เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1847 เจ้าหนูนี่ / ตอนที่ 1848 ให้โอกาสเจ้าฆ่าข้า
ตอนที่ 1847 เจ้าหนูนี่ / ตอนที่ 1848 ให้โอกาสเจ้าฆ่าข้า
ตอนที่ 1847 เจ้าหนูนี่
พอพวกเฟิ่งจิ่วมาถึงข้างใน จึงค้นพบว่าคุกใต้ดินมีขนาดเท่าสนามข้างบน หนำซ้ำตลอดเส้นทางกลับไม่เจอใครเลยสักคน
ทั้งที่บอกว่าในนี้มีผู้ฝึกวิชามารที่รอโทษตายอยู่ ยามนี้กลับไม่เห็นเงาคนแม้แต่คนเดียว ทุกคนเริ่มระแวดระวัง ขณะเดินหน้า พวกเขาจับกลุ่มกันสองคน และหันหลังชนกัน เพื่อระวังการเคลื่อนไหวรอบๆ
“ย้าก!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังขึ้น เงาร่างที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นกระโจนออกมา ในนาทีนั้นเอง เงาร่างสิบกว่าเราที่สวมเสื้อผ้าขาดจนแทบเปลือยเปล่าครึ่งท่อนพุ่งกระโจนใส่พวกเฟิ่งจิ่ว ความเร็วนั้น พละกำลังนั้น เหมือนกับสัตว์ร้ายที่หิวกระหายมานาน ชวนให้อกสั่นขวัญหาย
แม้ทั้งสองฝ่ายไม่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่ในนาทีนี้ ไอสังหารพวยพุ่ง กลิ่นอายเย็นเยียบทำให้คุกใต้ดินแห่งนี้ยิ่งหนาวเหน็บขึ้นไปอีก เสียงคำราม และเสียงหมัดปะทะกัน เสียงฝ่ามือลมแหวกอากาศ ดังปะปนกันในคุกใต้ดินแห่งนี้
“อ๊าก!”
เหลยเซียวยื่นมือออกไปบิดคอของผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งจนหัก ได้ยินเพียงเสียงกระดูกหักดังผสานกับเสียงกรีดร้องโหยหวนท่ามกลางความโกลาหล
“กร๊อบ! อ๊าก…”
“ตายเสียเถอะ!”
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”
“ตายเสียเถอะ! อ๊าก…”
ท่ามกลางการต่อสู้อันวุ่นวาย ศพที่ล้มลงไปถูกเหยียบย่ำ บางคนขณะที่สะดุดศพบนพื้นล้มลงไปก็ถูกศัตรูพุ่งเข้าไปใช้หมัดโจมตีจุดตาย
ได้ยินเพียงเสียงกระดูกหน้าอกแตกละเอียด คนที่ถูกโจมตีหน้าอกกระอักเลือด ร่างกายสั่นเทา สุดท้ายก็เบิกตากว้างตายไปพร้อมกับความเคียดแค้น
“ซี๊ด!”
ชายฉกรรจ์สวมชุดกระชับตำสีดำคนหนึ่งสูดหายใจ แขนเสื้อถูกกระชากขาด และถูกอีกฝ่ายข่วนจนเป็นรอยแผลหลายเส้น เจ็บจนรู้สึกเหมือนถูกสัตว์ป่าโจมตีก็ไม่ปาน นั่นทำให้เขาตกตะลึง
“ซี๊ด! เจ็บชะมัด!”
ชายฉกรรจ์ที่ถูกข่วนเป็นแผลก็คือชายไว้หนวด หรือก็คือชายคนเมื่อคืนที่ถอดแม้กระทั่งกางเกงในออกนั่นเอง เขาไม่มีเวลาสนใจแผลบนไหล่ รีบเหวี่ยงหมัดโจมตีออกไป กำปั้นถูกเหวี่ยงโจมตีไปที่หัวของอีกฝ่ายพร้อมกับกลิ่นอายพลังวิญญาณ
“พลั่ก!”
