เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1895 ปรากฏตัวกะทันหัน / ตอนที่ 1896 ห้อยหัว
ตอนที่ 1895 ปรากฏตัวกะทันหัน / ตอนที่ 1896 ห้อยหัว
ตอนที่ 1895 ปรากฏตัวกะทันหัน
ฮุ่นหยวนจื่อถลึงตา “ข้าไร้แบบอย่างของคนเป็นอาจารย์เสียที่ไหน? เจ้าอย่าพูดจาส่งเดช เจ้าต้องรู้ไว้ด้วยนะ หากมิใช่ข้ายอมถวายแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงออกไป ตอนนี้เจ้าก็คงยังอยู่ในน้ำร้อนอยู่เลย!”
จัวจวินเยวี่ยที่เดินออกไปข้างนอกจู่ๆ ก็ชะงักเท้าหันมามองฮุ่นหยวนจื่อ “เมื่อครู่ท่านว่าเด็กหนุ่มคนนั้นชื่ออะไรนะ?”
ฮุ่นหยวนจื่อตกใจที่เขาหยุดเดินกะทันหัน หลังจากยืนมั่นคง จึงค่อยตอบ “เจ้าเด็กเวรนั่นชื่อเฟิ่งจิ่ว ต่อไปหากเจอเขา จำไว้ว่าให้จับตัวไว้ให้ข้าด้วย”
ทั้งสองเดินออกมาข้างนอก สิบกว่าคนที่ออกันอยู่ข้างนอกรีบเดินเข้ามารับหน้า สายตาของแต่ละคนจ้องพิจารณาจัวจวินเยวี่ย ยังไม่วายหันไปมองสองคนข้างหลังเป็นพักๆ พยายามมองหาเงาร่างของเด็กหนุ่มชุดเขียว
ทว่าตอนนี้ที่เถ้าแก่เดินมา ข้างหลังยังมีเสี่ยวเอ้อร์ที่ในมือถือของเดินตามหลังมาด้วย
“แขกท่านนี้ พวกท่านดูค่าชดเชยนี้…” เถ้าแก่เอ่ยอย่างระมัดระวัง
ฮุ่นหยวนจื่อได้ยินอย่างนั้น เดิมอยากจะด่าเขา แต่พอเห็นหอสุราที่ถูกพวกเขาทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ก็ชี้ไปทางจัวจวินเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ “หาเขานู่น เขามีเงิน”
“คุณชายท่านนี้…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นจัวจวินเยวี่ยหยิบเหรียญทองถุงหนึ่งออกมายื่นให้เขา
เถ้าแก่รับเหรียญทองถุงนั้นไป ก่อนจะยิ้มกว้างพลางถามว่า “คุณชายชุดเขียวท่านนั้นเล่า? ไก่ย่างสองตัวที่เขาสั่งไว้ได้แล้ว”
ฮุ่นหยวนจื่อได้ยิน คิ้วขาวก็ตั้งชัน ดวงตาเบิกกว้าง รีบแย่งไก่ย่างในมือเสี่ยวเอ้อร์ไป “ให้ข้าก็พอ!”
กลุ่มคนสิบกว่าคนเดิมทีต้องการจะถาม แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นอย่างนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก ขณะกำลังคิดจะตีสนิทกลับเห็นฮุ่นหยวนจื่อเดินฮึดฮัดจากไป ชายหนุ่มคนนั้นก็เดินตามออกไปด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง ณ มุมหนึ่งของเมืองเมฆาลอย จู่ๆ เฟิ่งจิ่วก็ปรากฏตัว ร่างกายของเธอกลิ้งไปบนพื้นหลายรอบก่อนจะยืนอย่างมั่นคงบนพื้น หลังจากยืนอย่างมั่นคงได้แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ และมองแกนเคลื่อนย้ายในมือ อดยิ้มจนดวงตาเล็กหยีไม่ได้
“จิ๊ๆ เป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ ด้วยสินะ!”
