เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1861 หยุดเดี๋ยวนี้ / ตอนที่ 1862 ภารกิจสุดท้าย
ตอนที่ 1861 หยุดเดี๋ยวนี้ / ตอนที่ 1862 ภารกิจสุดท้าย
ตอนที่ 1861 หยุดเดี๋ยวนี้
คนเหล่านั้นตกใจผงะถอยหลัง ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินหลายคนคำรามใส่ผู้อาวุโสกุ่ย “นี่ท่านจะทำอะไร!” ทว่าทันทีที่สิ้นเสียง การโจมตีซึ่งๆ หน้าพลันพุ่งเข้ามาหา กระบวนท่ากันดุดันแฝงไว้ด้วยไอสังหาร ไม่มีทีท่าว่าจะออมมือสักนิด ทำให้พวกเขาตะลึงพรึงเพริด
ตามหลักแล้ว พวกเขามีผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินสี่คน ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณสองคน ไม่ควรเกรงกลัวกลุ่มคนนั้น แต่ครั้นอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาก็พลันตกตะลึง โดยเฉพาะเด็กหนุ่มชุดดำในกลุ่มห้าคนนั้นที่กล้าโจมตีผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินหนึ่งในกลุ่มของพวกเขา ความกล้านั่นทำให้พวกเขาตื่นตะลึง
หรือพวกเขาไม่กลัวตาย? อ้อ ใช่แล้ว พวกเขาฝึกฝนในฐานะทหารไร้วิญญาณ ทุกคนล้วนกินยาทะลวงใจเข้าไปแล้ว จะกลัวตายอีกได้อย่างไร? คนพวกนี้ล้วนฟังคำสั่งของผู้อาวุโสกุ่ย ยามนี้เขาออกคำสั่งให้ฆ่าพวกเขา เกรงว่าหากพวกเขาไม่ตาย คนพวกนั้นก็คงไม่ยอมรามือ…
“วืด!”
ฝ่ามือลมพุ่งแหวกอากาศดังวืด ผู้อาวุโสกุ่ยที่อยู่ด้านหนึ่งยืนหรี่ตาเอามือไพล่หลัง สายตาจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มชุดดำหมายเลขเก้า เด็กหนุ่มเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลาง แต่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ในระดับเซียนเหินขั้นต้น พลังของทั้งสองห่างกันหนึ่งระดับ ไม่นึกว่าจะอาศัยความเร็วรวมถึงท่าร่างที่พลิกแพลงบีบคั้นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินให้ถอยครั้งแล้วครั้งเล่าได้
“อึก!”
หลบไม่ทันเพียงครั้งเดียว แขนเสื้อก็พลันถูกเด็กหนุ่มชุดดำหมายเลขเก้าข่วนจนขาด เล็บของอีกฝ่ายข่วนแขนของเขาจนเป็นแผลเลือดซึมหลายเส้น
เขาร้องครวญ ดวงตาที่หรี่เล็กมีประกายสังหารพาดผ่าน นาทีต่อมา ข้อมือขยับ กระบี่ยาวเล่มหนึ่งพลันปรากฏกลางฝ่ามือเขา ฝ่ามือรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณถ่ายเทเข้าไปในกระบี่ คมกระบี่มีกระแสอากาศอันดุดันพาดผ่าน จากนั้นพลังกระบี่ขุมหนึ่งก็พลันพุ่งออกไป ฟาดฟันไปยังเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่ข้างหน้า
เฟิ่งจิ่วใบหน้าเย็นชา เดาอารมณ์ไม่ออก เห็นพลังกระบี่พุ่งเข้ามา เธอเบี่ยงตัวหลบ แต่ไม่ได้หลบทั้งหมด เพียงแสร้งทำเป็นหลบไม่พ้น และโดนพลังกระบี่เฉือนบาดเจ็บที่ไหล่ เลือดสีแดงสดไหลเป็นทาง ขณะเดียวกันเธอก็บินพุ่งเข้ามา พร้อมกับดาบสั้นที่ไถลออกจากแขนเสื้อมาตรงกลางฝ่ามือ พริบตาที่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนนั้นหันหลังมา ดาบสั้นในมือเธอก็เฉือนผ่านลำคอของเขา
“ชิ้ง!”
