลับลงมือโจมตีเขากะทันหัน ปี้ซานรีบโต้กลับ ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันทันที
หากเป็นแต่ก่อน ผลไม้ลูกหนึ่งไม่มีใครเห็นอยู่ในสายตา ทว่าหลายเดือนที่พวกเขาถูกขังไว้ในสนามแห่งนั้น นอกจากฝึกฝนการต่อสู้แล้ว แต่ละวันแทบไม่ได้กินอิ่ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่ออยู่ในป่าผืนนี้เลย พวกเขาสูญเสียพลังงานไปมาก น้ำก็ไม่ได้ดื่ม อาหารก็ไม่ได้กิน สำหรับพวกเขา ผลไม้หนึ่งลูกย่อมมีค่าต่างจากแต่ก่อนอยู่แล้ว
คนรอบๆ เห็นอย่างนั้น ก็เพียงเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปจับจ้องเฟิ่งจิ่ว สายตาของพวกเขาแตกต่างกันออกไป พวกเขาแปลกใจที่สองคนนั้นถึงขนาดต่อสู้กันเพียงเพื่อผลไม้ลูกเดียว ยิ่งแปลกใจที่ชายคนนั้นกลับยกผลไม้ที่ในเวลานี้ถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่ามากให้เด็กหนุ่ม เพราะอย่างไร เด็กหนุ่มคนนั้นก็เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขา
แม้เขาจะเดินผ่านป่าผืนนี้ไปกับพวกเขา เดาว่าก็คงรอดชีวิตไปได้ไม่ถึงตอนสุดท้าย เอาของกินให้เขา ก็ดูจะเป็นการเสียเปล่าอย่างที่ชายอีกคนว่าจริงๆ
เฟิ่งจิ่วกินหญ้า รสชาติเปรี้ยวฝาดในปากพาให้ตื่นเต็มตายิ่ง สายตาของเธอกวาดมองคนพวกนั้นอย่างแนบเนียน ล้วนรับรู้สีหน้าของพวกเขา สุดท้าย ก็หันไปจ้องมองเงาร่างสองร่างที่กำลังต่อสู้กัน
บอกตามตรง เธอค่อนข้างประหลาดใจที่ปี้ซานยอมยกผลไม้ลูกนั้นให้เธอ ป่าผืนนี้ไม่มีสัตว์ป่า แม้แต่ผลไม้ป่าก็ไม่มีให้เห็น ไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากที่ใด ตนเองไม่กินแต่กลับยกให้เธอ
เพียงแต่ชายอีกคนก็ช่างทำให้เธอเปิดโลกทัศน์จริงๆ ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นวิญญาณ ไม่นึกว่าจะถึงขั้นแย่งผลไม้ลูกเดียวอย่างนี้
………………………………….
ตอนที่ 1832 เจ้าหนู เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีก
นี่คงหิวจนเป็นบ้าไปแล้วกระมัง?
บางทีในสายตาพวกเขาเธอเองก็หิวจนบ้าไปแล้วเช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะกินหญ้าได้อย่างไรกัน!
นึกมาถึงตรงนี้ เธอลอบถอนหายใจ โยนหญ้าในมือทิ้งไป จ้องมองสองคนนั้น ในหัวกลับคิดว่า นี่ฟ้าก็ใกล้สว่างแล้ว เหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเดินมาถึงครึ่งทางหรือยัง หากยังช้าอย่างนี้ต่อไป จะออกไปได้จริงหรือ?
“อึก!”
เสียงร้องครวญดังขึ้น เฟิ่งจิ่วดึงสติกลับมาแล้วหันมอง เห็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นวิญญาณที่แย่งผลไม้ถูกปี้ซานถีบกระเด็นออกไป ผลไม้ในมือก็ถูกปี้ซานแย่งคืนมาแล้วเช่นกัน
“ไสหัวออกจากกลุ่มเราไป!”
