เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 657 ให้เจ้า + ตอนที่ 658 กลั่นมณีเพลิง
ตอนที่ 657 ให้เจ้า
เฟิ่งจิ่วใจหายวาบ รู้สึกว่าร่างกายตนเองลอยละลิ่วพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงพุ่งชนและแรงเฉื่อยมหาศาลจากด้านหลัง แม้เธออยากประคองดึงร่างกลับยังทำไม่ได้ ในเวลานี้จึงเห็นตนเองหัวทิ่มลงกลางกระแสน้ำเชี่ยว โดยที่เธอไม่แม้แต่จะตะโกนออกมาได้
ในห้วงความคิดกำลังวางแผน ว่าพอร่วงลงน้ำเธอต้องเข้าห้วงมิติไปทันที เป็นเช่นนี้อย่างไรก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ ทว่าความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นเมื่อครู่ ก็เห็นร่างสีขาวลอยมากลางอากาศ และยกคอเสื้อดึงเธอกลับมายังริมน้ำ
ทันใดนั้นเธอเพียงรู้สึกว่าหัวสมองมึนงงไปบ้าง ผ่านไปสักพักถึงจะได้สติกลับมา เห็นคนตรงหน้าสะบัดแขนเสื้อ และกลิ่นอายพลังวิญญาณที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็กวัดแกว่งออกมา พัดราชาอสูรพิภพสองตนนั้นที่กำลังจะวิ่งหนีเหวี่ยงตกลงกลางกระแสน้ำ
“กรร…”
เสียงร้องตื่นตกใจดังขึ้น และพลันถูกจมไปใต้น้ำ เธอมองไปทางกระแสน้ำเชี่ยวกราก ได้ยินเพียงเสียงน้ำไหลหลากกลืนกินราชาอสูรพิภพสองตนนั้น
“แม้แต่ราชาอสูรพิภพระดับเก้ายังกล้าไปยุ่ง เจ้าอยากตายนักหรือ?”
ในดวงตาโม่เฉินมีความโกรธเคือง หากตนเองไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวและรีบกลับมา หนุ่มน้อยคนนี้ก็ต้องตายอยู่ที่นี่!
เฟิ่งจิ่วลูบๆ จมูก บอกว่า “ข้าไม่ได้ไปยุ่ง พวกมันวิ่งมาล้อมโจมตีข้า ตอนนั้นข้าวิ่งเข้าเขตอาคมไม่ได้ด้วยซ้ำ!” นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ อสูรศักดิ์สิทธิ์ล้วนไม่อยู่ในสายตาเธอ ใครจะรู้ว่ากลับเกือบตกอยู่ในเงื้อมมือสัตว์วิญญาณระดับเก้าสองสามตน พูดออกมาก็ขายหน้าแย่
โม่เฉินกวาดมองเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างเย็นชา สะบัดแขนเสื้อ แล้วหมุนตัวเดินกลับไป
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้จึงถอนหายใจเบาๆ ได้แต่ตามหลังเขาไปอย่างว่าง่าย บอกว่า “ขอบคุณที่ช่วยข้า”
คนตรงหน้าไม่พูดอะไรสักคำ พลางสาวก้าวเดินต่อไป
เฟิ่งจิ่ววิ่งตามไปข้างกายเขา ถามว่า “เจ้าไปจับสัตว์อะไรพวกนั้นไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ยินการเคลื่อนไหวทางนี้ได้? เจ้าเป็นอาจารย์สินะ? อาจารย์สำนักพลังวิญญาณหรือ?”
โม่เฉินไม่พูดไม่จาไปตลอดทางที่เดินกลับมาตรงเขตอาคม ทว่าเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณทั้งสี่ของราชาอสูรพิภพระดับเก้าหน้าเขตอาคม แววตาก็ฉายประกายทันควัน มองไปทางหนุ่มน้อยข้างกาย “เจ้าเป็นคนฆ่าทั้งหมดหรือ?”
เธอเกาศีรษะมองซ้ายมองขวา ถามว่า “ที่นี่มีคนอื่นด้วยหรือ?”
