เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 379 เฟิ่งจิ่วกลับเมือง! + ตอนที่ 380 ข้ากลับมาแล้ว!
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 379 เฟิ่งจิ่วกลับเมือง! + ตอนที่ 380 ข้ากลับมาแล้ว!
ตอนที่ 379 เฟิ่งจิ่วกลับเมือง!
ชายชราทั้งสองถูกสั่งสอนต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ก็อับอายเสียจนโกรธเคืองอยู่บ้างกลับยังเก็บไว้ไม่ปล่อยออกมา พวกเขาเพียงกวาดมององครักษ์พวกนั้น และสะบัดแขนเสื้อจากไปทันทีโดยไม่คารวะมู่หรงอี้เซวียนอีก
ขนาดมู่หรงป๋อยังไม่ใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับพวกเขา แต่มู่หรงอี้เซวียนกลับมาสั่งสอนพวกเขาโดยไม่ไว้หน้ากันเลย บอกว่าเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อเขาอะไรกัน หากเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อจริงคงไม่ปกป้องจวนตระกูลเฟิ่งหรอก!
มู่หรงอี้เซวียนมองพวกเขาสองคนจากไปหัวใจกลับหนักอึ้งเล็กน้อยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นานนักถึงจะมองไปยังเหล่าองครักษ์ อยากจะพูดอะไรหน่อยแต่สุดท้ายก็แค่มองจวนตระกูลเฟิ่งแล้วเดินไปโดยไม่พูดอะไร
เหล่าองครักษ์เห็นเขาหันตัวเดินไปก็มองหน้ากันโดยฉับพลัน ก่อนจะกลับเข้ามาแล้วปิดประตูลงอีกครั้งเพื่อหลบซ่อนจากการสอดแนมและความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนภายนอก…
เช้าตรู่สองวันต่อมา ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างรอบด้านยังมืดสลัวๆ เรือเหาะร่อนลงจอดตรงด้านนอกเมืองอวิ๋นเยวี่ยอย่างเงียบเชียบโดยไม่ทำให้แตกตื่นและไม่ดึงดูดความสนใจผู้คน
หลังพวกเขาลงมาเฟิ่งจิ่วก็เก็บเรือเหาะไป จากนั้นจึงบอกว่า “หลัวอวี่ เจ้ากลับจวนก่อนเถอะ ข้าคงกลับถึงบ้านก่อนค่ำ”
“นายท่านจะไม่กลับไปตอนนี้หรือขอรับ?” หลัวอวี่ตกใจเล็กน้อย มาถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ยแล้วไม่กลับจวนนางจะไปไหนอีก?
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองเขา “ข้าไม่บอกเจ้าก็ไม่ต้องถาม สิ่งที่ควรรู้จะให้เจ้ารู้เอง”
ได้ยินเช่นนี้เขาก็ยิ้มหน้าเจื่อน ตอบรับว่า “ขอรับ ข้าจะกลับจวนไปก่อน” พูดจบถึงจะเดินหน้าไปก่อน ทว่าฟ้ายังไม่สว่างประตูเมืองจึงยังไม่เปิด
เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจเฟิ่งจิ่วจึงต้องเปลี่ยนสวมเสื้อผ้าชุดโทรมก่อนเข้าเมือง รอจนฟ้าสว่างเมื่อประตูเมืองเปิดถึงจะไปยังเวิ้งสวนท้อพร้อมกับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่…
หลัวอวี่ที่กลับถึงเมืองเข้ามาก็รู้สึกผิดปกติ พอพวกคนที่ทำการค้าเล็กๆ ในเมืองหรือขอทานที่หมอบตรงมุมถนนเห็นเขาต่างก็เผยรอยยิ้มออกมา โดยเฉพาะเมื่อผ่านบริเวณร้านน้ำชา หลังเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้จำคนพวกนั้นผิดไป
เขาที่เดิมคิดจะตรงไปยังจวนตระกูลเฟิ่งเลี้ยวฝีเท้ามานั่งลงตรงร้านน้ำชา เรียกเสียงดัง “เอาน้ำชามา!”