เธอถือแกนเคลื่อนย้ายจ้องมองดูอย่างละเอียด เห็นชื่อสถานที่แต่ละชื่อลอยเด่นอยู่ในนั้นก็ยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้ ทว่าทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เธอ จึงรีบเงยหน้ามองไป
ครั้นมองตามสายตาคู่นั้น จึงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าชายวัยกลางคนสองคนที่อยู่ไม่ไกลกำลังจ้องเธอ หรือพูดให้ถูกก็คือ จ้องแกนเคลื่อนย้ายในมือเธออยู่ต่างหาก
เมื่อเห็นอย่างนั้น เธอจึงพับแกนเคลื่อนย้ายแล้วเก็บใส่ห้วงมิติ ก่อนจะหันไปมองประตูเมือง ครั้นเห็นชื่อเมืองเมฆาลอยเด่นหราอยู่ตรงนั้น ก็อดยิ้มอย่างเบิกบานใจไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าจะมาถึงที่นี่เร็วขนาดนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนอื่นจะมาถึงสถานที่นัดหมายภายในสามวันได้หรือไม่
หลังจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอก็เดินไปทางประตูเมืองด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ เพียงแต่แม้จะทำอย่างนั้นก็ยังเป็นที่สะดุดตาของคนหลายคน เพราะอย่างไรที่นี่ก็เป็นนอกประตูเมือง จู่ๆ เธอก็มาปรากฏตัวที่นี่ ย่อมต้องดึงดูดความสนใจของคนอื่นอยู่แล้ว
ว่าแล้วก็ถูกคนตะโกนเรียกขณะที่ยังเดินไปไม่ถึงประตูเมืองด้วยซ้ำ
“สหายน้อย” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตะโกนเรียก สายตาจับจ้องที่เฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจ ยังคงเดินเข้าไปในประตูเมืองต่อ ทว่าขณะที่ใกล้จะเดินข้ามธรณีประตูเมือง ชายคนที่ตะโกนเรียกเธอจากข้างหลังก็ตามมาขวางทาง
“สหายน้อยคนนี้” ชายวัยกลางคนขวางทางเฟิ่งจิ่วด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เรียกข้า? มีอะไรหรือ?” เฟิ่งจิ่วถามพลางจ้องพิจารณาคนตรงหน้า
………………………………….
ตอนที่ 1896 ห้อยหัว
“หึๆ สหายน้อย เป็นคนต่างถิ่นล่ะสิ? นี่กำลังจะเข้าเมืองหรือ ไม่ทราบว่าจะสะดวกไหมหากข้าจะคุยกับเจ้าสักสองสามประโยค?” ชายวัยกลางคนถาม พลางมองเด็กหนุ่มชุดเขียวตรงหน้า
“ไม่ค่อยสะดวก ข้ากำลังยุ่งอยู่!” เฟิ่งจิ่วตอบ ก่อนจะเดินผ่านเขาไป
ชายวัยกลางคนกลับไม่รั้งไว้ เพียงจ้องเฟิ่งจิ่วที่เดินเข้าไปในเมือง แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงข้างใน เฟิ่งจิ่วไม่รีรอ สถานที่ที่เธอนัดกับพวกเขาไม่ใช่เมืองเมฆาลอย แต่เป็นอีกเมืองที่อยู่ถัดจากเมืองนี้ จากที่นี่หากขี่กระบี่บินไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็ถึงแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหากเธอไปถึง คนอื่นๆ จะถึงแล้วหรือยัง?
