เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1873 เขาเคยยึดร่างผู้อื่น / ตอนที่ 1874 เคลื่อนไหวลับๆ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1873 เขาเคยยึดร่างผู้อื่น / ตอนที่ 1874 เคลื่อนไหวลับๆ
ตอนที่ 1873 เขาเคยยึดร่างผู้อื่น / ตอนที่ 1874 เคลื่อนไหวลับๆ
ตอนที่ 1873 เขาเคยยึดร่างผู้อื่น
เห็นเด็กหนุ่มชุดดำนั่งมองลงมาจากข้างบนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เขาก็ละสายตาออกไป เอนกายพิงเก้าอี้ ท่าทางดูเกียจคร้านผ่อนคลาย ก่อนจะถามหานหรงว่า “ตอนนั้นที่เจ้าใช้แร่วิญญาณแลกเปลี่ยนกับข้า ให้ข้าไปทำลายราชวงศ์เฟิ่งหวง เจ้าไม่เคยบอกว่าข้าจะต้องตามเช็ดตามล้างให้เจ้าด้วย ยิ่งไม่เคยบอกว่าพวกข้าต้องช่วยเจ้าฆ่าคนที่เหลือพวกนั้นด้วย”
ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำและแฝงแววเย็นชาเล็กน้อยของคนที่นั่งตำแหน่งประธานแล้ว หานหรงรีบเก็บซ่อนสายตา “มิกล้า ข้ามาคราวนี้เพียงเพื่อนำข่าวมาส่งให้เจ้าวิหารเท่านั้น มิกล้าขอให้เจ้าวิหารลงมือ”
“เฮอะ!”
ชายชุดคลุมสีดำแค่นเสียง หรี่ตาคมปลาบจ้องมองเขา “หานหรง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่! เจ้าเคยเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่งของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ แต่กลับถูกทำลายวรยุทธ์และไล่ตะเพิดออกมาโทษฐานเป็นบ่าวแต่กำเริบเสิบสานต่อเจ้านาย หากมิใช่นายคนปัจจุบันของเจ้าช่วยเจ้ายึดร่างผู้อื่นมา เจ้าก็คงไม่มีวันได้มายืนอยู่ตรงนี้! อาศัยแค่เจ้าที่เป็นอย่างนี้ ใครกันที่มอบความกล้าให้เจ้าไม่ยอมคุกเข่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า? และผู้ใดกันที่มอบความกล้าให้เจ้ามาหลอกใช้ข้า?”
น้ำเสียงเยือกเย็นพุ่งออกมาพร้อมกับแรงกดดันอันแข็งแกร่ง หานหรงตกใจกลัว กลิ่นอายความตายแผ่ปกคลุมเขาในพริบตา ทำให้เขาขาอ่อน รีบคุกเข่าลงไป
“มะ มิกล้าขอรับ”
ขะ เขารู้หรือนี่! ไม่นึกเลยว่าเจ้าวิหารจะรู้ว่าเขายึดร่างผู้อื่นมา? ยังรู้อีกด้วยว่าเขาเคยเป็นคนของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ? เขาสืบรู้ได้อย่างไรกันแน่?
เวลานี้ เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นตื่นตะลึง เขาจ้องหานหรงที่อยู่ข้างล่าง ไม่อยากเชื่อ คนคนนี้ก็คือหานหรงที่เคยถูกเซวียนหยวนโม่เจ๋อทำลายวรยุทธ์ในอดีต
เป็นเขา? ที่แท้ก็เป็นเขา!
เป็นเขาที่มีจิตคิดแก้แค้น ทำให้ราชวงศ์เฟิ่งหวงของเธอต้องล่มสลาย ทำให้องครักษ์เฟิ่งต้องล้มตายไปมากมาย ทำให้ท่านปู่ท่านย่าของเธอต้องลำบากขนาดนั้น แล้วก็ทำให้ท่านอาน้อยของเธอต้องประสบเคราะห์กรรมจนตาย…
จ้องมองคนเบื้องล่าง ไอสังหารแผ่ซานออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ อยากจะฆ่าเขาจนแทบยั้งใจไม่อยู่!