โม่เฉินมองลึกที่เขา หนึ่งมีดสังหารเข้ากลางจุดตาย รอยมีดเรียบร้อยมั่นคง เห็นได้ถึงความเร็วที่ว่องไวนัก สำหรับการควบคุมพลังเร้นลับยิ่งละเอียดมาก มิเช่นนั้นคงทำแบบนี้ไม่ได้
หนุ่มน้อยคนนี้สร้างความประหลาดใจให้เขาทุกครั้งเลยจริงๆ
“เจ้าเข้าเขตอาคมไปจัดการบาดแผลบนร่างเสีย อย่าเดินเพ่นพ่าน” เขาทิ้งคำพูดไว้ แล้วมองเฟิ่งจิ่วเดินเข้าเขตอาคม ถึงจะออกไปอีกครั้ง
เฟิ่งจิ่วพันแผลที่ถูกกิ่งไม้ข่วนอย่างลวกๆ เห็นเขาจากไปก็มองโดยรอบ เดินออกมาจากเขตอาคม ลากราชาอสูรพิภพพวกนั้นเข้ามาด้านใน และเริ่มลอกหนังส่วนที่ใช้ได้ออกมา หลังจากจัดการร่างพวกราชาอสูรพิภพ ก็เห็นชายชุดขาวคนนั้นกลับมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงคือเขาจับอสูรเพลิงเขาเดียวสองตนกลับมาให้เธอด้วย
“ข้าให้เจ้า” เขาทิ้งคำพูดพร้อมวางเขตอาคมล้อมอสูรเพลิงเขาเดียวสองตนนั้นไว้ แล้วหมุนตัวจากไป
เฟิ่งจิ่วกะพริบตาปริบๆ อย่างตกตะลึง มองอสูรเพลิงเขาเดียวสองตนนั้นที่โดนขังในเขตอาคมออกไปไหนไม่ได้ แล้วมองร่างสีขาวนั้นที่หันตัวจากไป ทันใดนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
เธอมายังอีกเขตอาคมหนึ่งและใช้กริชแกะมณีเพลิงสองชิ้นออกมา มองอสูรเพลิงสองตนด้านในเขตอาคม แววตาฉายประกาย แล้วความคิดอันหาญกล้าก็ผุดขึ้นในหัวใจทันที
………………………………………………….
ตอนที่ 658 กลั่นมณีเพลิง
อสูรเพลิงเขาเดียวมีธาตุเป็นไฟ ด้วยเหตุนี้ทุกหนึ่งปีจึงกลั่นมณีเพลิงออกมาได้ แต่มณีเพลิงที่ถูกกลั่นหลุดออกมานี้มักจะถูกอสูรเพลิงกลืนกินกลายเป็นพลังงานธาตุไฟในร่างตนเอง หากเธอสามารถกระตุ้นพลังงานธาตุไฟในร่างพวกมันได้ และทำให้มันกลั่นมณีเพลิงโดยไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีเล่า?
อืม ลองสักหน่อยก็ได้
สมุนไพรที่กระตุ้นธาตุไฟไม่ใช่ของมีค่าพิเศษอะไร แค่ผสมสมุนไพรธาตุไฟทั่วไปไม่กี่อย่างน่าจะสำเร็จผลลัพธ์เช่นนี้ได้ ดังนั้นพอความคิดผุดขึ้น บอกว่าจะทำก็ทำ จึงกลับไปบดยายังอีกเขตอาคมหนึ่งทันที
ประมาณครึ่งชั่วยามยาขนาดเท่าลูกลำไยแต่ละเม็ดก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นในมือเธอ ดูแล้วคล้ายโคลนแต่ไม่ใช่โคลน ไม่มีกลิ่นสมุนไพร ตรงกันข้ามมันกลับมีกลิ่นคล้ายๆ เนื้อบางส่วน
“มาๆ กินเถอะๆ!” เธอนั่งย่ออยู่นอกเขตอาคม พร้อมโยนยาสองเม็ดออกไป เห็นอสูรเพลิงสองตนนั้นเพียงชำเลืองมองส่งเสียงร้องและหันหน้าหนี แต่เมื่อได้กลิ่นนั้นก็หันกลับมาโดยฉับพลัน คาบเม็ดหนึ่งขึ้นมาราวกับจะกินช้าๆ อย่างหวาดกลัว
เฟิ่งจิ่วจ้องมองปฏิกิริยาอสูรเพลิงทั้งสองตน เห็นว่าหลังจากกินไปพวกมันยังไม่เป็นอะไร แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วอึดใจก็เห็นพวกมันเดินไปเดินมาภายในเขตอาคมด้วยความหงุดหงิด ตรงเหนือหัวอสูรที่ใช้เก็บมณีเพลิงนั้นค่อยๆ พรั่งพรูไปด้วยกระแสลมที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า กระแสลมนั้นก่อตัวด้วยพลังวิญญาณ มันรวมตัวเป็นรูปเป็นร่างอย่างช้าๆ และกลั่นกลายเป็นมณีทีละน้อยๆ
เฟิ่งจิ่วเห็นความเร็วในการควบแน่นมณี ก็เบิกตาโตอย่างตื่นเต้นโดนฉับพลัน แม้จะเพิ่มปริมาณยาแต่ไม่นึกว่าจะกลั่นมณีได้รวดเร็วเพียงนี้!
