เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1837 หลุดออกจากค่ายกล / ตอนที่ 1838 เจรจาร่วมมือกัน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1837 หลุดออกจากค่ายกล / ตอนที่ 1838 เจรจาร่วมมือกัน
ตอนที่ 1837 หลุดออกจากค่ายกล / ตอนที่ 1838 เจรจาร่วมมือกัน
ตอนที่ 1837 หลุดออกจากค่ายกล
สามารถโจมตีขาทั้งสองข้างของเขาและช่วยชีวิตเขาได้แม้อยู่ในม่านหมอกผืนนี้ คนผู้นั้นต้องมีวรยุทธ์สูงส่งขนาดไหนกัน? หนำซ้ำที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของวิหารราตรีหรอกหรือ? ทำไมจึงมีคนอื่นแฝงตัวเข้ามาได้ด้วย?
“ข้าไม่เป็นไร เดินๆ ไปข้าก็ค้นพบว่าพวกท่านหายกันไปหมด จึงเดินวนอยู่ในนี้ ได้ยินเสียงจึงเดินมาหา” เฟิ่งจิ่วตอบ ดมกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศก่อนจะเดินไปข้างหน้าอีกประมาณหนึ่งจั้ง “พวกท่านรีบมานี่เร็ว ตรงนี้มีศพ”
ทั้งสามได้ยินก็รีบสาวเท้าเดินไปข้างหน้า พอมาถึงตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว ก็เห็นคนหลายคนล้มอยู่บนพื้น ศพยังไม่แข็ง น่าจะถูกผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนเมื่อครู่ฆ่า
“ตรงนี้มีของอยู่ด้วย” เฟิ่งจิ่วหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อของชายคนหนึ่งในนั้น จากนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ “เป็นแผนที่”
“ข้าดูหน่อย”
เหลยเซียวรับไปดู อดดีใจไม่ได้ “เป็นแผนที่จริงๆ ด้วย!” เขามองทะลุม่านหมอกดูแผนที่ ไม่นานก็ชี้ “ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงนี้ แสดงว่าพวกเราเดินมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดูเหมือนเราจะมาถูกทางแล้วล่ะ”
“ทิศทางนั้นถูก เพียงแต่ ตอนนี้จะออกจากค่ายกลนี้อย่างไรต่างหากล่ะที่เป็นปัญหา”
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เดินตามข้าไปก็พอ” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ บอกกับพวกเขาว่า “ไปกันเถิด! ไปกับข้าไม่มีวันหลงทางแน่”
ได้ยินอย่างนั้น ทั้งสามมองหน้ากัน กลับเดินตามเขาไปโดยไม่พูดอะไร ลึกๆ ข้างในกลับไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ใครจะรู้ เดินไปได้ระยะหนึ่ง กลับเจอชายสิบกว่าคนก่อนหน้า
“พวกเจ้าย้อนกลับมาอีกแล้วหรือ?” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเห็นพวกเขาก็ตะลึงเล็กน้อย เพราะอย่างไรเส้นทางในค่ายกลนี้ก็ไม่ได้เดินกันง่ายๆ แต่ตอนที่เขาเห็นเด็กหนุ่มชุดเขียว ก็เบิกตากว้างอีกครั้ง “จะ เจ้าอีกแล้ว?”
เจ้าเด็กคนนี้พลัดหลงกับกลุ่ม แต่กลับถูกตามกลับมาได้ในที่สุด? เจ้าเด็กนี่โชคดีไปแล้วกระมัง?
“ก็ข้าน่ะสิ!” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี “พวกท่านจะไปกับพวกข้าหรือไม่?”
ทุกคนก็ไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ทำได้เพียงไปกับพวกเขา แม้จะออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องพลัดหลงกัน ทว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พวกเขากลับเดินออกจากค่ายกลได้
“อะ ออกมาแล้ว? เป็นไปไม่ได้” ชายคนหนึ่งหันไปมองข้างหลังอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนหันกลับมามองเฟิ่งจิ่ว ชั่วขณะหนึ่ง สายตาที่มองเขาแปรเปลี่ยนเป็นสับสน
“ข้าบอกแล้ว ข้าก็รู้เรื่องค่ายกลอยู่บ้าง!”
