เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 691 ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด + ตอนที่ 692 ข้าจะปกป้องเจ้า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 691 ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด + ตอนที่ 692 ข้าจะปกป้องเจ้า
ตอนที่ 691 ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด + ตอนที่ 692 ข้าจะปกป้องเจ้า
ตอนที่ 691 ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ดวงตาก็ฉายแวว นัยน์ตาเผยความแปลกใจ ฐานพลังวิญญาณที่แย่ที่สุด? ดูท่าทางแม้แต่อาจารย์หลี่ว์ยังไม่รู้ว่าฐานพลังวิญญาณห้าธาตุนี้ สำหรับผู้ฝึกเซียนเป็นฐานพลังที่ปรากฏแรกสุด ยังถูกเรียกว่าฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด
เธอเคยอ่านตำราในห้วงมิติ ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิดเป็นจุดเริ่มต้นของฐานพลัง ร่างมีทั้งธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน เพียงแต่เพราะการควบคุมธาตุทั้งห้าในร่างไม่ใช่เรื่องง่าย การฝึกบำเพ็ญธาตุทั้งห้ายังยากลำบากกว่าธาตุเดียว ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าฐานพลังวิญญาณร้อยแปด
ภายหลังผ่านการเปลี่ยนแปลง ฐานพลังวิญญาณยิ่งฝึกบำเพ็ญน้อยยิ่งปรากฏน้อย นั่นเพราะในร่างมีเพียงธาตุเดียว การควบคุมธาตุเดียวค่อนข้างเข้ามือง่ายกว่า แต่ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิดหากควบคู่กับการฝึกบำเพ็ญด้วยกำลังภายในก่อกำเนิด กลับยิ่งเติมเต็มซึ่งกันและกัน ธาตุทั้งห้าจะยิ่งสำเร็จได้
เธอหลุบสายตาลงปิดบังประกายในดวงตา นี่ก็เหมือนกับร่างเทพประทับ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้จริงๆ ในเมื่อพวกเขาเข้าใจผิดว่าเป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปด เช่นนั้นก็เป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปดไปแล้วกัน!
“ข้านึกว่าจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ ที่แท้เป็นพวกไร้ประโยชน์”
“ก่อนหน้านี้ฝึกบำเพ็ญเร็วแล้วอย่างไร? สร้างฐานพลังไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ แม้โชคดีสร้างฐานพลังได้แต่ผ่านระดับหลอมแก่นพลังไปไม่ได้หรอก ชีวิตก็เช่นนี้แหละ”
“ใช่ คนฝึกวิชาเซียนรุ่นข้าเป้าหมายเพื่อหนทางชีวิตยืนยาวและวรยุทธ์สูงสุด จะหยุดอยู่แค่ระดับสร้างรากฐานเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“แหะ พวกเจ้าไม่รู้สินะ? ข้าตรวจสอบมาแล้ว เจ้าหนูนี่เป็นคนจากแคว้นระดับเก้า จะเก่งกาจได้สักแค่ไหนกัน?”
“อะไรนะ? แคว้นระดับเก้าต่ำสุด? ทำไมเจ้าไม่บอกก่อนเล่า? ข้ายังรอลุ้นเลย”
“ข้าก็อยากพูด แต่เขาบอกว่าเป็นยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด ข้าก็อึ้งไปทันที นึกว่าข่าวจะผิดไป”
“ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด? เหอะๆ เจ้าหนูนี่ไม่รู้ฝึกวิธีเก็บกลิ่นอายแบบใดมา แม้แต่อาจารย์หลี่ว์ยังมองระดับการฝึกบำเพ็ญไม่ออก เขามีฐานพลังวิญญาณร้อยแปดห้าธาตุ ไม่แน่ว่าอาจไม่ใช่แม้แต่ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ”