แทบจะไม่กี่ชั่วอึดใจมณีเพลิงเม็ดหนึ่งควบแน่นก่อตัวขึ้นตรงหน้าผาก หลังจากเป็นรูปเป็นร่างในขณะที่พลังงานธาตุไฟในร่างอสูรเพลิงพุ่งพล่านมันก็หลุดออกมาอีกครั้ง ซ้ำยังกลั่นออกมาติดๆ กันเจ็ดแปดเม็ด กระแสลมธาตุไฟบนร่างอสูรเพลิงนั้นถึงจะค่อยๆ สงบลง
เฟิ่งจิ่วอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะร่าออกมาอย่างระรื่น มองมณีเพลิงสิบกว่าเม็ดที่อสูรเพลิงทั้งสองตนกลั่นออกมา ดวงตาเป็นประกาย เห็นเพียงคะแนนคุณงามความดีมากมายกำลังกวักมือเรียกเธอ ดังนั้นเธอจึงป้อนไปอีกสองเม็ด แล้วนั่งย่อเก็บรวบรวมมณีเพลิงอยู่ตรงนั้น
เมื่อโม่เฉินกลับมาเห็นอสูรเพลิงสองตนนอนอยู่ในเขตอาคมด้วยท่าทางที่หายใจรวยริน ร่างเหมือนจะซูบผอมลงไปรอบใหญ่ กลิ่นอายธาตุไฟบนร่างอสูรเพลิงยังอ่อนแอเสียจนแทบจะมองไม่เห็น ส่วนเด็กหนุ่มคนนั้นกลับนั่งนับ… มณีเพลิงด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม?
เห็นมณีเพลิงพวกนั้นในอ้อมแขนหนุ่มน้อย แม้แต่เขายังอดไม่ได้ที่จะตะลึง อสูรเพลิงมีแค่สองตนเท่านั้น อย่างมากก็มีแค่สองเม็ด แล้วทำไมตรงหน้าหนุ่มน้อยกลับมีมากมายเพียงนั้น? เขาไปได้มาจากไหน?
“อ้าว? เจ้ากลับมาแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองไปทางเขา เมื่อเห็นมือซ้ายพันไปด้วยงูตัวเล็กที่บนร่างมีเกล็ดสีน้ำเงิน ส่วนมือขวาแบกกวางคู่ทรัพย์ตัวหนึ่งที่แน่นิ่งไม่ขยับ ดวงตาเป็นประกายโดยฉับพลัน
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะจับมาได้เร็วเพียงนี้? ซี๊ด! นี่มันอสรพิษเกล็ดน้ำเงิน! ยังมีกวางคู่ทรัพย์ตัวนั้นอีก เล่ากันว่าว่องไวนัก เจ้าจับมาได้จริงๆ เสียด้วย?” เธอรีบเร่งเก็บมณีเพลิงและวิ่งเข้าไป รู้สึกแปลกใหม่กับกวางและงูในมือเขา
สายตาโม่เฉินมองหนุ่มน้อยอย่างแปลกๆ ไม่ถามว่าเขาได้มณีเพลิงพวกนั้นมาอย่างไร มือแค่ขยับแขนเสื้อเชือกสองเส้นก็ลอยออกมา หลังจากผูกงูกับกวางไว้ยังบอกอีกว่า “อย่าเข้าใกล้พวกมัน” กล่าวจบก็ถอนเขตอาคมที่ขังอสูรเพลิง ขณะเดียวกันยังวางเขตอาคมระหว่างงูกับกวางเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
เห็นอสูรเพลิงสองตนนั้นมองเธอแวบหนึ่งหลังจากถอนเขตอาคมออกแล้ววิ่งหนีไปโดยเร็ว เธอเบิกตามองอย่างตกตะลึง ท่าทางใกล้ตายก่อนหน้านี้แค่แกล้งหลอกหรือ?
………………………………………………….