เฟิ่งจิ่วเอ่ยพร้อมกับยิ้มตาหยี ท่าทางใสซื่อ แต่พอได้ยินเขาพูดอย่างนั้น กอปรกับเห็นท่าทางของเขา กลับทำให้อีกสิบกว่าคนโกรธจนต้องขบกราม นึกอยากจะเข้าไปชกหน้าเขาสักครั้ง
แต่นึกดูอีกที คนอื่นเขาก็บอกแต่แรกแล้วแท้ๆ แต่เป็นพวกเขาที่ไม่เชื่อเอง กลับมองข้ามคนอื่นเขาโดยสัญชาตญาณ ตอนนี้จะโทษเขาอีกได้อย่างไรกัน? สุดท้าย แต่ละคนก็ได้แต่กล้ำกลืนความโกรธเอาไว้
“ไปกันเถิด! เดินไปทางนี้มีแหล่งน้ำด้วย” เหลยเซียวชี้ไปข้างหน้าแล้วบอก
คนอื่นๆ ได้ยินอย่างนั้น ก็อดถามไม่ได้ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?” สายตาของทุกคนจ้องไปที่เขา กระทั่งเห็นแผนที่ในมือของเขา นัยน์ตาพลันหรี่เล็ก
“แผนที่? ได้แผนที่มาด้วยหรือ” พวกเขานึกถึงคนพวกนั้นที่เคยร้องขอความช่วยเหลือ เหมือนจะตะโกนบอกว่าตนเองมีแผนที่ด้วย
“ใช่แล้ว แผนที่นี้ได้มาจากข้างในนั้น ไปกันเถิด! อย่าเสียเวลาอยู่เลย” เหลยเซียวเอ่ย ก่อนพาทุกคนเดินไปทางแหล่งน้ำ แต่ใครจะรู้ ในเวลานี้เอง ชายสามสิบกว่าคนในสภาพสะบักสะบอมพลันเดินออกมา และล้อมพวกเขาไว้…
………………………………….
ตอนที่ 1838 เจรจาร่วมมือกัน
เห็นอย่างนี้ พวกเหลยเซียวจ้องพวกเขาอย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็ตั้งท่าระวังตัวด้วย
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?” เหลยเซียวถามเสียงเข้ม
เวลานี้เอง มีชายฉกรรจ์สองสามคนก้าวออกมาจากกลุ่มสามสิบกว่าคน พวกเขามองพวกเหลยเซียวแวบหนึ่ง โบกมือส่งสัญญาณให้คนที่เหลือระวังการเคลื่อนไหวรอบๆ
ท่ามกลางคนพวกนั้น ชายคนหนึ่งเอ่ยเสียงเข้ม “พวกเจ้าไม่ต้องห่วง พวกข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรพวกเจ้า เพียงแต่ พวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้ แสดงว่าฝีมือไม่ธรรมดา มีเรื่องหนึ่งที่พวกข้าต้องการร่วมมือกับพวกเจ้า”
ได้ยินอย่างนั้น พวกเหลยเซียวมองหน้ากัน เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเหลยเซียวเองก็มองพวกนั้นแวบหนึ่ง ประกายครุ่นคิดพาดผ่านดวงตาไปอย่างรวดเร็ว
“ร่วมมืออะไร? อย่าลืมนะ ตอนนี้พวกเราเป็นเพียงเหยื่อในกำมือของคนพวกนั้น จะรอดออกไปจากป่าผืนนี้ได้หรือไม่ยังเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้” ปี้ซานแค่นเสียง จ้องหน้าพวกเขาอย่างไม่เป็นมิตร
คนพวกนี้แม้เดิมจะไม่ใช่คนโหดร้ายกระหายเลือด แต่อยู่ในนี้มาหลายเดือน เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ละคนล้วนเหมือนสัตว์ร้าย คิดจะเชื่อใจคนอื่นนั้นยากมาก
“เพราะอย่างนี้ ถึงควรร่วมมือกัน” ชายรูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามเอ่ยขึ้น มองหน้าพวกเขา “หรือว่าพวกเจ้ายอมมอบชีวิตของตนเองให้คนของวิหารราตรีจริงๆ? ยอมแม้กระทั่งไม่อาจควบคุมความเป็นความตายของตนเองได้?”
