เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1857 ช่วยอีกสักครั้ง / ตอนที่ 1858 ทะลวงขั้นพร้อมกัน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1857 ช่วยอีกสักครั้ง / ตอนที่ 1858 ทะลวงขั้นพร้อมกัน
ตอนที่ 1857 ช่วยอีกสักครั้ง / ตอนที่ 1858 ทะลวงขั้นพร้อมกัน
ตอนที่ 1857 ช่วยอีกสักครั้ง
คนที่เหลือได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้ากันและอดยิ้มไม่ได้ เจ้าตำหยักยมราชก็มาแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา เพียงแต่ ตอนนี้ไม่รู้ว่านายท่านของพวกเขาอยู่ที่ใด?
ขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วที่พวกเขากำลังพร่ำพรรณนาถึงนั้น ยามนี้กำลังใช้ชีวิตอยู่กับคนกลุ่มหนึ่ง โดยกำลังอยู่ในช่วงฝึกโหดครั้งสุดท้าย
ป่าที่เต็มไปด้วยควันพิษ คือสถานที่สุดท้ายในการฝึกโหดของพวกเขา พวกผู้อาวุโสกุ่ยพาพวกเขามาส่งที่นี่ก่อนจากไป ไม่กลัวแม้แต่น้อยว่าพวกเขาจะหนีไปจากที่นี่ เพราะยาทะลวงใจที่พวกเขากินเข้าไปได้ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว พวกเขาในตอนนี้ เป็นเพียงคนที่ทำเป็นเพียงฟังคำสั่งอย่างเดียวเท่านั้น
ทว่า พวกผู้อาวุโสกุ่ยที่กำลังรอพวกเขากลับมาจากการฝึกไม่รู้เลย กลางป่าที่เต็มไปด้วยควันพิษซึ่งแม้แต่คนของวิหารราตรียังไม่อาจควบคุม สายลับในชุดกระชับตัวและสวมหน้ากากสีดำหนึ่งร้อยยี่สิบสามคนกำลังนั่งล้อมวงกัน
เดิมทีกลุ่มของพวกเฟิ่งจิ่วมีกันเพียงเจ็ดแปดสิบคน แต่ต่อมา ชายสามสิบสี่สิบคนที่ผู้อาวุโสกุ่ยเคยไว้ชีวิต พิสูจน์ความสามารถให้เห็น จึงถูกส่งกลับมาอยู่กับพวกเฟิ่งจิ่วเพื่อฝึกฝนไปพร้อมกัน แล้วก็เพราะเหตุผลนี้จึงได้มีหนึ่งร้อยยี่สิบสามคนนี้
ทว่าเวลานี้ คนเหล่านี้ที่สูญเสียสติสัมปชัญญะและทำเป็นเพียงฟังคำสั่งในสายตาของพวกผู้อาวุโสกุ่ย กลับกำลังมองเด็กหนุ่มในชุดดำกระชับตัวที่ยืนอยู่ตรงกลางด้วยแววตาเลื่อมใส
ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครลืมว่าเป็นเพราะเขา พวกเขาถึงไม่ได้กลายเป็นเครื่องมือฆ่าคน แล้วก็เป็นเพราะเขา พิษในร่างกายของพวกเขาถึงสามารถแก้ได้ แล้วก็เป็นเพราะเขาอีกเช่นกัน พวกเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินเส้นอื่น
“อาศัยป่าควันพิษแห่งนี้ พิษในตัวพวกเจ้าล้วนถูกแก้แล้ว เวลาที่ต้องฝึกอยู่ในนี้ก็ครบแล้ว หากในหมู่พวกเจ้ามีใครอยากหนีไป ก็ฉวยโอกาสนี้หนีไปได้ ทางวิหารราตรีไม่มีทางสืบเจอเบาะแสของพวกเจ้าได้แน่”
เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างแช่มช้า สายตากวาดมองทุกคน จดจำใบหน้าของพวกเขาทุกคนเอาไว้
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนมองหน้ากัน สุดท้ายต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “หัวหน้า พวกข้าจะติดตามท่าน ท่านไปไหน พวกข้าก็จะไปด้วย!”