“อึก!”
การเคลื่อนไหวลื่นไหลดุจสายน้ำ ลงมือเด็ดขาดหมดจด รวดเร็วจนชวนให้อดอุทานไม่ได้ว่า ท่าร่างยอดเยี่ยม!
ผู้อาวุโสกุ่ยที่เห็นภาพนั้นหรี่ตา ลอบพยักหน้ากับตนเอง นอกจากประหลาดใจแล้ว เขาก็พึงพอใจมาก นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะสังหารข้ามระดับได้ด้วย ความสามารถแฝงไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
ต่างกับผู้อาวุโสกุ่ย กลุ่มคนที่กำลังยืนดูอยู่ข้างหลังแม้สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ แต่พอเห็นหัวหน้าของพวกเขาบาดเจ็บ ก็อดกังวลไม่ได้ ทว่าโชคดีที่ชายคนนั้นถูกฆ่าในนาทีต่อมา
ลองนึกดูดีๆ แล้วก็ไม่แปลก หากหัวหน้าสังหารผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินด้วยพลังของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณโดยไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จะไม่แปลกเกินไปหรือ? การโจมตีเมื่อครู่เขาหลบได้ดีมาก ทั้งไม่บาดเจ็บมากเกินไป และไม่ทำให้ใครสงสัย อย่างน้อย ผู้อาวุโสกุ่ยนั่นก็ไม่มีทางนึกถึงว่าหัวหน้าตั้งใจทำเช่นนั้น
คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ลงมือดุดันหมายปลิดชีวิต นี่เป็นผลลัพธ์จากการฝึกฝนของพวกเขาในช่วงที่ผ่านมา ยามโจมตีต้องเลือกจุดตายของศัตรู ไม่โจมตีก็เรื่องหนึ่ง หากลงมือเมื่อใดก็ต้องปลิดชีวิคนให้ได้!
“ผู้อาวุโสกุ่ย! ท่านให้พวกนั้นฆ่าพวกเขา แล้วท่านจะได้ประโยชน์อะไร! ท่านไม่กลัวข้างบนเอาผิดหรือ? ยังไม่รีบสั่งให้พวกนั้นหยุดอีก!” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนหนึ่งตะโกนด้วยความเดือดดาล ถลึงตาจ้องผู้อาวุโสกุ่ยที่ยืนดูอยู่ข้างๆ
………………………………….
ตอนที่ 1862 ภารกิจสุดท้าย
ผู้อาวุโสกุ่ยหัวเราะ มองคนกลุ่มนั้นที่ถูกบีบให้ถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? นี่ข้าก็ทำไปเพื่อการฝึกฝนอย่างไรเล่า! ข้าเชื่อว่าหากข้างบนรู้เรื่อง จะต้องเห็นด้วยกับข้าอย่างแน่นอน”
คนพวกนั้นเห็นท่าทางของเขา กอปรกับเห็นคนร้อยกว่าคนข้างหลังที่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน รวมถึงพวกที่โจมตีพวกเขา พลันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง
“ข้ารู้แล้ว! ท่านเห็นสายลับชุดนี้มีฝีมือโดดเด่น จึงอยากยึดครองเป็นของตนเอง!”
สิ้นเสียงนี้ คนที่เหลือต่างตกตะลึง รู้ว่าวันนี้คงไม่ง่ายที่จะเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ พวกเขารีบเอาอาวุธออกมาสู้ เพียงแต่ พวกเขารู้ตัวช้าเกินไป พวกหมายเลขหนึ่งลงมือโหดเหี้ยม ไม่คิดจะปล่อยให้เขารอดไปได้อยู่แล้ว
“วืด! พลั่ก!”
พลังกระบี่พาดผ่าน ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งกระอักเลือดตัวปลิวออกไป ล้มลงบนพื้นร่างกระตุกสั่นอยู่ไม่นานก่อนจะสิ้นใจ
“พลั่ก!”
หมายเลขหนึ่งซัดฝ่ามือลมออกไป พาเอาร่างของผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนหนึ่งกระเด็นไปไกล ขณะเดียวกัน กระบี่คมในมือไล่ฟันตามร่างของผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินที่ลอยออกไป
“ฉึก!”