ทุกคนเงียบงัน พวกเขาไม่ยอมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้?
เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปากเล็กน้อย ประกายสนุกสนานพาดผ่านดวงตา น่าสนใจ คนพวกนี้คิดจะทำอะไรกัน? คิดจะลุกขึ้นสู้งั้นหรือ? คงไม่ได้โง่ขนาดนี้กระมัง?
ด้วยพลังของพวกเขาอย่างไรก็หนีออกไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาวุโสกุ่ยก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ด้วยง่ายๆ พวกเขาอยากจะหนีออกไปนั้นยากมาก อีกอย่าง พวกเขาแต่ละคนล้วนโดนยาพิษ ซึ่งเป็นพิษที่คนทั่วไปแก้ไม่ได้
“ร่วมมือที่พวกเจ้าพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร?” เหลยเซียวถามเสียงขรึม พลางระแวดระวังพวกเขา และพยายามคาดเดาเจตนาของอีกฝ่าย
ชายหน้าตาสะอาดสะอ้านมองหน้าคนข้างๆ แวบหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “มีข่าวหนึ่งพวกเจ้าอาจยังไม่รู้ นั่นก็คือ คนที่รอดออกไปจากที่นี่ สุดท้ายจะถูกขังไว้เพื่อฝึกฝนต่อที่นี่ และการฝึกฝนนั้น ก็ไม่ใช่การฝึกฝนธรรมดา แต่เป็นการฝึกฝนที่ใช้ยา เพื่อเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด รวมถึงพลังต่อสู้ด้วย”
ชายหน้าตาสะอาดหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “อีกอย่าง นอกจากบางส่วนที่จะถูกส่งตัวไปเป็นสายลับในสี่สำนักใหญ่ คนอื่นจะต้องถูกฝึกฝนจนกลายเป็นยอดฝีมือ ซึ่งก็หมายความว่า ขอเพียงเราผ่านที่นี่ไปได้ หลังจากนั้นขอเพียงทนรับการทดสอบให้ได้ เช่นนั้นนอกจากจะแข็งแกร่งขึ้นภายใต้การช่วยเหลือของยา เรายังมีโอกาสรอดชีวิตด้วย
และเรื่องที่พวกข้าอยากร่วมมือกับพวกเจ้าก็คือ ระหว่างนี้ให้ช่วยเหลือกัน ลดการตายของพี่น้องข้างกายให้น้อยที่สุด รอให้พลังของเราแข็งแกร่งขึ้นเมื่อใด ค่อยร่วมมือกันหนีออกไปจากที่นี่ ส่วนพิษในร่างกาย ข้าเคยได้ยินสหายบอก ว่ามีภูตหมอท่านหนึ่งที่มีวิชาแพทย์สูงส่งถึงขั้นชุบชีวิตคนตายได้ ชำนาญเรื่องพิษ ถึงตอนนั้นพวกเราไปตามหาคนผู้นั้น แล้วขอให้เขาแก้พิษให้เราได้”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วตะลึงเล็กน้อย สายตามองพิจารณาชายหน้าตาสะอาดสะอ้านแวบหนึ่ง คนคนนี้รู้จักภูตหมอด้วยอย่างนั้นหรือ อีกอย่างเขารู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ใดกัน
“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ใด?” ปี้ซานที่อยู่ข้างๆ ถามสิ่งที่อยู่ในใจเธอ
ครั้นได้ยินอย่างนั้น ชายหน้าตาสะอาดสะอ้านแววตาไหวระริก หน้าตาหลุกหลิก