“มาแล้วขอรับ”
คนที่กำลังวุ่นอยู่กับการต้มชาขานรับแล้วยกกาน้ำชาเดินเข้ามา เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ตกใจเล็กน้อยสักพัก เห็นท้องฟ้ายังสว่างคนสัญจรบนถนนยังมีไม่มากจึงเดินเข้าไปทั้งรอยยิ้ม กดเสียงเอ่ยถามว่า “หัวหน้า ทำไมมาอยู่ที่นี่ขอรับ?”
“คำพูดนี้ข้าควรจะถามเจ้า ทำไมมาอยู่ที่นี่กันหมด? ทำไมเข้ามาถึงมีพี่น้องเราไม่น้อยแอบซุ่มอยู่ในเมือง? เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่รึ?” เขาแค่ติดตามนายท่านออกไปข้างนอก ทำไมกลับมากลับเห็นกององครักษ์ถูกเรียกตัวกลับ? ซ้ำยังปลอมตัวเป็นชาวบ้านอยู่ในเมือง คิดจะทำอะไรกัน?
“พวกเราได้รับคำสั่งเข้ามาดังนั้นพี่น้องเราจึงต่างอยู่ในเมืองนี้ หัวหน้าเพิ่งกลับมาหรือ? ได้ยินว่าติดตามคุณหนูใหญ่ออกไป เรื่องที่ช่วงนี้จวนตระกูลเฟิ่งเกิดเรื่องท่านอาจจะยังไม่รู้กระมัง?”
หลัวอวี่ที่ยกน้ำชาขึ้นดื่มได้ยินคำพูดนี้จู่ๆ ในใจก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี ถามว่า “แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“พวกเราก็ไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน แค่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าโดนจับตัวไปหลายวันแล้วขอรับ” ชายคนนั้นกดเสียงพูดเบาๆ ก็เห็นว่าหัวหน้าที่กำลังดื่มน้ำชาท่าทางเปลี่ยนไป วางถ้วยชาลงบนโต๊ะลุกขึ้นมาก้าวยาวไปยังจวนตระกูลเฟิ่งทันที
เห็นท่าทางเขาก็อึ้งไปพักหนึ่ง รีบร้อนตะโกนว่า “ลูกค้า! ท่านยังไม่ได้จ่ายเงินเลย!”
………………………………………………….
ตอนที่ 380 ข้ากลับมาแล้ว!
หลัวอวี่ที่เร่งฝีเท้ากลับจวนหลังเข้ามาก็พุ่งตรงไปยังเรือนเฟิ่งเซียว พวกฟั่นหลินได้ยินว่าเขากลับมาแล้ว แต่ละคนจึงต่างออกมาตอนรับ เดิมคิดว่าจะเห็นคุณหนูใหญ่ ใครจะรู้ว่าเห็นแค่หลัวอวี่กลับมาคนเดียว
“หลัวอวี่ ทำไมเจ้ากลับมาเอง? คุณหนูใหญ่เล่า?”
หลัวอวี่มองพวกเขา รีบถามว่า “ได้ยินว่าท่านผู้เฒ่าโดนจับตัวไป เกิดขึ้นได้ยังไงกัน? ด้วยกำลังท่านผู้เฒ่าจะโดนจับไปได้ยังไง? คงมีอะไรผิดพลาดไปกระมัง?”
“อืม ท่านผู้เฒ่าถูกจับตัวไปจนตอนนี้ยังไม่รู้เบาะแสเลย พวกเราปิดข่าวมาหลายวันคิดว่ายังไงก็ปิดข่าวไว้รอคุณหนูใหญ่กลับมาได้ นึกไม่ถึงว่าไม่กี่วันก่อนข่าวจะแพร่งพรายออกไป เพราะเรื่องนี้หลายวันนี้ภายในจวนจึงอยู่เฉยไม่ได้เลย”
ได้ยินเช่นนี้หลัวอวี่จึงถาม “พอข้าเข้าเมืองก็เห็นพวกพี่น้องมากันหมด พวกท่านอาจารย์ไม่ได้มาด้วยหรือ?”