เพียงดาบเดียวก็แทงทะลุหัวใจของผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนนั้น กระบี่ยาวถูกชักออก เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น กลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วบริเวณ ผ่านไปไม่นาน คนเหล่านั้นตายไปทีละคนด้วยน้ำมือของพวกเขา กระทั่งเมื่อคนสุดท้ายสิ้นลม พวกเฟิ่งจิ่วจึงเก็บกระบี่และกลับมายืนเรียงแถวอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสกุ่ย
“เรียนผู้อาวุโสกุ่ย คนสังหารหมดแล้ว! ภารกิจสำเร็จ!” เฟิ่งจิ่วรายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชา ท่าทางนอบน้อม
ผู้อาวุโสกุ่ยที่เห็นภาพนั้นไม่อาจปิดความตื่นเต้นในดวงตาได้มิด “ดี! ดีมาก! ข้าไม่เคยฝึกสายลับชุดไหนที่โดดเด่นเช่นพวกเจ้ามาก่อน! อัตราการรอดชีวิตสูง แต่ละคนล้วนมีฝีมือยอดเยี่ยม ดีมาก! ฮ่าๆๆๆๆ!”
เขาแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง มองคนหนึ่งร้อยยี่สิบสามคนตรงหน้า ลึกๆ ข้างในตื่นเต้นยิ่งนัก มีคนกลุ่มนี้อยู่ แม้เขาจะทรยศวิหารราตรีแล้วสร้างสำนักของตนเองขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย!
“กลับไปพักผ่อนเถิด! พรุ่งนี้ข้าจะมอบหมายภารกิจให้พวกเจ้า!” เขาโบกมือสั่ง มองดูพวกเขารับคำแล้วถอยออกไปอย่างพึงพอใจ
หลังกลับมาที่ห้องนอนรวมของวพกเขา มีบางคนที่เดินรั้งท้าย คอยเฝ้าอยู่ข้างนอก ส่วนคนอื่นพากันล้อมวงอยู่รอบฟิ่งจิ่ว “หัวหน้า ท่านไม่เป็นไรกระมัง รีบทำแผลที่แขนก่อนเถิด”
เฟิ่งจิ่วโบกมือยิ้มๆ “ไม่เป็นไร แค่แผลถลอกเท่านั้น” ขณะกล่าว เธอโรยยาแล้วพันแผลแบบง่ายๆ
“หัวหน้า ผู้อาวุโสกุ่ยคิดจะครอบครองกลุ่มของเราใช่หรือไม่? เขากลับใจกล้าไม่น้อย”
“ไม่ใช่ใจกล้า แต่ใจใหญ่ต่างหาก ข้าว่าเขาคงคิดจะสร้างสำนักของตนเอง”
“แต่ก็ไม่แปลก พวกเราร้อยกว่าคนล้วนมีพลังอยู่ในระดับเซียนเหิน พลังเช่นนี้อยู่ข้างนอกถือว่าแข็งแกร่งมาก เขามีความคิดอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
หลังฟังพวกเขาถกเถียงกัน เฟิ่งจิ่วยกมือกำชับ “อยู่ที่นี่ทุกอย่างต้องระวังไว้ก่อน อย่าเพิ่งถกเถียงกัน ให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปพักก่อน รอดูว่าพรุ่งนี้เขาจะมอบหมายภารกิจอะไร แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”
“ขอรับ” หลังได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ทุกคนรับคำ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไป
เช้าวันต่อมา ทุกคนยืนเรียงแถวกันอยู่กลางสนาม เพียงค่ำคืนเดียว กลุ่มคนที่ยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้กลับพบว่า ที่นี่นอกจากพวกเขาร้อยกว่าคน เหล่าผู้ฝึกวิชามารที่เคยยืนเฝ้าอยู่ที่นี่ดูเหมือนจะน้อยลงไปมาก
ครั้นคาดเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของผู้อาวุโสกุ่ย พวกเขาก็ลอบพิจารณาในใจเงียบๆ ผู้อาวุโสกุ่ยจะมอบหมายภารกิจอะไรให้พวกเขากันแน่? กระทั่งเห็นผู้อาวุโสกุ่ยที่เปลือยกายครึ่งท่อนพาหญิงงามสองนางเดินมาทางพวกเขา…