เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1867 ไร้ข่าวคราว / ตอนที่ 1868 เดินหมาก
ตอนที่ 1867 ไร้ข่าวคราว / ตอนที่ 1868 เดินหมาก
ตอนที่ 1867 ไร้ข่าวคราว
“ขอรับ!” เฟิ่งจิ่วเก็บซ่อนสายตาแล้วรับคำ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าติดตามอยู่ข้างกายข้าก็แล้วกัน!” ชายชุดคลุมสีดำเอ่ยแช่มช้า ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม คล้ายพึงพอใจในตัวเฟิ่งจิ่วมาก
“ขอรับ!”
เฟิ่งจิ่วรับคำ ลึกๆ ข้างในลอบตกใจ กลับนึกไม่ถึงว่าจะแฝงตัวเข้าไปอยู่ในวิหารราตรีได้ทั้งอย่างนี้ หากอยู่ข้างกายเขา เช่นนั้น คิดจะทำลายวิหารราตรีก็กลายเป็นเรื่องง่ายแล้วกระมัง! อีกอย่าง เรื่องที่พวกเขาสืบไม่ได้ บางทีเธออาจรู้จากการแฝงตัวเข้าไปอยู่ที่นั่น
“คุณชาย เข้าไปนั่งพักข้างในก่อนเถิด!” ชายชราเดินเข้ามาบอก
“อืม” ชายชุดคลุมสีดำรับคำ หมุนตัวออกเดิน คนอื่นก็ตามไปด้วยเช่นกัน
ขณะที่เฟิ่งจิ่วหมุนตัว เธอลอบส่งสายตาให้หนึ่งร้อยกว่าคนที่เหลือ แล้วจึงค่อยตามพวกเขาไป
เมื่อมาถึงที่พักเดิมของผู้อาวุโสกุ่ย ทันทีที่เข้าไป หญิงงามสองนางก็เดินเข้ามารับหน้าพร้อมรอยยิ้ม นึกไม่ถึง ยังไม่ทันเข้าใกล้ชายชุดคลุมสีดำก็ถูกฝ่ามือซัดจนตัวปลิว
“กรี๊ด!”
ทั้งสองถูกซัดปลิวออกไป เลือดกระอักออกจากปากล้มลงบนพื้น หน้าซีดเผือดหายใจรวยริน
“จัดการให้เรียบร้อย!”
ชายชุดคลุมสีดำขมวดคิ้วสั่ง ก้าวเข้าไปข้างในโดยไม่หันกลับมามองอีก เฟิ่งจิ่วที่เดินรั้งท้ายสุดย่อมกลายเป็นคนที่ต้องสะสางปัญหา
เธอก้าวเข้าไปปลิดชีพของสองคนนั้น ก่อนจะลากร่างทั้งสองออกไป โยนเข้าไปในกรงสัตว์ร้าย
ขณะเดียวกัน ชายชุดคลุมสีดำที่นั่งเอนหลัง หรี่ตาถามคนข้างกาย “พวกเจ้าคิดว่าหมายเลขเก้าเป็นอย่างไร?”