ปี้ซานตวาดเสียงเกรี้ยว สายตาคมปลาบดุจกระบี่คม นาทีนี้ กลิ่นอายกระหายเลือดแผ่ปกคลุมทั่วตัวเขา ราวกับขอเพียงชายคนนั้นกล้าเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว เขาก็จะฆ่าทิ้งเสีย
ชายคนนั้นเห็นอย่างนั้น ก็ทนเจ็บลุกขึ้นกุมท้อง จ้องปี้ซานด้วยสายตาเคียดแค้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็ตวัดจ้องเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะหมุนตัวจากไป หายลับไปในพุ่มหญ้า
“รับไว้เสีย!” ปี้ซานยื่นผลไม้มาตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว กล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึง
เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนยื่นมือออกไปรับ “ขอบคุณ”
แม้ในห้วงมิติของเธอมีน้ำและของกิน อีกอย่างการใช้พลังงานเท่านี้แทบไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเธอเลย ทว่าเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา วันนี้ทั้งวันเธอจึงแสร้งทำตัวได้น่าเอน็จอนาถไม่น้อย
ปี้ซานหน้าบึ้งเดินออกไป เดินไปพูดคุยกับพวกเหลยเซียวสองสามประโยค ไม่นาน ทุกคนก็เตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง ในเวลานี้เอง ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคนพลันปรากฏอยู่บนต้นไม้ พวกเขาเปิดถุงสีดำที่ถือไว้ในมือออก แล้วเทของข้างในลงไปข้างล่าง
“ฟ่อ! ฟ่อๆๆ!”
“อ๊าก!”
“เป็นงู!”
“เป็นงูพิษ!”
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนที่ตอนแรกกำลังนั่งล้อมวงกันพลันกรีดร้องด้วยความตกใจและแตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง รู้สึกเพียงงูพิษตัวลื่นๆ พันรัดอยู่บนตัว บางคนหลบไม่ทันถูกงูกัดร้องโหยหวนเสียงดัง
“อ๊าก!”
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในเหตุการณ์โกลาหลกำลังกินผลไม้ ยังไม่ทันได้กลืนสักคำ ก็เห็นงูพิษสีสันฉูดฉาดตัวหนึ่งบินพุ่งมาทางเธอ เธอรีบหยิบกิ่งไม้ข้างๆ ขึ้นมาแล้วตบมันออกไป จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาพวกเหลยเซียว
ระหว่างเดินไปหาพวกเขา งูพิษที่ถูกโยนมาทางเธอล้วนถูกปัดออก ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสองคนนั้นได้จากไปแล้ว แม้เธอจะอยากจับงูขว้างใส่พวกเขาก็ไม่เห็นเงาร่างของพวกเขาแล้ว
ระหว่างหลบหลีก หางตาเหลือบเห็นงูพิษตัวหนึ่งเลื้อยผ่านเท้า กำลังจะกัดปี้ซาน ปี้ซานมัวแต่สนใจข้างบนจนไม่ได้สนใจด้านล่าง เห็นอย่างนั้น เธอก็แสร้งทำเป็นหลบเลี่ยง เหยียบโดนหัวของงูตัวนั้นขณะกำลังแตกตื่น
ครั้นเหยียบลงไป เพิ่มแรงเล็กน้อย งูพิษตัวนั้นม้วนหางไปมาไม่กี่ทีก็แน่นิ่งไป พวกเหลยเซียวตะโกนสั่งเสียงดังก่อนจะรีบไปจากที่นี่ เธอเองก็ตามไปพวกเขาไปด้วย คนบางกลุ่มข้างหลังก็ตามไปด้วยเช่นกัน
เดินออกมาประมาณห้าร้อยเมตรจึงค่อยหยุดพัก เห็นกลุ่มที่เดิมทีมีกันหลายสิบคน ยามนี้หลังจากถูกงูพิษสองถุงนั้นโจมตี กลับเหลือไม่ถึงยี่สิบคนแล้ว หนำซ้ำแต่ละคนยังมีสภาพหัวยุ่งเหยิง เนื้อตัวมอมแมม ใบหน้ายังมีแววเดือดดาลที่ยังไม่จางหายไปให้เห็นอยู่
ก็จริง ลองคิดดูว่าพวกเขาถูกจับตัวมาที่นี่ แล้วยังถูกควบคุม แม้แต่ชีวิตก็ไม่ได้อยู่ในกำมือของตนเอง ซ้ำยังทำเรื่องอย่างนี้เป็นระยะอีก นึกแล้วก็เจ็บแค้นนัก แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
“บัดซบจริงๆ พวกเขาต้องการฆ่าเราให้ตาย!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งสบถ สายตากวาดมอง ยามสายตาสะดุดที่ร่างเฟิ่งจิ่ว เขาตะลึงเล็กน้อย “เจ้าหนู เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีก?”
………………………………….