“อืม ก็เป็นไปได้ มิเช่นนั้นเจ้าว่าทำไมเขาถึงวิ่งไปสำนักยาเซียน? สำนักยาเซียนนั้นแทบจะรกร้าง ทุกปีล้วนรับนักเรียนไม่ได้สักคน มีแค่คนโง่ถึงจะไปที่นั่น”
“พวกเจ้าหุบปากซะ!” เยี่ยจิงตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าเยียบเย็น เห็นท่าทางเฟิ่งจิ่วก้มหน้าต่ำ ในใจก็อึดอัดอยู่บ้าง
นักเรียนคนอื่นเห็นเป็นเยี่ยจิง แต่ละคนต่างขยับปากและไม่เอาเรื่องนาง ด้วยเหตุนี้เสียงพูดจาเยาะเย้ยจึงหยุดลง
เฟิ่งจิ่วที่หลุบตาลงเล็กน้อยได้ยินเสียงหัวเราะเยาะพวกนั้นลอยมาข้างหู และได้ยินเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดของเยี่ยจิง นัยน์ตาฉายแววยิ้มแย้มโดยฉับพลัน เงยหน้ามองไปทางเยี่ยจิงและเผยรอยยิ้มให้ไป ความหมายคือ ‘ข้าไม่เป็นไร’
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเรามาเริ่มเรียนกัน วันนี้จะสอนพวกเจ้าว่าต้องใช้ธาตุในร่างอย่างไร…” อาจารย์หลี่ว์พูดจบ ก็ให้สัญญาณทุกคนเงียบ ก่อนจะสอนพวกเขาว่าธาตุทั้งห้าต้องใช้และฝึกบำเพ็ญอย่างไร…
หลังเลิกเรียนอาจารย์หลี่ว์กำลังจะไป เฟิ่งจิ่วจึงเรียกเขาไว้ “ท่านอาจารย์ขอรับ”
“หืม? มีเรื่องอะไรหรือ?” อาจารย์หลี่ว์มองไปยังเฟิ่งจิ่ว ใบหน้ามีความเสียใจที่ไม่อาจปิดบัง
“ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์สอนการควบคุมฐานพลังวิญญาณแบบเดี่ยว เช่นนั้นอย่างของข้าต้องจำแนกธาตุทั้งห้าในร่างให้กลายเป็นห้าพลังวิญญาณก่อนใช่หรือไม่ขอรับ?”
ได้ยินเช่นนี้อาจารย์หลี่ว์แปลกใจ มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่งถึงจะบอกว่า “ถูกต้อง ฐานพลังวิญญาณร้อยแปดต้องฝึกบำเพ็ญเช่นนี้ จำแนกแยกธาตุทั้งห้าก่อน รวบรวมประกายแสงของทุกธาตุเป็นหนึ่งเดียว เพียงแต่ความยากมันอยู่ตรงนี้แหละ หากไม่มีกำลังภายในที่เข้ากับธาตุทั้งห้า เจ้าก็ไม่มีทางแยกประกายแสงของธาตุทั้งหมดออกมาได้”
…………
ตอนที่ 692 ข้าจะปกป้องเจ้า
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้ม ก่อนคารวะให้เขาด้วยความเคารพ “ขอบคุณท่านอาจารย์มากที่ชี้แนะ ข้ารู้แล้วขอรับ”
อาจารย์หลี่ว์พยักหน้า ถึงจะหมุนตัวเดินออกไป
“เฟิ่งจิ่ว…” เยี่ยจิงมองนาง ในดวงตามีความเป็นห่วง
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็เปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ “เจ้ากังวลอะไร? เป็นห่วงว่าข้ามีฐานพลังวิญญาณร้อยแปดแล้วจะสร้างฐานพลังไม่ได้หรือ? เจ้าอย่าลืมสิ วรยุทธ์ข้าตอนนี้ยังสูงกว่าเจ้าอีกนะ”
เห็นท่าทีนางยังคงเหมือนเดิม ไม่หมดสภาพเพราะทดสอบออกมาเป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปด ใจที่หวั่นๆ ถึงจะปล่อยวาง “อืม โลกกว้างใหญ่เพียงนี้ย่อมมีโอกาส แม้เจ้ามีฐานพลังวิญญาณร้อยแปด อาจเพราะอนาคตจะมีโอกาสสร้างรากฐานถึงขั้นบรรลุระดับหลอมแก่นพลัง”
“อืม โลกกว้างใหญ่เพียงนี้ ข้ายังอยากไปดูเสียหน่อย!” เธอหรี่ตามองท้องฟ้า ในแปดจักรวรรดิใหญ่เมืองลอยฟ้าที่ห่างไกลและเหนือกว่าแคว้นต่างยังมีคนคนหนึ่งทำสัญญาสิบปีกับเธอไว้