ชายชุดคลุมสีดำชำเลืองมองหานหรงที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่าง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คราวหน้าแม้จะมีข่าวคราวพวกนั้น ก็ไม่ต้องวิ่งมาบอกข้าอีก วิหารราตรีของข้ามิใช่สถานที่ที่เจ้านึกอยากมาเมื่อใดก็มาได้!”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวลา”
หานหรงก้มหน้า บางทีอาจเพราะเกรงกลัวในแรงกดดันของเขา นาทีนี้จึงไม่กล้าแม้แต่เงยหน้า เขาถอยออกไปทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น กระทั่งเดินออกจากตำหนักมาได้ระยะหนึ่งจึงค่อยถอนหายใจ พยายามสงบจิตใจที่เต้นเร็วและไปจากที่นี่ทันที
มีเพียงคนที่เคยผ่านความตายและความสิ้นหวังมาก่อนอย่างเขาเท่านั้นที่รู้ว่าการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่งดงามเพียงใด แล้วก็เพราะเหตุผลนี้ เขาจึงยิ่งหวงแหนทุกอย่างที่มีในตอนนี้ยิ่งกว่าเดิม ส่วนพวกเฟิ่งจิ่ว เขาไม่มีทางปล่อยไปอย่างนี้แน่!
“หมายเลขเก้า” ครั้นหานหรงจากไป ชายชุดคลุมสีดำก็ขายเรียกด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วกระโดดลงมาจากข้างบน คารวะอย่างนอบน้อม
“เจ้ารู้จักเขาหรือ?” ชายชุดคลุมสีดำหรี่ตา สายตาคมปลาบจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่ยอมปล่อยให้สีหน้าของเด็กหนุ่มเล็ดรอดไปได้แม้แต่น้อย
“เรียนนายท่าน ข้าเคยเจอเขามาก่อนขอรับ” เฟิ่งจิ่วตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อ้อ? งั้นหรือ? เคยเจอที่ไหน?” เขายักคิ้ว พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เขาพูดต่อ
เธอมองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น ตอบด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ “บังเอิญเจอระหว่างทางเพียงครั้งเดียว ฉะนั้นพอได้ยินนายท่านบอกว่าเขายึดร่างผู้อื่นมา ข้าจึงตกใจเล็กน้อยขอรับ”
………………………………….
ตอนที่ 1874 เคลื่อนไหวลับๆ
ชายชุดคลุมสีดำไม่ได้ถามมาก เพียงมองเด็กหนุ่มชุดดำตรงหน้าแวบหนึ่ง ก่อนจะโบกมือสั่งให้เขาถอยไป
คราวนี้เฟิ่งจิ่วไม่ได้กลับขึ้นไปบนเสา แต่เดินไปยืนข้างหลัง เงียบเชียบไร้เสียง เก็บซ่อนกลิ่นอายทั้งตัว วันนี้นอกจากได้พบคนผู้นั้น ก็ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นอีก
กระทั่งยามพลบค่ำ ชายชุดคลุมสีดำพาชายชราออกจากตำหนัก สั่งให้เฟิ่งจิ่วอยู่เฝ้าที่นี่ เธอจึงมีเวลาเคลื่อนไหว ทว่า แม้จะไม่ได้อยู่ข้างชายชุดคลุมสีดำแล้ว เธอก็ไม่ได้คิดจะหนีไปทันที
เพราะอย่างไรในที่ลับก็ยังมีสายตาอีกหลายคู่ที่คอยจับตาดูเธออยู่ เธอจะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด แม้สองสามวันนี้จะไม่ได้ไปไหนมาไหนตามลำพัง แต่ก็ได้ติดตามชายชุดคลุมสีดำไปหลายที่ จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นี่
เวลานี้ เธออาศัยตอนเข้าห้องน้ำออกมาข้างนอก เดินออกมาได้ระยะหนึ่ง ก็เจอเหล่าสายลับที่ถูกพาตัวแยกออกไป เพราะเธอไม่ได้ใส่หน้ากาก ตอนเดินออกมา พวกเขาจึงจำเธอได้ มือของเหลยเซียวขยับเล็กน้อย ส่งของที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อให้เฟิ่งจิ่ว ก่อนจะเดินหน้าต่อโดยไม่หันมามองอีก
มือของเฟิ่งจิ่วขยับไหว โยนของในมือเข้าไปในห้วงมิติ ก่อนจะสาวเท้าเดินจากไป ครั้นถึงตรงที่ไม่มีใครอยู่ เธอก็เปิดออกดู จึงรู้ว่าเป็นแผนที่ของที่นี่
หรือว่าพวกเขาเคยออกไปจากที่นี่แล้ว? เวลาสองวัน กระทั่งแผนที่ก็ยังวาดขึ้นมาได้?
