เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 501 รู้ข่าวด้วยความประหลาดใจ + ตอนที่ 502 เจ้าก็ยอมตามนางเถอะ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 501 รู้ข่าวด้วยความประหลาดใจ + ตอนที่ 502 เจ้าก็ยอมตามนางเถอะ
ตอนที่ 501 รู้ข่าวด้วยความประหลาดใจ
เห็นท่าทางเขา หลินป๋อเหิงก็หลุดหัวเราะพร้อมส่ายหน้า “เจ้านี่! ตัวอยู่ในความสุขกลับไม่รู้คุณค่า ซู่ซีไม่ดีตรงไหน? ถึงทำให้เจ้าต้องหลบราวกับเจองูพิษ”
ผู้เฒ่าเฟิ่งฝืนยิ้ม “พี่ใหญ่ ท่านอย่าแกล้งข้าเลย ท่านรู้ชัดเจนว่าซู่ซีดีเกินไป ข้าไม่คู่ควรกับนางจริงๆ หนำซ้ำข้าเป็นแค่ตาแก่ ไหนเลยจะกล้าเพ้อฝันเรื่องนั้น?”
“งั้นเจ้าจะทำยังไง? ซู่ซีไม่ได้พูดเล่น นางรอเจ้าได้ตั้งหลายสิบปี และจะรอต่อไปตลอด เจ้าหาทางเอาเองเถอะ! เรื่องนี้ข้าช่วยไม่ได้” เขาสาวก้าวเดินเข้าไป เห็นเขาเคลื่อนย้ายโต๊ะเก้าอี้ในห้องเสียจนรกรุงรัง จึงส่ายหน้าโดยฉับพลัน บอกว่า “นั่งตรงลานบ้านข้างนอกดีกว่า! เจ้าดูสิที่นี่กลายเป็นอะไรไปแล้ว?”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกมานั่งลงยังโต๊ะหินในลานบ้าน ก่อนจะสั่งคนเตรียมส่งน้ำชาเข้ามา
ผู้เฒ่าเฟิ่งตามเข้ามานั่งลงตรงข้ามเขา เร่งรีบเอ่ยถามด้วยความวิตก “พี่ใหญ่ ท่านบอกว่ามีข่าวตระกูลเฟิ่ง? ยังไงเป็นข่าวอะไร? หลานสาวข้าตอนนี้เป็นยังไง? มู่หรงป๋อคนนั้นสบโอกาสที่ข้าไม่อยู่รังแกนางหรือเปล่า?”
ตั้งเขาถูกจับตัวมา ในใจก็คิดถึงเรื่องในตระกูลมาตลอด เฟิ่งเซียวปรากฏตัวไม่ได้ ต้องให้แม่หนูเฟิ่งไปทำเรื่องทุกอย่าง ไม่รู้ว่ามู่หรงป๋อจะใช้ลูกไม้อะไรมาจัดการนางอีกหรือไม่? แม้นางจะโดดเด่นแต่ถึงอย่างไรอายุยังน้อย ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของมู่หรงป๋อได้?”
“เหอะๆ หลานสาวเจ้าไม่ธรรมดาเลย!” หลินป๋อเหิงหัวเราะ มองเขาพลางบอกว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเวลาสั้นๆ หลายวันนี้แคว้นแสงสุริยันเกิดเรื่องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอะไรขึ้น?”
เห็นสีหน้าเขาตึงเครียด ในดวงตามีความกังวลที่ไม่อาจปิดบัง เขาจึงกล่าวอย่างไม่เล่นตัว “ไม่มีแคว้นแสงสุริยัน มู่หรงป๋อตายแล้ว ตระกูลเฟิ่งดูแลแคว้นแห่งนั้น เปลี่ยนนามแคว้นกลายเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวง ผู้ครองแคว้นก็คือลูกชายเจ้าเฟิ่งเซียว ข่าวนี้ไม่กี่วันก็กระจายออกไป”
“อะ อะไรนะ? นี่ นี่เป็นไปได้ยังไง?” ผู้เฒ่าเฟิ่งสีหน้าตกตะลึง ในใจเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เพิ่งไม่นายเท่าไหร่มู่หรงป๋อก็ตายแล้วหรือ? หนำซ้ำแคว้นแสงสุริยันยังถูกเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวง? กลายเป็นของตระกูลเฟิ่งพวกเขา? นี่ นี่เป็นไปได้ยังไง?
