เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 599 ฝึกบำเพ็ญยากบรรลุ + ตอนที่ 600 แต่ละฝ่ายเคลื่อนไหว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 599 ฝึกบำเพ็ญยากบรรลุ + ตอนที่ 600 แต่ละฝ่ายเคลื่อนไหว
ตอนที่ 599 ฝึกบำเพ็ญยากบรรลุ
หลินป๋อเหิงโบกๆ มือ “อืม ออกไปเถอะ!” หลังจากไล่ทุกคนออกไปก็คุยกับผู้เฒ่าในห้องโถงอีกสักพัก ถึงจะออกไปพร้อมกัน
สองวันต่อมา พวกเฟิ่งจิ่วกลับถึงราชวงศ์เฟิ่งหวง หลังจากติดต่อเรื่องต่างๆ เรียบร้อย เธอก็กลับไปเก็บตัวฝึกบำเพ็ญที่จวนตระกูลเฟิ่ง
จัดการเรื่องส่งสินสอดเสร็จสิ้น เรื่องต่อจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีเธอ ส่วนทางท่านปู่เธอเตรียมยาบรรลุขั้นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ต้องดูว่าวรยุทธ์เขาสามารถบรรลุได้ถึงระดับไหน
จัดการเรื่องพวกเขาเรียบร้อย เธอยังต้องเก็บตัวฝึกบำเพ็ญเช่นกัน ถึงเวลานั้นงานแต่งครั้งใหญ่ของท่านปู่จะต้องคึกคักมาก ก่อนหน้านั้นพละกำลังเธอต้องพัฒนาขึ้นอีก วรยุทธ์พลังวิญญาณไม่มีทางบรรลุขั้น เช่นนั้นเธอจะฝึกบำเพ็ญพลังเร้นลับเอา
เธอฝึกบำเพ็ญในห้วงมิติอย่างใจจดใจจ่อ ไม่สนใจเรื่องโลกภายนอก และในช่วงเวลานี้เอง คำเชิญงานแต่งก็ส่งไปถึงมือผู้ครองแคว้นแต่ละคนจากแคว้นระดับเก้าโดยรอบ คนของเหล่าตระกูลในเมืองอวิ๋นเยวี่ยหลายคนยังได้รับคำเชิญด้วย ยิ่งเวลาใกล้เข้ามา สมาชิกจากแต่ละแคว้นก็ค่อยๆ ทยอยมาถึง
ภายในครึ่งเดือนก่อนงานแต่ง คนตระกูลหลินนำโดยหลินป๋อเหิงมาส่งน้องสาวของเขาด้วยตัวเองถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ย และเข้าพักในเรือนที่เตรียมไว้อย่างดี ซ้ำยังมีพวกพี่ชายของหลินซู่ซีเดินทางมาด้วยกัน รวมถึงลูกหลานคนหนุ่มในตระกูลหลินด้วย
พวกเขานั่งเรือเหาะมาอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนในเมืองต่างรู้ว่าเป็นคนตระกูลหลินที่จักรพรรดิหลวงสมรสด้วย แม้จะสงสัยกลับไม่อาจสอดรู้เรื่องราวได้ เพราะคนที่ตามมาส่งตัวเจ้าสาวมีหลายคนอยู่ระดับกำเนิดวิญญาณ คนทั่วไปจึงเข้าใกล้ไม่ได้เลย
เวลานี้เอง ภายในห้วงมิติของเฟิ่งจิ่ว เธอที่นั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญหลุดเข้าไปในโลกของตัวเอง ลืมทั้งเวลา สถานที่ และวันมงคลใหญ่ของท่านปู่ ยามนี้ทั่วร่างมีกลิ่นอายพลังเร้นลับอันแข็งแกร่งกระจายอยู่ มันเคลื่อนที่ไหลเวียนบนร่างเธอทีละวงๆ
เดิมเธอเป็นร่างเทพประทับ หลังจากเส้นโลหิตถูกเปิดออก ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญเทียบกับคนอื่นแล้วยังเร็วกว่ามาก ประกอบกับมีห้วงมิติที่แฝงด้วยพลังวิญญาณในฟ้าดินเป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญ รวมถึงมียาเป็นตัวช่วย ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญจึงไม่ธรรมดา
ช่วงนี้จดจ่อกับการฝึกบำเพ็ญในห้วงมิติ ความเร็วของการบรรลุระดับพลังเร้นลับรวดเร็วมาก เธอในตอนนี้จึงบรรลุถึงระดับบรรพชนนักรบขั้นเริ่มต้น แม้เป็นเช่นนี้กลับยังไม่คิดจะหยุด อยากลองข้ามผ่านระดับบรรพชนนักรบและบรรลุไปถึงระดับจักรพรรดินักรบ