หลายเดือนที่ผ่านความเป็นความตายมานี้ พวกเขาตัดสินใจแต่แรกแล้ว ขอเพียงรอดชีวิตไปได้ พวกเขาก็จะติดตามนายท่าน! เขาไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้าของพวกเขา แต่ยังช่วยพวกเขา และให้ชีวิตใหม่แก่พวกเขาด้วย
คนที่รอดชีวิตมานั่งตรงนี้ได้ แต่ละคนล้วนเป็นชายชาตรีที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ ย่อมไม่มีทางจากไปง่ายๆ เพราะเหตุผลนี้อยู่แล้ว
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก “ต่อไป ข้าจะเล่นงานวิหารราตรี พวกเจ้าก็จะติดตามข้า เป็นศัตรูกับวิหารราตรีงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินทุกคนพลันตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าหัวหน้าคิดจะเล่นงานวิหารราตรี ทว่าพวกเขาเองก็ไม่ใช่คนรักตัวกลัวตาย พอได้ยินอย่างนั้น ต่างพากันลุกยืน
“พวกข้าจะฟังคำสั่งหัวหน้า! บุกน้ำลุยไฟ ไม่มีบ่ายเบี่ยง!”
น้ำเสียงหนักแน่นเด็ดเดี่ยวดังก้องในผืนป่า สะท้อนอยู่ข้างหูพวกเขาทุกคนอย่างชัดเจน ได้ยินอย่างนั้น ในที่สุดเฟิ่งจิ่วก็เผยยิ้ม
“ดีมาก แม้การฝึกจะใช้เวลาเพียงสามเดือน จบก่อนกำหนด แต่พวกเจ้าแต่ละคนล้วนไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง ในเมื่อพวกเจ้ายอมติดตามข้า เช่นนั้น ข้าจะช่วยพวกเจ้าอีกสักครั้ง”
ได้ยินอย่างนั้น พวกเขาแต่ละคนงงงัน คล้ายไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร กระทั่งเห็นเขาพลิกฝ่ามือ หยิบยาขวดหนึ่งออกมา…
………………………………….
ตอนที่ 1858 ทะลวงขั้นพร้อมกัน
มองดูขวดยาขวดนั้น ทุกคนอึ้งงัน จ้องมองขวดยาในมือเขา จริงอยู่ที่พักนี้พวกเขากำลังกินยาอยู่ พลังของพวกเขาพัฒนาขึ้นขั้นแล้วขั้นเล่า นั่นเป็นเพราะคนของวิหารราตรีให้ยาทะลวงขั้นกับพวกเขา
แต่ยามนี้ เมื่อเห็นขวดยาที่หัวหน้าหยิบออกมา พวกเขากลับรู้สึกประหลาดใจ ยาที่วิหารราตรีให้พวกเขากินหมดแล้ว เขาไปเอายาเหล่านี้มาจากไหนอีก?