สัญญาสิบปี? เธอจะปล่อยให้ตนเองหยุดอยู่ในแคว้นเหล่านี้สิบปีเชียวหรือ? คำตอบคือไม่
ในวันต่อมาเรื่องที่เฟิ่งจิ่วมีฐานพลังวิญญาณร้อยแปดก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเดาว่าพวกนักเรียนในสำนักศึกษาคงไม่สนใจเช่นนั้น แต่ดันเป็นเฟิ่งจิ่วคนนี้ เฟิ่งจิ่วคนนี้ที่เพิ่งเข้ามาก็แลกขนนกเคลือบหลากสีไป ซ้ำยังทำให้คนสำนักพลังเร้นลับลำบากและไม่มีที่ระบายอารมณ์ เป็นเฟิ่งจิ่วที่รองเจ้าสำนักให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ระหว่างที่เป็นนักเรียนสำนักยาเซียนยังถึงกับย้ายเขาไปเป็นหนึ่งในนักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณ
ทุกๆ การกระทำของเขาแทบจะอยู่ในความสนใจทุกคนทั้งหมด ทว่าเมื่อข่าวนี้กระจายออกไป แต่ละคนก็รู้สึกยินดีในความโชคร้ายนี้ไม่สิ้นสุด
ส่วนเฟิ่งจิ่วยามนี้หลังจากไปรายงานตัววันนั้น รวมถึงไปฟังบทเรียนวันถัดไป วันต่อมาก็ไม่ได้ไปสำนักพลังวิญญาณ เพราะยุ่งอยู่กับการฝึกบำเพ็ญของตนเองจนไม่มีเวลาไปสอบถามข่าวคราวภายนอก
กวนสีหลิ่นยังไม่ออกมาจากหอคอยพลังเร้นลับ แต่วันนี้เซียนอี้หานกลับมาหา
“น้องเฟิ่ง? น้องเฟิ่ง?”
เขาตะโกนอยู่ด้านนอกอาศรม ขณะเดียวกันก็มองหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นที่เฝ้าอยู่นอกอาศรมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ช่วงนี้ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเฟิ่งจิ่วมาไม่น้อย และได้ยินว่าที่นี่นอกจากม้าประหลาดกับหมาน้อยตัวเท่าก้อนเนื้อ ยังมีหมีดำตัวใหญ่ที่น่ากลัวเป็นพิเศษ ดังนั้นตอนที่เขาซ่อนตัวอยู่ในอาศรมไม่ออกมาคนพวกนั้นที่อยากจะหาเรื่องเขาจึงไม่กล้าเข้ามายุ่ง
อืม ไม่เลว ช่วงนี้ในสำนักศึกษาไม่เห็นร่างเฟิ่งจิ่วเดินไปเดินมา ทุกคนต่างบอกว่าเขาเก็บตัวไม่กล้าเจอใคร
“พี่เซียว?” เฟิ่งจิ่วเปิดเขตอาคมเดินออกมา แปลกใจนิดหน่อยกันการมาของเขา “ท่านมาได้อย่างไร?”
“ทำไม? ข้ามาไม่ได้หรือ?”
เขายิ้มๆ บอกว่า “ข้าเพิ่งออกไปทำภารกิจกลับมา ได้ยินว่าเจ้าอยู่ที่นี่จึงเข้ามาดื่มเหล้ากับเจ้า เจ้าดูสิ แม้แต่ไก่ย่างข้ายังเอามาด้วย” เขาหยิบไก่ย่างสองห่อที่ห่อไว้อย่างดีออกมาจากห้วงมิติพลางยิ้มเอ่ย
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็เชิญเขาเข้าอาศรมมา ใครจะรู้ว่าเขากลับโบกบ่ายมือ “เราสองคนไม่ใช่คนอื่นไกล มาๆๆ ดื่มใต้ต้นไม้ก็ได้”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มทันที จากนั้นมายังพื้นหญ้าใต้ต้นไม้พร้อมๆ กันแล้วนั่งลงกับพื้น
“เจ้าไม่รู้หรือ? ข้าก็เป็นนักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณ แต่วันนั้นที่เจ้าไปฟังบนเรียนข้าไม่อยู่ จึงไม่ได้พบเจ้า ภายหลังยังออกไปรับภารกิจ ครั้งนี้ข้ามาหาเจ้าแล้ว ข้ามีน้ำใจใช่ไหมล่ะ?”
เขาหยิบชามเล็กๆ สองใบออกจากห้วงมิติมารินเหล้า “เรื่องเจ้าข้าได้ยินมาแล้ว ฐานพลังวิญญาณร้อยแปดใช่หรือเปล่า? ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย วางใจเถอะ อีกหน่อยหากในสำนักศึกษามีคนมาหาเรื่องเจ้าก็บอกข้า ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเขาเอง”
………………………………………………….