หมัดปะทะออกไปอย่างแรง หัวของชายคนนั้นเอียงไปอีกทาง เขากระอักเลือดออกมาและล้มลงไป ชายไว้หนวดหันไปโจมตีเป้าหมายต่อไปทันที ในเวลานี้เอง ขณะที่เขากำลังสู้กับคนตรงหน้า ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังถือแท่งกระดูกสีขาวที่ถูกฝนจนปลายแหลมเล็งไปที่ท้ายทอยของชายไว้หนวด
เฟิ่งจิ่วที่เพิ่งถีบผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งกระเด็นออกไป เหลือบเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี ฝ่ามือพลิกขยับทันที เข็มเงินเล่มหนึ่งพุ่งแหวกอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก!”
ผู้ฝึกวิชามารที่ถือแท่งกระดูกขาวปลายแหลมกรีดร้อง กุมข้อมือที่กำลังสั่นเทาเล็กน้อย ขณะกำลังจะลงมืออีกครั้ง ก็ถูกผู้ฝึกวิชามารอีกคนที่ปลิวเข้ามากระแทกตัวลอยออกไป แท่งกระดูกขาวปลายแหลมที่อยู่ในมือแทงทะลุหัวใจของตน
ชายไว้หนวดหันกลับมาด้วยความตกใจ เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้ม “ขอบใจ!” พูดจบไม่นาน เขาก็จ้องเฟิ่งจิ่วด้วยความอึ้งงัน
นั่นเพราะเด็กหนุ่มที่ร่างกายผอมแห้งคนนั้นหันหลังไปซัดผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังจนปลิวออกไป อีกทั้งยังสังหารได้ในฝ่ามือเดียว! ฝีมือและท่าทางอันเด็ดขาดและงดงามนั่นทำเอาเขาตะลึงตาค้าง
เจ้าหนูนั่นเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานไม่ใช่หรือ? ทะ ทำไมซัดผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังจนปลิวออกไปได้ด้วย?
เขาสังเกตว่าคนอื่นๆ ต่างกำลังสนใจแต่ต่อสู้เอาตัวรอด ไม่มีใครสนใจเด็กหนุ่ม ขณะกำลังครุ่นคิดก็พลันมีคนโจมตีเข้ามาด้านหน้า…
………………………………….
ตอนที่ 1848 ให้โอกาสเจ้าฆ่าข้า
เขารีบปรับอารมณ์แล้วโจมตีผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น เมื่ออันตรายมาเยือนก็ไม่มีเวลาไปสนใจเจ้าหนูนั่นแล้ว
ปี้ซานที่อยู่ข้างเฟิ่งจิ่วยามเห็นฝีมือของเฟิ่งจิ่ว ก็ลอบตกใจเงียบๆ เช่นกัน นี่ใช่พลังระดับสร้างรากฐานเสียที่ไหน? หรือว่าเขาเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้? แต่หากซ่อนพลังไว้จริง เหตุใดพวกผู้อาวุโสกุ่ยจึงดูไม่ออกเล่า?
แม้ในใจจะตกตะลึง แต่ภายนอกเขากลับไม่ได้แสดงอะไร และไม่ได้ถามมาก ไม่ว่าใครล้วนมีความลับ เขาไม่พูดก็แสดงว่าไม่อยากให้พวกเขารู้ แต่ก่อนหน้านี้เขาเก็บซ่อนไว้ เหตุใดพอถึงข้างในนี้แล้วจึงแสดงฝีมืออกมา? หรือเขาไม่กลัวว่าพวกเขารู้?
ไม่เพียงปี้ซานกับชายไว้หนวดที่สังเกตเห็น แม้แต่พวกเหลยเซียวก็สังเกตเห็นด้วยเช่นกัน เดิมทีพวกเขาเพียงอยากดูแลหมายเลขเก้าให้มากหน่อย หากเขามีอันตรายก็จะช่วยเหลือ กลับนึกไม่ถึงว่าจะเห็นภาพที่เขาลงมืออย่างร้ายกาจ
พวกเขาล้วนเป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกมาก่อน ย่อมดูออกตั้งแต่แวบแรก ฝีมือของหมายเลขเก้านั้นเด็ดเดี่ยวมั่นคง หนำซ้ำยังลงมือโจมตีจุดตายของศัตรู ดูก็รู้ว่าเขาไม่ธรรมดาแน่นอน
สายตาของหมายเลขหนึ่งมองผ่านเฟิ่งจิ่ว ขณะกำลังจะละสายตาออกไป ก็เหลือบเห็นชายฉกรรจ์ที่ด่าเฟิ่งจิ่วว่าสุนัขรับใช้กำลังต่อสู้กับผู้ฝึกวิชามารพร้อมกับลอบเล่นสกปรกไปด้วย เขาพุ่งชนเด็กหนุ่มที่กำลังสู้กับผู้ฝึกวิชามารออกไป
เมื่อเห็นภาพนั้น เขาขมวดคิ้ว ก่อนโฉบกายเข้าไปถีบชายฉกรรจ์ที่เล่นสกปรกจนตัวปลิวออกไป
“พลั่ก!”