“เป็นไปไม่ได้อะไรเล่า? หลานสาวเจ้านั้นไม่ธรรมดา!” เขายิ้มๆ นำข่าวที่ต้องรู้เล่าให้เขาฟังอย่างละเอียด เมื่อเล่าถึงว่ามีผู้แข็งแกร่งออกหน้าช่วยพวกเขาสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณ สีหน้าเขาก็มีความแปลกใจบางส่วน
ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณนั้นเห็นได้ยากมาก แต่ผู้แข็งแกร่งที่เพียงดีดนิ้วก็สังหารตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณได้ยิ่งเห็นยากนัก บุคคลเช่นนั้นไม่ได้มาจากแคว้นธรรมดาๆ แน่ แต่ลำพังแค่แคว้นเล็กระดับเก้า ตระกูลเฟิ่งที่ไม่อยู่ในสายตาใครทำไมถึงมีผู้แข็งแกร่งเช่นนั้นมาเยือน? ซ้ำยังยื่นมือมาปกป้องอีก?
ส่วนผู้เฒ่าเฟิ่งที่ฟังเขาเล่าเรื่องพวกนั้นจบก็มีสีหน้าตื่นตะลึง หัวใจราวกับมีคลื่นโหมกระหน่ำ ไม่คิด ไม่คิดเลย! แสงสุริยันเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวง หนำซ้ำยังกลายเป็นของตระกูลเฟิ่งพวกเขา ผู้ครองแคว้นยังเป็นลูกชายเขาด้วย นี่ นี่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนฝันไปเลย?
เฟิ่งเซียวกับแม่หนูเฟิ่งสองคนนี้จะใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง?
“หลังจากได้รับข่าวข้าก็เข้ามาบอกเจ้าเลย เจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอยู่ตลอดว่าตระกูลเฟิ่งจะเกิดเรื่องอะไร ตอนนี้ได้ยินข่าวเจ้าคงวางใจแล้วสิ?” เขายิ้มๆ มองผู้เฒ่าเฟิ่งที่มีสีหน้ายากจะเชื่อ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะ
ชัดเจนว่าซานหยวนไม่มีฝีมือและความกล้าเช่นหลานสาว แม้เขาไม่เห็นนางกับตาตนเอง แต่จากฝีมือและการกระทำที่เฉียบขาดก็มองออกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
………………………………………………….
ตอนที่ 502 เจ้าก็ยอมตามนางเถอะ
ผ่านไปเนิ่นนานผู้เฒ่าเฟิ่งที่ใจเย็นลงก็พูดพึมพำว่า “จะวางใจได้อย่างไร? การดูแลแคว้นๆ หนึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ? ผู้ใหญ่เจ้าน้ำตาอย่างเฟิ่งเซียวเป็นแค่แม่ทัพคนหนึ่ง หากต้องคิดแผนการหรือใช้กลยุทธ์เขายังทำไม่เป็นเลย ยามนี้กลายเป็นผู้ครองแคว้นเกรงว่าแคว้นรอบๆ คงอยู่ไม่นิ่ง ไม่ได้ๆ ข้าต้องรีบกลับไป ไม่กลับไปข้าก็ไม่วางใจหรอก!”
“เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ? ยามนี้กำลังลูกชายแกร่งกว่าเจ้า เขากลายเป็นจักรพรรดินักรบ หนำซ้ำคืนนั้นที่บรรลุขั้นยังมีคำอวยพรจากสวรรค์ ตำแหน่งผู้ครองแคว้นนี้เขานั่งได้อย่างมั่นคง เจ้าไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะทำให้ตำแหน่งเขาสั่นคลอน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้แข็งแกร่งคนนั้นอยู่ แคว้นเล็กรอบๆ พวกนั้นไม่กล้าโจมตีราชวงศ์เฟิ่งหวงเจ้าหรอก”
หลินป๋อเหิงพูดจบ ก็กล่าวต่อไปว่า “ตามข่าวที่ส่งกลับมา ในความคิดข้าลูกชายกับหลานสาวเจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์เพียงนั้นอย่างเจ้าว่า คนของข้าบอกว่าราชวงศ์เฟิ่งหวงยามนี้มั่นคงในทุกๆ ด้าน หลังจากรู้เรื่องแคว้นเล็กๆ รอบข้างก็ส่งคนเข้าไปมอบของขวัญแสดงความยินดี สามารถสร้างความมั่นคงทั้งภายในและนอกในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ได้ นอกจากความสามารถของลูกชายกับหลานสาวเจ้า ก็เป็นเพราะพวกเจ้ามีผู้แข็งแกร่งไม่น้อยคอยพิทักษ์”
“บอกว่ายังมีผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังอีกสี่คนไม่ใช่หรือ? ในแคว้นเล็กระดับเก้ามีผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังถึงสี่คนกองทัพทั่วไปไม่อาจต้านทานเทียบได้แน่นอน ดังนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ! อย่าคิดจะไปเลย ข้าเพิ่งได้ยินตอนซู่ซีออกไปยังกำชับข้าว่าจะปล่อยเจ้าแอบหนีไปไม่ได้ ข้าเป็นพี่ใหญ่จะทำให้นางผิดหวังไม่ได้แน่”
“พี่ใหญ่ งั้นท่านทนให้ข้าผิดหวังได้หรือ?” ผู้เฒ่าเฟิ่งอยากจะร้องไห้กลับไม่มีน้ำตา เดิมคิดจะสบโอกาสนี้กลับไป ใครจะรู้ว่าราชวงศ์เฟิ่งหวงจะมั่นคงสงบสุข และไม่ต้องการให้คนแก่อย่างเขาช่วยออกนั่งบัญชาการ พวกเขายังคิดจะให้เขาอยู่ที่นี่ ยังมีซู่ซีคนนั้นอีก แค่ลองคิดเขาก็ด้านชาไปทั้งหนังศีรษะแล้ว
“ข้าเป็นแค่ตาเฒ่าคนหนึ่ง ไม่คู่ควรกับซู่ซีจริงๆ พี่ใหญ่ ท่านชี้แนะนางหน่อยเถอะ!” ในเมืองอวิ๋นเยวี่ยเขาเดินได้อย่างอกผายไหล่ผึ่ง แต่มาถึงที่นี่กำลังแค่นั้นกลับไม่มากพอให้พวกเขาเชยชม ทำให้เขาแม้อยากจะหนียังไม่มีโอกาส
คิดๆ แล้วก็น่าวิตก หากซู่ซีกลัวเขาแอบหนีไปจนต้องมาคุมตัวเขาไปกราบไหว้ฟ้าดินเพื่อแต่งงานจะทำยังไง? แค่คิดเขาก็เหงื่อออกท่วม มือเท้าสั่นเทิ้ม
“อืม ข้าก็บอกว่าเจ้าเป็นแค่ตาเฒ่าคนหนึ่ง ดูแล้วยังแก่กว่าข้า แต่ใครใช้ให้นางดื้อรั้นนักเล่า? ที่ควรแนะนำก็พูดไปหมดแล้ว ในเมื่อชี้แนะนางไม่ได้ดังนั้นพี่ใหญ่อย่างข้าจึงอยากแนะนำเจ้าเสียหน่อย ยากนักที่ซู่ซีจะจริงใจกับเจ้า งั้นเจ้าก็ยอมตามนางไปเถอะ!”
พูดถึงเขา แม้แต่ตนเองยังหัวเราะขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เอาเถอะ! เขาก็คิดว่าสองคนนี้มองยังไงก็แปลกอย่างงั้น ไม่เหมาะสมกันเท่าไหร่จริงๆ แต่บนโลกใบนี้ก็ไม่เคยได้ยินว่ามียาอายุวัฒนะหรือยาอะไรที่ทำให้คนกลับมาหนุ่มสาวได้? ไม่งั้นเขาก็ช่วยซานหยวนหามาได้ เช่นนี้เดาว่าในใจเขาคงรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“พี่ใหญ่!”
ผู้เฒ่าเฟิ่งหมดคำพูด ทนกับการล้อเล่นของเขาไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้ไม่ตลกแต่น่าขายหน้าเกินไป เขาไม่มีหน้าจะสู้จริงๆ
ในเมื่อแบบนี้ไม่ได้ผล งั้นค่อยลองคิดหาวิธีอื่นก็ได้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะหนีออกไปจากตระกูลหลินนี้ไม่ได้จริงๆ
ในใจคิดวางแผน ใบหน้ากลับไม่แสดงออกสักนิด เขามองหลินป๋อเหิงที่นั่งดื่มชาอยู่ตรงข้าม ในดวงตาเฉลียวฉลาดฉายประกายผ่าน ถามว่า “พี่ใหญ่ ข้ามาที่นี่ได้ระยะหนึ่ง คงจะออกไปเดินเล่นได้แล้วกระมัง?”
………………………………………………….