พวกเขาตะลึงเล็กน้อย มองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่านายท่านหมายความว่าอย่างไร ทว่าดูจากสถานการณ์ก่อนหน้า เขาน่าจะชื่นชมหมายเลขเก้ามาก หนึ่งในนั้นจึงตอบ “แม้กินยาทะลวงใจเข้าไป แต่ฉลาดมีไหวพริบไม่แข็งกระด้าง ทั้งยังสามารถสังหารข้ามระดับได้ด้วย เห็นได้ว่ามีความสามารถแฝงไร้ขีดจำกัดขอรับ”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว คนที่นายท่านหมายตา ย่อมต้องมีจุดที่โดดเด่นกว่าคนอื่น”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนเสริมว่า “หมายเลขเก้ายังอายุน้อย แต่กลับมีวรยุทธ์ขนาดนี้ หากฝึกฝนเพิ่มอีกหน่อย ภายหน้าจะต้องช่วยนายท่านได้มากแน่ๆ”
“คุณชาย ดื่มน้ำสักแก้วเถิด!” ชายชรากลับไม่ได้มีส่วนร่วมในบทสนทนา เพียงวางน้ำชาที่ไม่รู้ไปรินมาจากที่ใดไว้ตรงหน้าชายชุดคลุมสีดำ
เวลานี้ เฟิ่งจิ่วเดินเข้ามา คารวะด้วยความนอบน้อม ก่อนรายงานว่า “นายท่าน จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“อืม” ชายชุดคลุมสีดำโบกมือ เห็นเด็กหนุ่มหมายเลขเก้าก้าวเข้ามายืนข้างกายเขาเงียบๆ
เมื่อเห็นอย่างนั้น ชายชุดคลุมสีดำกระตุกปากเล็กน้อย ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งก่อนละสายตาออกไป เพียงยกชาขึ้นจิบหนึ่งคำ พลางถาม “ได้ยินว่าภูตหมอนั่นมาถึงที่นี่แล้ว ซ้ำยังช่วยชีวิตเซียนผู้หนึ่งไว้ด้วย ยามนี้สืบเจอที่อยู่ของนางแล้วหรือไม่?”
ได้ยินอย่างนั้น เหล่าผู้ติดตามสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย สูดหายใจลึกๆ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะตอบอย่างระมัดระวัง “เรียนนายท่าน ภูตหมอนั่นหลังออกจากเขตแดนของสำนักบุปผาเซียนก็หายตัวไปเลย พวกเราสืบหาทั่วทิศแล้ว ก็ไม่เจอเบาะแสของเขา ยามนี้ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด”
ชายอีกคนเอ่ยเสริม “นายท่าน แม้ข้าจะไม่มีข่าวของภูตหมอ แต่กลับมีอีกเรื่องจะรายงานขอรับ” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ประมาณสองเดือนก่อน น่าหลันโม่เฉิน ลูกศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจีกลับมาที่ตระกูลของเขาแล้ว อีกทั้งพักนี้ยังมีอีกสองกลุ่มอำนาจกำลังขยายตัวอย่างเงียบๆ ด้วยขอรับ”
อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่เก็บซ่อนสายตาอยู่ได้ยินอย่างนั้น ดวงตาก็ไหวระริกเล็กน้อย
………………………………….
ตอนที่ 1868 เดินหมาก
เฟิ่งจิ่วยืนฟังเงียบๆ นึกไม่ถึงว่าคนของวิหารราตรีจะจับตาดูพวกเขาอยู่ตลอด สองกลุ่มอำนาจ? ใช่เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเหล่าองครักษ์เฟิ่งหรือไม่?
ขณะครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงของชายชุดคลุมสีดำดังขึ้นอีกครั้ง
“ภูตหมอที่ชื่อเฟิ่งจิ่ว มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ มาถึงที่นี่แล้วก็ยังเล็ดรอดสายตาของเราไปได้ ในเมื่อจะเล่น อย่างนั้นก็เล่นเป็นเพื่อนนางหน่อยก็แล้วกัน” เขาหมุนแหวนหยกเลือดบนนิ้วโป้งเล่น นัยน์ตาลึกล้ำ ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
พวกคนข้างหลังมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะก้าวออกมากล่าวว่า “นายท่าน ข้ามีภาพเหมือนของภูตหมอ นายท่านจะดูหรือไม่ขอรับ?” หลังจากแลกเปลี่ยนกับคนผู้นั้นด้วยการเล่นงานราชวงศ์เฟิ่งหวง นายท่านก็เอาแต่สั่งการเรื่องราวต่อจากนี้ กลับไม่เคยได้เห็นภาพเหมือนของคนพวกนั้นเลยสักครั้ง เดาว่าแม้จะพบภูตหมอเฟิ่งจิ่ว เขาก็คงไม่รู้ว่าเป็นนาง
