เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1845 ฆ่าพวกเขาทำไม / ตอนที่ 1846 สุนัขรับใช้
ตอนที่ 1845 ฆ่าพวกเขาทำไม / ตอนที่ 1846 สุนัขรับใช้
ตอนที่ 1845 ฆ่าพวกเขาทำไม
“เหตุใดเจ้าต้องลงมือฆ่าพวกเขา?”
ผู้อาวุโสกุ่ยถามด้วยเสียงที่เบามาก ราวกับกลัวว่าจะทำให้เขากลัว เสียงนั้นยังแฝงไว้ด้วยความแปลกใจ คล้ายกับว่าอยากรู้มากว่าเหตุใดเขาต้องทำอย่างนั้น?
เฟิ่งจิ่วตัวสั่นเล็กน้อย เงยหน้ามองผู้อาวุโสกุ่ยแวบหนึ่ง ตอบว่า “พะ เพราะว่าพวกเราได้กลายเป็นคนของวิหารราตรีแล้ว ย่อมมองดูพวกเขาโจมตีพวกท่านเฉยๆ ไม่ได้ ชั่วขณะนั้นสมองข้าไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น พะ เพียงพุ่งตัวออกมาโดยจิตใต้สำนึกเท่านั้น”
เสียงพูดของเขาเบาลงเรื่อยๆ ทว่า หลังจากที่ผู้อาวุโสกุ่ยได้ยิน กลับแสดงสีหน้าพึงพอใจ
“ดีมาก เป็นจิตใต้สำนึกที่ดี”
ผู้อาวุโสกุ่ยมองพวกเขา เอ่ยว่า “นับตั้งแต่นาทีที่พวกเจ้าสวมชุดกระชับตัวที่วิหารราตรีมอบให้พวกเจ้า พวกเจ้าก็ได้กลายเป็นคนของวิหารราตรีแล้ว ข้าไม่ได้ต้องการท่อนไม้ ไม่ใช่ท่อนไม้ที่ทำตามคำสั่งเป็นอย่างเดียว สิ่งที่ข้าต้องการคือคนที่มีไหวพริบพลิกแพลงตามสถานการณ์! มีเพียงอย่างนี้ ภายหน้ายามพวกเจ้าออกไปทำภารกิจ จึงจะสามารถทำตามคำสั่งของเบื้องบนได้กีกว่า!”
“เจ้าคือหมายเลขเก้า?” สายตาของผู้อาวุโสกุ่ยเหลือบมองป้ายห้อยเอวของเฟิ่งจิ่ว
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วรับคำ ก้มหน้าเล็กน้อย นอบน้อมจนดูไม่ออกถึงปัญหาใดแม้แต่น้อย
“แม้พลังของเจ้าจะต่ำที่สุดในหมู่คนพวกนี้ แต่สมองของเจ้ามีไหวพริบดีมาก ข้าถูกใจเจ้านัก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน!” ผู้อาวุโสกุ่ยหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ตวัดสายตามองทุกคนแวบหนึ่ง “ตอนแรกข้ายังคิดจะเลือกหัวหน้ากลุ่มในหมู่พวกเจ้าสักคน แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ เลือกเจ้าก็แล้วกัน!”
“ขะ ข้า?” เฟิ่งจิ่วถามเสียงสะดุด ตกตะลึงเล็กน้อย
“ใช่ เจ้านั่นแหละ” ผู้อาวุโสกุ่ยพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ที่เฟิ่งจิ่วพุ่งตัวออกมาเมื่อครู่ทำให้เขาเบิกบานใจมาก
“แต่ว่า พลังของข้า อ่อนแอที่สุดนะขอรับ…” เธอเอ่ยเสียงเบา
“อ่อนแอเจ้าก็หาวิธีพัฒนา จะมีการทดสอบพลังในทุกระยะหนึ่ง หากถึงตอนนั้นเจ้ายังอ่อนแอเช่นนี้อยู่ อย่างนั้น ไม่ต้องรอให้คนอื่นลงมือ ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้าเอง!” ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา ใบหน้าแสดงถึงแววโหดเหี้ยม
“ขอรับ!” เฟิ่งจิ่วรับคำ ในใจกลับอึดอัดเหลือทน เธออ่อนแองั้นหรือ? ก็มาลองดูสักครั้งสิ! หากเธอจะลงมือ ในนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้เธอได้ทั้งนั้น!