เฟิ่งจิ่วโบกมือ ยาแต่ละเม็ดลอยออกไป หยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา “กินมันเสีย มันจะช่วยให้พลังของพวกเจ้าในตอนนี้พัฒนาขึ้นอีก แต่หลังจากกินยาแล้ว ภายในหนึ่งถึงสองปีอย่าเพิ่งกินยาทะลวงขั้นอีก”
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็รับยาไปกลืนลงคออย่างไม่ลังเล และหลังจากกลืนลงไปไม่นาน กลิ่นอายพลังวิญญาณของพวกเขาแต่ละคนพลันพลุ่งพล่าน หลังจากตื่นตะลึง ทุกคนพากันนั่งขัดสมาธิลงไปอย่างพร้อมเพรียง
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ เดินออกไประยะหนึ่ง จากนั้นก็ร่ายเขตอาคมคุ้มกันให้พวกเขา
การฝึกวรยุทธ์ในช่วงนี้ ทำให้พลังของพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลาง มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในระดับกำเนิดวิญญาณขั้นต้น ทว่าหลังจากที่กินยาซึ่งหาได้ยากของเฟิ่งจิ่วเข้าไป เหล่าผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นต้นทยอยก้าวกระโดดไปยังขั้นสูงสุด ส่วนพวกที่เดิมทีอยู่ในระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลาง กลับทะลวงขั้นสู่ระดับเซียนเหินโดยตรง
และในคนพวกนั้น พวกเหลยเซียวก็เป็นกลุ่มที่ทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับเซียนเหินขั้นกลาง ส่วนคนอื่นอยู่ในระดับเซียนเหินขั้นต้น เพราะการทะลวงขั้นของพวกเขา เสียงฟ้าร้องจึงดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ฝึกวิชามารของวิหารราตรีหลายคนที่กำลังซุ่มอยู่ข้างนอกแตกตื่น
“สายฟ้านี้ดูไม่ค่อยปกติ พวกเราเข้าไปดูหน่อยเถิด!” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนหนึ่งหันไปบอกสองคนข้างกาย จากนั้นทั้งสามก็มุ่งหน้าเข้าไปในป่าควันพิษ
คนพวกนั้นเข้าสู่การฝึกโหดในป่าผืนนี้ พวกเขาไม่ได้ตามเข้าไป เพียงทิ้งคนให้เฝ้าอยู่นอกป่าไม่กี่คน เพื่อคอยสังเกตความเคลื่อนไหว ยามนี้ จู่ๆ ได้ยินเสียงฟ้าผ่าครั้งแล้วครั้งเล่า ดูผิดปกติยิ่งนัก
เมื่อมุ่งหน้าไปยังจุดที่สายฟ้าฟาดลงไป ยิ่งเข้าใกล้ ก็ยิ่งตกตะลึง เพราะสายฟ้าเพิ่งผ่าลงมาจากเบื้องบนเส้นหนึ่ง ไม่นานก็มีสายฟ้าอีกเส้นผ่าตามลงมา สายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าหายลับไปบนพื้นดิน ริ้วอากาศที่เกิดจากกระแสพลังมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลิ่นอายและแรงกดดันอันแข็งแกร่ง ชวนให้ตกตะลึงพรึงเพริด
“ซี๊ด!”
ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินที่นำหน้าสูดหายใจ มองแรงกดดันและกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่แผ่กระจายไปทั่วผืนป่า ก็อุทานขึ้นมา “ทำไมรุนแรงเช่นนี้? กระแสพลังเช่นนี้ กะ เกรงว่าจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินเพียงคนเดียวแล้ว…”
พวกเขาเร่งฝีเท้าไปยังเบื้องหน้า ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งตกตะลึง กระทั่ง เห็นเงาร่างสีดำร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างต้นไม้ ในมือควงหน้ากากเล่น ห่างออกไปร้อยเมตรที่ข้างหลังเขา เหล่าผู้ฝึกตนในชุดกระชับตัวสีดำกำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อทะลวงขั้นอยู่ตรงนั้น
เห็นอย่างนั้น พวกเขารีบพุ่งเข้าไป หยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มในชุดกระชับตัวสีดำ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดพวกเขายังทะลวงขั้นได้อีก?”
เด็กหนุ่มชุดดำ หรือก็คือเฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน ที่กำลังเบิกตากว้างมองภาพข้างหลัง และร้องถามด้วยความตกใจ นัยน์ตาไหวระริกเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า “พวกเขากำลังทะลวงขั้น”
“ข้าย่อมรู้ว่าพวกเขากำลังทะลวงขั้น เพียงแต่ เหตุใดจึงทะลวงขั้นพร้อมกัน อีกทั้งยังเป็นเวลานี้อีก?” ยาทะลวงขั้นพวกเขากินไปตั้งนานแล้วแท้ๆ แล้วเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์ตรงหน้าขึ้นได้อีก?