“ก็แค่หญิงสาวนางหนึ่ง มีอะไรน่าดูกัน?” ชายชุดคลุมสีดำกล่าวอย่างไร้ความสนใจ โบกมือสั่งคนข้างหลัง “พวกเจ้าออกไปจัดระเบียบคนข้างนอกที”
“ขอรับ” สามคนข้างหลังล้วนถอยออกไป เหลือเพียงชายชราและเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เห็นคนอื่นล้วนออกไปหมดแล้ว ชายชราจึงก้าวเข้ามาเอากระดานหมากวางบนโต๊ะ นั่งลงตรงข้ามกับชายชุดคลุมสีดำและเริ่มเดินหมากกับเขา ทั้งสองพูดคุยกันเป็นครั้งคราว กอปรกับสรรพนามที่ชายชราเรียกขานชายชุดคลุมสีดำคือคุณชาย ไม่ใช่นายท่าน เห็นได้ว่าทั้งสองมิได้เป็นเพียงนายบ่าวธรรมดา
หลังจากที่ทั้งสองเดินหมากหนึ่งกระดาน ชายชุดคลุมสีดำขานเรียก “หมายเลขเก้า เจ้ามาเดินหมากกับข้าสักกระดาน”
ได้ยินอย่างนั้น ชายชราลุกขึ้นยืน ก่อนถอยไปนั่งด้านหนึ่งเงียบๆ
ส่วนเฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย ตอบว่า “นายท่าน ข้าเดินหมากไม่เป็นขอรับ”
แม้จะเดินเป็นก็เดินกับเขาไม่ได้ การเดินหมากก็เหมือนนิสัยคน อยากรู้นิสัยใจคอของคนคนหนึ่งในเวลาอันสั้นที่สุด การบุกโจมตีหรือล่าถอยในการเดินหมากคือวิธีที่สามารถอ่านใจคนได้ดีที่สุดแล้ว
“ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่ได้หวังว่าเจ้าจะชนะ” เขาชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง “นั่งลง” น้ำเสียงแข็งกร้าว ไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วรับคำ เดินมาตรงหน้าแล้วนั่งขัดสมาธิ เหม่อมองหมากสีขาวดำตรงหน้า
“ฮะๆ”
ชายชุดคลุมสีดำเห็นเฟิ่งจิ่วเหม่อมองหมาก ก็อดหลุดขำไม่ได้ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เป็นฝ่าย
หยิบหมากสีดำขึ้นมาแล้ววางลงไปก่อน
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้น จึงหยิบหมากสีขาวขึ้นมา แล้ววางตามลงไปด้วย
เห็นหมากสองตัวถูกวางไว้ใกล้กัน ชายชุดคลุมสีดำยักคิ้ว ชำเลืองมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบหมากสีดำอีกหนึ่งตัววางลงไป จากนั้นก็เห็นเด็กหนุ่มหยิบหมากสีขาวอีกหนึ่งตัวขึ้นวางลงไป ครั้นเห็นตำแหน่งที่เด็กหนุ่มวางหมาก คิ้วของเขากระดกขึ้น มุมปากกระตุกเล็กน้อย
คล้ายอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปาก เพียงหยิบหมากอีกหนึ่งตัวขึ้นมาวาง จากนั้นก็ดึงมือกลับ ไม่นานก็เห็นเด็กหนุ่มวางหมากลงไปโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดสักนิด หนำซ้ำยังเดินหมากตามหมากสีดำของเขาอีก
เห็นอย่างนั้น ในที่สุดเขาก็ทำหน้าเครียดอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเดินหมากของเจ้าไป จะเดินตามข้าทำไม?”
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองชายชุดคลุมสีดำที่ดวงตาแฝงแววโกรธกรุ่นเล็กน้อยด้วยความงุนงง ก่อนจะถามออกไปอย่างซื่อๆ ว่า “เดินอย่างนี้ไม่ได้หรือขอรับ? นายท่านไม่ได้บอกข้านี่ขอรับ!”
“อย่าเดินตามข้า เดินของเจ้าไป” เขาพูดอย่างข่มอารมณ์ ก่อนจะหยิบหมากขึ้นมาแล้ววางลงไปอีกครั้ง
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วรับคำ เก็บซ่อนสายตา จากนั้นก็หยิบหมากสีขาวขึ้นมาวางลงตรงมุมกระดานหมาก
ชายชราที่เห็นอย่างนั้นชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