เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 681 เรื่องดีที่สองสัตว์อสูรทำ + ตอนที่ 682 พวกเจ้ามีของล้ำค่าหรือไม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 681 เรื่องดีที่สองสัตว์อสูรทำ + ตอนที่ 682 พวกเจ้ามีของล้ำค่าหรือไม่
ตอนที่ 681 เรื่องดีที่สองสัตว์อสูรทำ + ตอนที่ 682 พวกเจ้ามีของล้ำค่าหรือไม่?
ตอนที่ 681 เรื่องดีที่สองสัตว์อสูรทำ
หลังจากหาตำรากำลังภายในเจอเฟิ่งจิ่วก็ฝึกบำเพ็ญอยู่ในห้วงมิติ ภายในห้วงมิติพลังวิญญาณอบอวลกว่าข้างนอก ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญยิ่งไวกว่า และด้วยเหตุนี้เองการฝึกบำเพ็ญครั้งนี้จึงทำให้ลืมเลือนเรื่องภายนอก กระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน
“เฟิ่งจิ่ว? เฟิ่งจิ่วเจ้าอยู่หรือไม่?”
เยี่ยจิงด้านนอกกำลังขานเรียก เพราะอาศรมวางเขตอาคมไว้นางเข้าไปไม่ได้ จึงได้แต่ตะโกนอยู่ข้างนอกนี้
เฟิ่งจิ่วภายในห้วงมิติได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอกถึงจะค่อยๆ ลืมตาข ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญมาเนิ่นนานเพียงนี้จิตใจเธอกลับยิ่งดีขึ้น ภายใต้แรงกระตุ้นจากกำลังภายในก่อกำเนิด ในที่สุดกลิ่นอายพลังวิญญาณบนร่างก็ไหลเวียนขึ้นมาได้
ส่วนเม็ดบัวเขียวนั้น เพราะเหตุจากการบำเพ็ญกำลังภายในก่อกำเนิด ภายนอกเม็ดบัวเขียวจึงห่อหุ้มไปด้วยชั้นไอน้ำสีเทา และชั้นไอน้ำสีเทานี้ก็ขวางกั้นกลิ่นอายพลังวิญญาณที่เม็ดบัวเขียวดูดซับจากในร่างเธอ
“หล่อเลี้ยงเม็ดบัวเขียวไม่อาจทำได้ในวันเดียว อยากทำให้มันเบ่งบานในเวลาสั้นๆ คงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่ฝึกบำเพ็ญไปพลางแบ่งพลังวิญญาณมาหล่อเลี้ยง”
เธอพึมพำเสียงเบา หลังจากลุกขึ้นก็มองหงส์ไฟน้อยที่ยังทำสมาธิ เด็กน้อยคนนั้นราวกับกำลังหลับใหล ถูกเปลวไฟห้อมล้อมจึงได้แต่เห็นมันอยู่ในนั้นรางๆ
เธอได้ยินเสียงด้านนอกก็แวบร่างปรากฏกายในอาศรม ก้มหน้ามองชุดสีฟ้าที่ยับเล็กน้อย ดึงๆ จับๆ ตามใจชอบ ถึงจะเปิดเขตอาคมเดินออกไป
“เยี่ยจิง? เจ้ามาได้อย่างไร?” เห็นนางเฟิ่งจิ่วยังคาดไม่ถึงจริงๆ และไม่นึกว่านางจะมาหา
“เจ้าให้ข้ามาบ่อยๆ ไม่ใช่หรือ?”
เยี่ยจิงยิ้มๆ เดินเข้าไปบอกว่า “อันที่จริงมาวันนี้ไม่ได้มาคุยเล่นกับเจ้า ท่านอาจารย์ให้ข้าเข้ามาดูเจ้าเสียหน่อย บอกว่ารองเจ้าสำนักให้เจ้าเข้าไปรายงานตัวที่สำนักพลังวิญญาณ ทำไมนานเพียงนี้แล้วยังไม่ไปอีก?”
“หา?”