หลังจากเข้ามาในเมืองก็เดินผ่านถนนใหญ่ แหวกฝ่าฝูงชน ไม่ต้องหันหลังไปมองก็รู้ว่าข้างหลังมีคนตามมา คนหนึ่งอยู่ในที่แจ้ง คนหนึ่งอยู่ในที่ลับ
เธอกระตุกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มออกมา เธอเดินไปเรื่อยๆ ขณะที่เดินผ่านร้ายขายสุราแห่งหนึ่งก็หยิบไหสุราออกมาเติม จากนั้นเดินไปพลางดื่มไปพลาง เพลิดเพลินใจยิ่ง
สองคนที่ตามหลังมาจับตาดูเงาร่างชุดเขียวที่อยู่ข้างหน้า เหตุการณ์ที่เกิดตอนอยู่นอกประตูเมืองไม่มีใครสังเกตเห็น แต่พวกเขากลับเห็นเต็มๆ ตา จู่ๆ เด็กหนุ่มก็ปรากฏตัวที่นั่นเพราะใช้แกนเคลื่อนย้ายไม่ผิดแน่ ทว่าแกนเคลื่อนย้ายทั่วไปไม่มีประกายแสงเช่นนั้น เห็นได้ว่าของที่เขามีไม่ธรรมดาเลย
แต่ถึงมีสมบัติล้ำค่าติดตัว พลังของเด็กหนุ่มกลับอยู่ในระดับสร้างฐานขั้นสูงสุดเท่านั้น คนอย่างนี้อย่าว่าแต่แย่งชิงสมบัติของเขาเลย แม้พวกเขาต้องการจะเอาชีวิตเขาก็ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือเท่านั้น
โดยเฉพาะเมื่อเด็กหนุ่มไม่ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเดินตามมาตลอดทาง เขากลับไม่เคยหันหลังมาดูสักครั้ง เห็นได้ว่ามีสมบัติล้ำค่าอย่างนั้นติดตัวอยู่ แม้พวกเขาไม่แย่งมาก็คงถูกคนอื่นแย่งไปอยู่ดี
บนถนนภูเขา ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่กำลังดื่มสุราและฮัมเพลงนั่งพิงอยู่ใต้ต้นไม้พลางหรี่ตาพักผ่อน พูดอีกอย่างก็คือกำลังเปิดโอกาสให้คนที่เดินตามเธอมาตลอดทางนั่นเอง
เธอกอดสุราไว้ในอ้อมแขน หรี่ตาลงเหมือนหลับไปแล้ว ในตอนนี้เอง ห่างออกไปไม่ไกลมีชายสองคนเดินออกมาจากข้างหลัง สองคนนั้นมองหน้ากันแวบหนึ่ง ต่างคนต่างเห็นแววละโมบในแววตาของอีกฝ่าย
“ของนั่นเป็นของข้า ข้าว่าท่านหลีกทางไปเสียดีกว่า” ชายวัยกลางคนเอ่ยพลางจ้องอีกคน พลังของทั้งสองสูสีกัน หากแย่งกันขึ้นมาจริงๆ ยังไม่แน่นอนว่าใครจะได้ของไป!
“พรืด!” ชายอีกคนหลุดหัวเราะ “อย่างเจ้าน่ะหรือ?” สิ้นเสียง เขาโฉบร่างเข้าไป อาศัยความเร็วพุ่งไปทางเด็กหนุ่มชุดเขียวที่อยู่ใต้ต้นไม้ข้างหน้า
ของอยู่กับเด็กหนุ่มนั่น ขอเพียงได้ของมา เขาไม่เชื่อหรอกว่าชายคนนั้นจะตามมาทัน!
ชายอีกคนเห็นอย่างนั้นก็ลอบสบถในใจ ก่อนจะรวมพลังเหาะตามไป เป้าหมายคือเด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ต้นไม้
แต่ใครเลยจะรู้ ขณะที่ทั้งสองพุ่งเข้าไปพร้อมกัน จู่ๆ เด็กหนุ่มที่ตอนแรกหลับตาเหมือนกำลังเมามายพลันลืมตาขึ้นมา แล้วยังส่งยิ้มให้พวกเขา ทำเอาพวกเขาสองคนตกใจ ทว่าแม้คิดจะยั้งมือก็ไม่ทันเสียแล้ว
เห็นเพียงเด็กหนุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็คว้าไปเท้าของทั้งสองคนแล้วกระชาก หลังจากกระชากพวกเขาจนล้มแล้วก็ยกเท้าของพวกเขาขึ้น ดึงสายคาดเอวของพวกเขาออกมามัดขาของทั้งสองคน จากนั้นก็จับห้อยหัวลงมาจากต้นไม้
“ซี๊ด!”
“โอ๊ย!”
ทั้งสองคนสูดหายใจลึก ร้องด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดขาวในพริบตา ต้องบอกก่อนว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ แต่กลับถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งจับมัดห้อยหัวในกระบวนท่าเดียว มือทั้งสองข้างก็ไม่รู้ว่าไปพันกันท่าไหน สุดท้ายก็ถูกมัดไว้ด้วยกันจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้