แต่หลังจากบรรลุระดับบรรพชนนักรบ ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญยิ่งช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนมีพลังที่ไร้รูปร่างขัดขวางอยู่ ทำให้เธอไม่อาจบรรลุขั้นต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงดื่มยาไปขวดหนึ่ง แต่ยังบรรลุได้ถึงแค่ระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุด อย่างไรก็ก้าวผ่านธรณีประตูด่านสุดท้ายนั้นไปไม่ได้
ดังนั้นเธอจึงหยุดฝึกบำเพ็ญพลังเร้นลับ แต่ทบทวนศิลปะการต่อสู้ในสมาธิแทน ภายในห้วงความคิด เธอทบทวนศิลปะการต่อสู้ต่างๆ ทีละรอบๆ จนกระทั่งเมื่อร่างกายคล้ายก้าวสู่สภาพเหนื่อยล้าและไม่อาจฝึกสมาธิต่อไปได้ถึงจะหยุดลง
“ฮู่!”
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ เก็บกลิ่นอายทั่วร่างไปแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น ทันทีที่เธอลืมตา เหมือนว่ากลิ่นอายรอบกายจะเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนมากๆ มีเพียงหงส์ไฟน้อยที่นั่งแทะโสมจ้องเธออยู่ไม่ไกลเท่านั้นที่สังเกตุเห็น
“ข้าให้เจ้าชิ้นหนึ่งไปเสริมพลังชีวิตเสียหน่อย” เสียงเด็กน้อยดังขึ้นอย่างอ่อนโยน มีโสมชิ้นหนึ่งโยนมาทางเธอ
เฟิ่งจิ่วตกใจ มองโสมชิ้นนั้นที่ร่วงลงในอ้อมแขน แล้วยิ้มพลางส่ายหน้า ทำเพียงดึงโสมก้านหนึ่งมาเคี้ยวไว้ในปาก
………………………………………………….
ตอนที่ 600 แต่ละฝ่ายเคลื่อนไหว
“ของแบบนี้ข้ากินไม่หมดหรอก เจ้าเก็บไว้เองเถอะ!” ในปากเฟิ่งจิ่วเคี้ยวโสมนั้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเข้ามาเป็นเวลานานมากแล้ว จึงรีบร้อนลุกขึ้น “ข้าต้องออกไป เลี่ยงไม่ให้พวกเขาเกิดเรื่องแล้วตามหาข้าไม่เจอ”
พูดจบเธอก็มองหงส์ไฟน้อยข้างกายที่สวมแค่ผ้าเตี่ยวนั่งกอดโสมชิ้นหนึ่งอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้อ้วนขึ้นไม่ใช่แค่น้อยนิด จึงถามว่า “เจ้าจะออกไปหรือไม่? ข้าว่าเจ้าตามข้าออกไปดีกว่า ดูเจ้าสิ ทั้งวันอยู่แต่ในนี้ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญอะไรเลย กินโสมทุกวัน เลี้ยงเสียจนตนเองอ้วนท้วน หากอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่แน่ครั้งหน้าข้าเข้ามาเจ้าคงอ้วนจนกลายเป็นลูกหนังแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ หงส์ไฟน้อยก้มหน้ามองตัวเองตามสัญชาตญาณ “อ้วนตรงไหน? ข้ามองไม่ออกเลย” ระหว่างพูดก็ดึงโสมชิ้นหนึ่งออกมาจากด้านหลัง หยิบขึ้นมาตรงปากแล้วกัดคำหนึ่งกินอย่างออกรสออกชาติ
มุมปากเฟิ่งจิ่วกระตุก เดินเข้าไปหาอย่างจนปัญญา แล้วอุ้มเขาขึ้นมาทันที กอดเด็กเมื่อวานซืนตัวนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนแล้วทำให้รู้สึกดีอย่างยิ่ง เธอจึงผุดรอยยิ้มโดยฉับพลัน “ถึงเนื้อจะเยอะไปหน่อย แต่ใครใช้ให้เจ้าหน้าตาน่ารักกันเล่า ไปเถอะ! พาเจ้าออกไปเที่ยวเล่นเสียหน่อย อย่าอยู่แต่ในนี้เลย”
หงส์ไฟน้อยที่เดิมทีไม่ค่อยอยากออกไปได้ยินนางป้อยอเขา ปากเล็กก็โค้งยิ้มขึ้นมาเงียบๆ “เช่นนั้นก็ได้! ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าออกไปถึงเพียงนั้น ข้าก็จะออกไปดูสักหน่อยแล้วกัน!”