เธอตกตะลึง ตบหน้าผากตนเอง แล้วเอ่ยอย่างขออภัย “ข้าลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย! ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง พอยุ่งขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้”
เยี่ยจิงเม้มริมฝีปากยิ้ม “เช่นนั้นเจ้ารีบตามข้าไปเถอะ! คนในสำนักพลังวิญญาณต่างอยากรู้อยากเห็นเรื่องเจ้า”
“เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยตามเจ้าไป ข้าไม่ได้อาบน้ำมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว บนตัวล้วนมีแต่กลิ่น” เธอดึงชุดสีฟ้าบนร่างขึ้นดมด้วยสีหน้ารังเกียจ
เยี่ยจิงได้ยินเช่นนี้ก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ บอกว่า “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าใต้ต้นไม้ เร็วหน่อยล่ะ” ดังนั้นจึงเดินไปนั่งข้างหมีดำตัวใหญ่ที่หมอบนั่งเฝ้าใต้ต้นไม้
สำหรับหมีดำตัวใหญ่นามเสี่ยวเฮยตัวนี้ นางไม่ได้หวาดกลัวเหมือนตอนแรงในเทือกเขาหมื่นอสูร เพราะรู้ว่ามันจะไม่ทำร้ายนาง ด้วยเหตุนี้จึงสบายใจขึ้นมาก
เฟิ่งจิ่วเห็นนางนั่งลงข้างกายเสี่ยวเฮยและพูดคุยกับมันก็อดยิ้มไม่ได้ พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ มองไปรอบๆ ไม่เห็นเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆา จึงเลิกคิ้วขึ้นทันควัน
สัตว์อสูรสองตัวนั้นวิ่งไปไหนอีกแล้ว?
ช่วงนี้เธอไม่ได้สนใจพวกมันและไม่ได้สังเกตอะไรมาก ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกมันวิ่งไปก่อปัญหาถึงไหน แต่คิดๆ แล้วจะเดินไปอย่างไรคงอยู่แค่ภูเขาสำนักยาเซียนไม่ได้ไปที่อื่น ด้วยเหตุนี้จึงไม่สนใจ
เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป เฟิ่งจิ่วที่อาบน้ำแล้วเปลี่ยนสวมชุดสีฟ้า สั่งเสี่ยวเฮยเฝ้าอาศรมไว้ จากนั้นถึงจะไปสำนักพลังวิญญาณพร้อมกับเยี่ยจิง
หลังจากสองคนไปไม่นาน เหล่าไป๋ที่กินเสียจนท้องอ้วนท้วนก้าวกีบม้าเดินหลับมา ส่วนอสูรกลืนเมฆาก็นอนอยู่บนหลังมัน
หมีดำตัวใหญ่เห็นสองสัตว์อสูรกลับมา ก็วิ่งเข้าไปพลางร้องคำรามอย่างตื่นเต้นดีใจ
เหล่าไป๋เหลือบมองมัน ปากม้าอ้าออก และยาทิพย์กองหนึ่งก็สำรอกออกมาจากปากทั้งรากทั้งใบ…
………………………
ตอนที่ 682 พวกเจ้ามีของล้ำค่าหรือไม่?
“กรร!”
หมีดำตัวใหญ่เห็นก็ร้องคำรามอย่างดีอกดีใจ นั่งลงบนพื้นหญ้าและคว้ายาทิพย์พวกนั้นขึ้นมากินทันที ในพวกนั้นมีโสมวิญญาณอยู่ไม่น้อย โสมวิญญาณพวกนั้นมีทั้งหนาทั้งบาง ชิ้นที่บางที่สุดขนาดแค่นิ้วมือ
สัตว์อสูรสามตัวหนึ่งตัวกำลังกิน สองตัวกำลังมอง ชัดเจนว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก
ที่แท้ตั้งแต่พวกมันมาถึงที่นี่ ภายในสำนักยาเซียนไม่มีของกิน จึงวิ่งไปแอบกินยาทิพย์และผลไม่วิญญาณถึงยอดเขาสำนักยาถัดจากสำนักยาเซียน
บนยอดเขาสำนักยา นอกจากยาทิพย์ยังมีผลไม้วิญญาณต่างๆ กินครั้งเดียวจนเสพติดแล้วแน่นอนว่าต้องมีครั้งต่อไป ประกอบกับระดับของสองสัตว์อสูรก็ไม่ได้ด้อย ความเร็วว่องไว จะทำเรื่องไม่ดีคนหนึ่งก็แอบเก็บของอีกคนก็ดูต้นทาง หนึ่งเดือนผ่านมานี้แม้จะก่อเรื่องเสียจนยอดเขาสำนักยาวุ่นวายไปหมด ตลอดมากลับสาวไม่ถึงตัวพวกมัน