“มาสิ ตอนนี้ต่างอยู่ในเรือนท่านผู้นำตระกูล” ฟั่นหลินพูดจบก็ถามว่า “คุณหนูใหญ่ล่ะ? ทำไมไม่กลับมาพร้อมกับเจ้า? คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?” ไม่แปลกจริงๆ ที่เขาจะคิดเช่นนี้ ทว่าช่วงนี้จวนตระกูลเฟิ่งเกิดเรื่องขึ้นมากมายจริงๆ จะให้เขาไม่คิดเช่นนี้คงยากนัก
“เฮ้ยๆๆ! พูดจาเลอะเทอะอะไรเนี่ย! นายท่านยังสบายดีมาก” หลัวอวี่ถลึงมองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ บอกว่า “ข้าจะไปพบท่านผู้นำตระกูลกับพวกอาจารย์ก่อน” พูดจบก็เร่งฝีเท้าเดินไปยังเรือนเฟิ่งเซียว
ทุกคนเห็นท่าทางจึงเร่งฝีเท้าตามไป
ภายในเรือนเฟิ่งเซียว ยามนี้ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าแปดคนกำลังนั่งอยู่ในสวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร ทุกคนต่างพยักหน้าเป็นครั้งคราวและซุบซิบกัน ก่อนจะเหลือบไปโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเห็นร่างที่เร่งฝีเท้าเข้ามาคำพูดพวกเขาถึงจะหยุดลง
“อาจารย์! อาจารย์อาทั้งหลาย!”
หลัวอวี่ก้าวเข้าเรือนก็ขานเรียกและมายังเบื้องหน้าพวกเขา “พวกเรามาแล้วขอรับ!”
อาจารย์ของหลัวอวี่มองเขา ไม่เห็นร่างเฟิ่งชิงเกอสีหน้าก็คร่ำเครียดโดยฉับพลัน ถามว่า “เจ้าออกไปข้างน้อยพร้อมกับคุณหนูใหญ่ไม่ใช่หรือ? ทำไมเหลือแค่เจ้า? คุณหนูใหญ่ล่ะ?”
“นายท่านมีธุระต้องไปทำ นางว่าจะถึงบ้านช่วงค่ำๆ จึงให้ข้ากลับมาบอกก่อนขอรับ”
ได้ยินคำพูดนี้สีหน้าพวกเขาถึงจะผ่อนคลายลง พวกนายท่านในจวนต่างเกิดเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงกังวลว่าจะเกิดเหตุอะไรกับคุณหนูใหญ่ด้วย เช่นนั้นคงเป็นปัญหาจริงๆ
“ในเมื่อเจ้ายอมรับนายแล้วก็ควรตามไปอารักขาอยู่ข้างกายนาง ทำไมถึงกลับมาเอง? ยามนี้เป็นช่วงที่ภายในจวนเกิดเรื่องมากมาย หากเกิดเรื่องอะไรกับคุณหนูใหญ่ใครจะรับผิดชอบ?” อาจารย์หลัวอวี่ตำหนิกล่าวโทษที่เขาไม่ตามไปอารักขาเฟิ่งจิ่วให้ตลอดทาง
ได้ยินเช่นนี้หลัวอวี่ก็มองอาจารย์ด้วยสีหน้าน้อยใจ เอ่ยว่า “นายท่านไม่ให้ข้าตามไป คำพูดนางไม่ฟังไม่ได้ขอรับ!”
“หลัวอวี่ ท่านผู้นำตระกูลเรียกเจ้า” เหลิ่งซวงเดินออกมาจากห้อง เรียกพลางมองหลัวอวี่ในสวน
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์อา ข้าต้องเข้าไปรายงานเรื่องครั้งนี้กับท่านผู้นำเสียก่อน” เขาพูดจบก็รีบเดินเข้าห้องไป
ทุกคนในสวนเห็นเช่นนี้ก็มองหน้ากัน เหลือบเห็นพวกองครักษ์คนอื่นๆ มากันแล้วจึงบอกว่า “พวกเจ้าเข้ามาซิ”
ฟั่นหลินเดินเข้าไปตามคำเรียกหา ทุกคนต่างขานเรียกอาจารย์
ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นมองพวกเขาเจ็ดคนพลางเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าขอถาม ทำไมพวกเจ้าแปดคนถึงมีแค่หลัวอวี่ที่ยอมรับนาย?”
ได้ยินคำพูดนี้พวกเขาต่างครุ่นคิด ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
เห็นพวกเขาต่างครุ่นคิดสีหน้าเหล่าชายวัยกลางคนก็ถมึงทึงขึ้นมา แววตาคมกริบจับจ้องเพื่อรอพวกเขาพูดเหตุผลออกมา
………………………………………………….