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน”
เธอหัวเราะเบาๆ พร้อมตบบั้นท้ายเล็กเจ้าเนื้อ ทำให้เขาถลึงตาทั้งใบหน้าแดงเรื่อ “ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าค่อยออกไป!”
สุดท้ายหงส์ไฟน้อยที่เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ถูกเฟิ่งจิ่วพาออกไปด้วย หลังจากปรากฏตัวในห้องก็ให้หงส์ไฟน้อยไปเล่นในจวนเสียเอง ส่วนเธอสั่งเหลิ่งซวงเตรียมน้ำร้อนมาให้อาบน้ำ พลางถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้
“คนตระกูลหลินมาถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ยแล้วเจ้าค่ะ สองวันก่อนลูกหลานคนหนุ่มในตระกูลหลินเข้ามาเยี่ยม แต่เข้ามาในเรือนไม่ได้ หลัวอวี่ขวางพวกเขากลับไป บอกพวกเขาว่านายท่านกำลังฝึกบำเพ็ญ ไม่ขอรับแขก”
“ผู้ครองแคว้นแต่ละแคว้นเล็กก็ทยอยมาถึงกันแล้ว ยังมีเหล่าลูกหลานเชื้อพระวงศ์ตามมาด้วย ทั้งหมดจัดให้เข้าพักในพระราชวัง องครักษ์จัดการข้อมูลของผู้ครองแต่ละแคว้นและลูกหลานเชื้อพระวงศ์ออกมาหมดแล้ว รอแค่นายท่านออกจากเก็บตัวฝึกบำเพ็ญก็ตรวจดูได้เจ้าค่ะ”
ขณะอาบน้ำร้อนพลางฟังเหลิ่งซวงรายงานอยู่ข้างๆ เธอขานรับ หลังจากลุกขึ้นเช็ดน้ำบนร่างออกก็สวมเสื้อผ้าและมานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนเหลิ่งซวงเข้ามาบีบผมเธอให้แห้ง
“เตรียมของกินให้ข้าหน่อย อีกเดี๋ยวค่อยสั่งพวกเขาเอาข้อมูลเข้ามา เตรียมตัวด้วย ประเดี๋ยวเจ้าต้องเข้าวังไปพร้อมกับข้า” เธอสั่งการและให้สัญญาณนางออกไปเตรียมตัว
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับก่อนจะเดินออกไป
หลังจากบิดผมจนแห้ง เฟิ่งจิ่วก็จัดการอะไรเล็กน้อยสักพัก หยิบแถบแพรสีเงินออกมารวบเส้นผมสีหมึกเป็นมวยเล็ก ส่วนที่เหลือปล่อยลู่ลงด้านหลังอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งเรียบง่ายและสบายๆ แต่กลับไม่เสียความภูมิฐานสง่างาม
เฟิ่งจิ่วมาที่ตู้เสื้อผ้า เลือกชุดกระโปรงสีขาวที่ปักรูปลายเมฆสีเงินตรงคอเสื้อ แขนเสื้อ และชายเสื้อมาสวม หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกจากห้องไป สาวใช้วางอาหารไว้บนโต๊ะอย่างดี หงส์ไฟน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำนั่งแอบรินเหล้าดื่มอยู่ตรงนั้น
ครั้นเห็นใบหน้าเล็กของหงส์ไฟน้อยแดงก่ำ เธอตกใจเล็กน้อย “เจ้าแอบดื่มเหล้าหรือ?”
“เปล่า” เด็กน้อยเห็นนางมาจึงปฏิเสธทันที แต่กลิ่นเหล้าทั่วตัวและใบหน้าเล็กที่แดงก่ำจะอย่างไรก็หลอกคนไม่ได้
เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วจึงส่ายหน้า “เพิ่งกินโสมไปก็ดื่มเหล้า? อีกเดี๋ยวอย่ามาหาข้าเชียว”
………………………………………………….