ในขณะที่แอบเก็บยาทิพย์กับผลไม้วิญญาณเหล่าไป๋ก็ค้นพบความวิเศษใหม่ๆ ขอแค่มันกลืนของลงไปโดยไม่เคี้ยว ทุกอย่างจะเก็บไว้ในท้องมันได้ เมื่อสำรอกออกมาอีกครั้งจะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนราวกับสมบูรณ์
ท้องของมันนั้นก็คล้ายกับถุงฟ้าดินเคลื่อนที่ เพียงแต่ส่วนที่ต่างจากถุงฟ้าดินคือแม้ยาทิพย์ที่เพิ่งเก็บจะลงท้องมันไปสองสามวันนำออกมาจะยังคงสดใหม่เช่นตอนแรก
เสี่ยวเฮยกลายเป็นน้องเล็กของสองสัตว์อสูรและรับผิดชอบเฝ้าอาศรม ส่วนสองสัตว์อสูรไปแอบเก็บของถึงสำนักยา แน่นอนว่านำกลับมาให้มันบ้าง เวลาสั้นๆ แค่ครึ่งเดือน อาหารยาทิพย์โสมวิญญาณในทุกๆ วัน เสี่ยวเฮยจึงถูกเลี้ยงดูไปไม่น้อย
ทางสำนักยานั้นแม้มีขโมยแอบเก็บยาทิพย์ แต่อย่างไรพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าที่วิ่งไปขโมยยาทิพย์ไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์อสูรสองตัว
ทางอีกด้าน เยี่ยจิงพาเฟิ่งจิ่วมาถึงสำนักพลังวิญญาณ เมื่อสองคนเดินเข้ามาสายตาเหล่านักเรียนสำนักพลังวิญญาณต่างหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว แวบเดียวก็รู้ว่าหนุ่มน้อยชุดฟ้าคนนี้เป็นนักเรียนเข้าใหม่ที่ล้มนักเรียนสำนักพลังเร้นลับหลายสิบคนโดยไม่แม้แต่จะขยับมือถึงสำนักพลังเร้นลับ
และเป็นคนคนนั้นที่แลกขนนกเคลือบหลากสีหนึ่งในสามสมบัติหอสวรรค์ไป
สายตาทุกคนหยุดชะงักลงบนใบหน้าอันงดงามของหนุ่มน้อยสักพัก ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปบนขนนกส่องแสงหลากสีชิ้นนั้นตรงเอว ไม่บอกไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มรูปโฉมงดงามคนนี้ประดับขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนี้แล้วน่ามองจริงๆ ทำให้คนอยากจะเมินเฉยยังยาก
“สำนักพลังวิญญาณจะแบ่งนักเรียนเป็นสี่ระดับคือสวรรค์ โลก นภา และแผ่นดิน นักเรียนระดับสวรรค์สำนักศึกษาจะให้ความสำคัญ นักเรียนทุกคนล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างละเอียด เจ้าเป็นคนที่รองเจ้าสำนักเลือกมาด้วยตนเอง ขอแค่ลงชื่อบันทึกไว้ก็จะเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณเรา”
เยี่ยจิงพูดพลางพาเฟิ่งจิ่วมาถึงจุดลงทะเบียนของอาจารย์ นางหยุดฝีเท้าลงนอกเรือน แล้วบอกกับเฟิ่งจิ่วข้างกายว่า “ข้างในนี้แหละ เจ้าเข้าไปเถอะ! ข้าจะรอเจ้าตรงนี้”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า มาถึงจุดลงทะเบียนด้านในและบันทึกข้อมูลชื่อแซ่ สุดท้ายก็รับป้ายหยกเดินออกมา
เยี่ยจิงเห็นป้ายหยกชิ้นนั้นก็ยิ้มเดินเข้าไป “ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นทำความคุ้นเคยรอบสำนักพลังวิญญาณเสียหน่อยแล้วกัน!”
เมื่อสองคนเดินออกมาถึงข้างนอก กลับเห็นว่านักเรียนระดับต่างๆ ของสำนักพลังวิญญาณล้อมเข้ามาเต็มด้านนอก สายตาแต่ละคนจ้องมองเฟิ่งจิ่วอย่างไม่เป็นมิตร
เยี่ยจิงเห็นเช่นนี้กำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกนักเรียนระดับสวรรค์คนหนึ่งขวางไว้
“รุ่นน้องเยี่ยจิง พวกเราอยากจะเรียนรู้และขอคำแนะนำกับรุ่นน้องมาใหม่สักรอบ เจ้าไม่ต้องยุ่งหรอก ดูอยู่ข้างๆ ก็พอ”
คำพูดนักเรียนคนนั้นกล่าวจบ ข้างๆ ก็มีผู้หญิงสองสามคนเดินออกมาพาเยี่ยจิงไปข้างๆ
เฟิ่งจิ่วเห็นท่าทางก็ลูบๆ คางทันที ถามว่า “พวกเจ้ามีของล้ำค่าหรือไม่?”
………………………………………………….