พวกเหลยเซียวและปี้ซานก้มหน้าเก็บซ่อนสายตา ในใจกลับคิด หากไม่ใช่หมายเลขเก้าลงมือฆ่าคนพวกนั้น คนพวกนั้นคงต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกพิษงูกัดกินร่างกาย พวกเขาลงมือสังหารคนพวกนั้น ถือว่าเป็นการช่วยเสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่หมายเลขเก้าคิดอย่างที่เขาพูดจริงๆ หรือว่าคิดเหมือนที่พวกเขาคิดกันแน่?
เก็บงำความคิดในใจไว้ พวกเขาเดินตามผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนหนึ่งไปตามทางลับใต้ดิน มาถึงคุกใต้ดินแห่งหนึ่ง ทันทีที่เข้าไป กลิ่นอายความตายพลันพวยพุ่งออกมา ทำให้จิตใจที่เพิ่งผ่อนคลายได้ไม่นานของพวกเขาตึงเกร็งอีกครั้ง
“คนที่ถูกขังในนี้ล้วนเป็นคนที่มีโทษตาย วันนี้เป็นวันแรก ภารกิจที่มอบให้พวกเจ้าก็คือ สังหารคนพวกนั้นที่อยู่ข้างในเสีย” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินเอ่ยเสียงเย็น เปิดประตูหินบานสุดท้าย แล้วให้พวกเขาเข้าไป
ไม่มีใครถามอะไรมาก เพราะพวกเขาเองก็รู้ เกรงว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นคงไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาทีเดียวเยอะขนาดนี้ เรื่องเดียวที่มั่นใจได้ก็คือ ไม่ว่าคนข้างในจะมีมากหรือน้อย แต่ต้องมีพลังเหนือกว่าพวกเขาเป็นแน่!
“แล้วพวกเราไม่มีอาวุธหรือ?” หนึ่งในนั้นอดถามไม่ได้
ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นตอบว่า “ผ่านด่านนี้ก่อน จึงจะมีสิทธิ์เลือกอาวุธ”
………………………………….
ตอนที่ 1846 สุนัขรับใช้
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนทำได้เพียงเดินไปข้างหน้า กระทั่งพวกเขาเข้ามาข้างใน ประตูหินด้านหลังเคลื่อนตัวปิดเสียงดัง การมองเห็นที่เคยชัดเจนพลันกลายเป็นมืดมนในพริบตา มีเพียงแสงสว่างเล็กๆ ที่ส่องลอดผ่านกำแพงเข้ามาเท่านั้น
เฟิ่งจิ่วกับพวกปี้ซานเดินนำอยู่ข้างหน้า ทว่าฉับพลันนั้น มีคนผู้หนึ่งเบียดตัวมาจากข้างหลัง ใช้ดาบผลักเธอไปอีกด้าน ขณะเดียวกันก็สบถด่า
“เจ้าสุนัขรับใช้! ไสหัวไป! อย่ามาขวางทางข้า!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งสบถด่า มองเฟิ่งจิ่วอย่างดูแคลน ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ เดินไปข้างหน้า ทว่าในตอนนี้เอง กลับถูกคนผู้หนึ่งที่อยู่ข้างหลังคว้าไหล่ไว้
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ปี้ซานคว้าไหล่ของชายฉกรรจ์ ถลึงตากว้าง “ว่าใครเป็นสุนัขรับใช้?”