“อึก!” ชายฉกรรจ์ร้องครวญ กระอักเลือดคำโตออกจากปาก ร่างตกกระแทกพื้น เขายันผนังลุกขึ้น จ้องมองหมายเลขหนึ่งที่เล่นงานเขาด้วยสายตาขึ้งเคียด
ทว่าในเวลานี้ เฟิ่งจิ่วที่ถูกพุ่งชนจนกระเด็นออกไปซัดฝ่ามือใส่ผู้ฝึกวิชามารที่อยู่ข้างหน้า ขณะเดียวกันก็ทิ้งตัวลงพื้นอย่างมั่นคงและหันกลับมา ครั้นหันมา ก็เห็นชายคนนั้นถูกหมายเลขหนึ่งถีบกระเด็นไปแล้ว
เห็นอย่างนั้น เธอก็เหลือบมองหมายเลขหนึ่งแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตาออกไป จ้องมองชายฉกรรจ์ที่ลุกขึ้นด้วยความเคียดแค้น
เวลานี้ ผู้ฝึกวิชามารถูกสังหารไปไม่น้อยแล้ว คนที่เหลือต่างสิ้นใจตายภายใต้การล้อมโจมตีของทุกคน ท่ามกลางการต่อสู้ครั้งนี้ ฝ่ายพวกเขาสูญเสียคนไปเพียงคนสองคนเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็บาดเจ็บมากน้อยต่างกันไป ทว่าในเวลานี้ ทุกคนล้วนหันไปดูเหตุการณ์ข้างหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้น เขาไม่เข้าใจ เหตุใดพวกเดียวกันจึงสู้กันเอง?
หมายเลขหนึ่งหรี่ตา จ้องชายฉกรรจ์ที่ลุกขึ้นหลังจากถูกเขาถีบกระเด็น แต่ไม่พูดอะไร
“เขาเล่นสกปรกลับหลัง หมายทำร้ายหมายเลขเก้า” เหลยเซียวพูดพร้อมขมวดคิ้ว เหตุการณ์นั้นเขาเองก็เห็น
ครั้นได้ยินอย่างนั้น ทุกคนสีหน้าไหวระริก ต่างหันไปมองชายฉกรรจ์คนนั้นพร้อมกัน ที่แท้ก็อย่างนี้เอง เดาว่าเขาคงไม่ยอมรับหมายเลขเก้ากระมัง! ถึงได้คิดจะฆ่าหมายเลขเก้า
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดอย่างนั้น ก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดกระชับตัวก้าวออกมาข้างหน้า เขาเดินทีละก้าวๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าชายฉกรรจ์ “อยากฆ่าข้าหรือ? ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง”
เฟิ่งจิ่วในตอนนี้ สีหน้าเรียบเฉย ไม่เหลือเค้าความใสซื่อและทึ่มทื่อเหมือนตอนปกติ เขาดูต่างไปจากเดิม ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันตราย ทำให้ทุกคนอดตะลึงและประหลาดใจไม่ได้
มีเพียงชายฉกรรจ์ที่ถูกความแค้นบังตา เขาเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามาอย่างไม่กลัวความตาย จึงคำรามเสียงดัง กำหมัดเหวี่ยงออกไป หมัดนั้นใช้พลังของผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งหมด พลังอันร้ายกาจพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง คล้ายต้องการจะสังหารอีกฝ่ายให้ตายในหมัดเดียว
ปี้ซานที่เห็นเหตุการณ์ตกใจ ทำท่าจะก้าวเข้าไป แต่ก็ถูกห้ามไว้ก่อน