เธอพลันฉุกคิด หยิบพู่กันกับกระดาษออกมาเขียนจดหมายเก็บไว้ รอมีโอกาสเหมาะเมื่อใดค่อยส่งให้พวกเขา หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกไปข้างนอก สังเกตรอบๆ
ในตำหนักอีดด้านหนึ่ง ชายชุดคลุมสีดำมองชายชราแล้วถาม “เจ้าคิดว่าหมายเลขเก้าเป็นอย่างไร?”
ได้ยินอย่างนั้น ชายชราแปลกใจเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถามอย่างนี้ ชายชราจึงอดถามกลับไม่ได้ “คุณชายรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลใช่หรือไม่?”
“รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่ในเมื่อกินยาทะลวงใจเข้าไปแล้ว ก็น่าจะไม่มีให้สงสัยอีก แต่หมายเลขเก้าคนนี้ให้ความรู้สึกต่างจากคนอื่น” ชายชุดคลุมสีดำเอ่ยอย่างครุ่นคิด บอกไม่ถูกว่าต่างจากคนอื่นอย่างไร
“หึๆ หมายเลขเก้าคนนี้ได้ยินมาว่าเดิมทีเป็นคนที่พลังอ่อนแอที่สุด แต่กลับมีจุดที่ไม่ธรรมดา ยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่ง ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสกุ่ยไม่ค่อยชอบหน้าเขา จึงปล่อยสัตว์คู่พันธสัญญาของตนเองออกมาหมายจะให้ฉีกร่างหมายเลขเก้าเป็นชิ้นๆ กลับนึกไม่ถึงว่าหมายเลขเก้าอาศัยเท้าปีกนกที่วิ่งได้เร็วของเขา รอดชีวิตจากปากของสัตว์คู่พันธสัญญาของผู้อาวุโสกุ่ยมาได้”
ชายชรายิ้มๆ “เพราะเหตุผลนี้ หมายเลขเก้าจึงถูกเก็บไว้ และจากที่ได้ยินคนของเราบอกมา เขาเห็นสายลับทุกคนกินยาทะลวงใจกับตาตนเอง แม้คุณชายจะสงสัย แต่พิษของยาทะลวงใจ แม้แต่คนของสี่สำนักเซียนก็ใช่ว่าจะแก้ได้ ฉะนั้น…”
เขาไม่ได้พูดต่ออีก ความหมายของเขาก็คือ แม้จะสงสัย แต่ภายใต้พิษของยาทะลวงใจ แม้จะเป็นคนที่คิดไม่ซื่อ ก็ทำอะไรไม่ได้
“ถูกต้องแล้ว”
ชายชุดคลุมสีดำเอ่ย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจอีก เขาทำอะไรมักทำไปตามอารมณ์ รู้สึกว่าเด็กหนุ่มนั่นน่าสนใจจึงพามาอยู่ข้างๆ เพื่อแกล้งเล่น แม้จะเป็นคนที่คิดไม่ซื่อแล้วอย่างไรเล่า? เมื่อมาอยู่ในกำมือของเขา ยังจะสามารถพลิกผืนฟ้าได้อีกหรือ?
เพียงแต่เขาไม่มีวันคาดคิดว่า ความเชื่อมั่นที่มากเกินไปของเขาจะทำให้เขาต้องสูญเสียครั้งใหญ่อีกไม่นานหลังจากนี้…
เฟิ่งจิ่วเดินเล่นไปทั่ว จนมาถึงจุดรวมตัวของสายลับ ยามเห็นคนของเธอกำลังฝึกฝน นัยน์ตาของเธอไหวระริก ก่อนจะสาวเดินไปข้างหน้า