“ข้าก็ว่าเจ้าหนูนี่อย่างไรเล่า ทำไม? หรือว่าเขาไม่ใช่สุนัขรับใช้?” ชายฉกรรจ์คนนั้นหันกลับมา ข้างในนี้เป็นสถานที่แบบปิด ไม่มีคนของวิหารราตรีจับตาดูอยู่ เขาจึงกล้าชี้หน้าด่าเฟิ่งจิ่วตรงๆ
เฟิ่งจิ่วมองนิ้วมือที่ชี้หน้าเธอ สายตาไหวระริก ลึกๆ ข้างในอยากจะหักนิ้วนั่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าท่ามกลางความมืด เธอเพียงเลียมุมปาก และพยายามข่มกลั้นอารมณ์วู่วาม เบนสายตาออกไปทางอื่นเงียบๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวข้างในนี้
“เจ้าพูดจาระวังปากหน่อย!” ปี้ซานถลึงตาจ้องชายฉกรรจ์ บางทีอาจเพราะรู้สึกว่าเฟิ่งจิ่วยังเด็ก หนำซ้ำยังเคยช่วยเขา ฉะนั้นไม่ว่าเรื่องใดที่เขาสามารถปกป้องได้เขาก็อยากทำ ย่อมไม่ปล่อยให้ใครมารังแกเขาได้
“ข้าพูดจาอย่างไร? พวกเจ้าว่าข้าพูดผิดหรือ? เจ้าหนูนี่เพื่อเอาใจคนพวกนั้นตั้งใจออกหน้าช่วยผู้อาวุโสกุ่ยนั่นไม่ใช่หรือ? การกระทำเสแสร้งเช่นนี้ หากไม่ใช่สุนัขรับใช้แล้วจะเป็นอะไรได้อีก?” ชายฉกรรจ์พูดจาถากถางดูแคลน ดวงตาถลึงจ้องเฟิ่งจิ่ว คิดว่าอีกฝ่ายร้อนตัวไม่กล้าโต้เถียงเขา
เหลยเซียวขมวดคิ้ว ก่อนเตือนว่า “อย่าทะเลาะกันเลย พวกเราเข้ามาในนี้เพราะมีภารกิจต้องทำ ยังไม่รู้ว่าอันตรายใดรอเราอยู่ข้างหน้า คนกันเองกลับมาทะเลาะกันอยู่ข้างในนี้นับเป็นอะไรกัน?”
เหลยเซียวเหลือบมองชายฉกรรจ์แวบหนึ่ง เอ่ยเสริมว่า “อีกอย่าง ข้าคิดว่าการที่หมายเลขเก้าออกหน้าในตอนนั้นไม่ใช่เรื่องผิด หากไม่ใช่เขาที่พุ่งตัวออกไป คนพวกนั้นมีแต่จะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน”
ได้ยินอย่างนั้น คนอื่นล้วนเงียบกริบ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ได้วิจารณ์การกระทำของหมายเลขเก้าที่ออกหน้าในเวลานั้นมากนัก เพียงแต่ แค่รู้สึกผิดคาดที่เขามีไหวพริบและการตอบสนองดีขนาดนั้น ยิ่งนึกไม่นึกว่าในนาทีนั้นเขาจะช่วยเหลือคนพวกนั้น ลงมือสังหารพวกเขา ทำให้พวกเขาได้ตายสบาย
“เหอะ! ใครจะไปรู้ว่าเวลานั้นเขาคิดอะไรอยู่? เขาพูดเองไม่ใช่หรือ? ว่าตนเองได้กลายเป็นคนของวิหารราตรีแล้ว? นั่นก็คือสุนัขรับใช้ชัดๆ” ชายฉกรรจ์คนนั้นดูแคลนเฟิ่งจิ่วอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเขาถูกคัดเลือกให้เป็นหัวหน้ากลุ่มก็ยิ่งขุ่นเคือง จึงได้ดูแคลนเขา ด่าเขาว่าเป็นสุนัขรับใช้
“ไปกันเถิด! ไปดูข้างหน้ากัน” เฟิ่งจิ่วเหลือบมองชายฉกรรจ์แวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจเขา เพียงดึงปี้ซานเดินไปข้างหน้า
เหลยเซียวเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เดินผ่านชายฉกรรจ์ตามเฟิ่งจิ่วไปข้างหน้า คนข้างหลังย่อมเดินตามไปด้วย และด้านหลังสุด ชายฉกรรจ์ที่อยู่ห้องนอนเดียวกับพวกเฟิ่งจิ่วเหลือบมองชายคนที่ด่าเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่งขณะเดินผ่านเขา ก่อนจะเดินตามไป
พอเห็นทุกคนต่างยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าหนูนั่น ชายฉกรรจ์รู้สึกเจ็บใจ และแค้นเคือง เขาขบกรามสบถด่า จากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินตามไป
คอยดูเถิด! เขาจะรอดูว่าเจ้าหนูนั่นจะเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่ไปได้อย่างไร!