เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 697 จะปล่อยไปได้อย่างไร + ตอนที่ 698 ท่านอาจารย์ ท่านป่วย
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 697 จะปล่อยไปได้อย่างไร + ตอนที่ 698 ท่านอาจารย์ ท่านป่วย
ตอนที่ 697 จะปล่อยไปได้อย่างไร? + ตอนที่ 698 ท่านอาจารย์ ท่านป่วย
ตอนที่ 697 จะปล่อยไปได้อย่างไร?
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองพวกเขา และตามไปด้วยกันโดยไม่ปฏิเสธจนมาถึงเรือนแห่งหนึ่ง พอเข้ามาข้างในก็เห็นว่านอกจากอาจารย์หลี่ว์ที่เธอคุ้นเคย ยังมีอาจารย์คนอื่นอีกสี่คน เยี่ยจิงก็อยู่ในนั้นด้วย
“เฟิ่งจิ่วคารวะท่านอาจารย์ทั้งหลาย”
เธอเข้าไปคารวะ จากนั้นเงยหน้ามองไปยังเยี่ยจิง ทว่าเวลานี้เอง เสียงตะโกนดุดันดังออกมาจากปากอาจารย์คนหนึ่งในนั้น และยังมีแรงกดดันจากอาจารย์คนนั้นแผ่มาพร้อมเสียงตะโกน
“ช่างกล้านักเฟิ่งจิ่ว เจ้ารู้ความผิดหรือไม่!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น มองอาจารย์คนนั้นด้วยท่าทีเช่นตอนแรก ถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์หมายความว่าอย่างไรขอรับ?”
“หมายความว่าอย่างไร? เจ้าจะไม่รู้เรื่องได้หรือ?” อาจารย์คนนั้นแค่นเสียงหยันอย่างขุ่นเคือง “ข้ามาถามเจ้า ข่าวที่ลือกันในสำนักศึกษาเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นข่าวลือในสำนักศึกษา ในเมื่อเป็นข่าวลือ เช่นนั้นก็ต้องไม่จริงแน่นอน จะเป็นเรื่องจริงไปได้อย่างไรขอรับ?” เธอกล่าวอย่างไม่แยแส แล้วมองยังเยี่ยจิงข้างๆ พลางเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้น ข้ากับเยี่ยจิงถือว่าสนิทกัน เรื่องเช่นนั้นพวกเราสองคนเป็นต้นเรื่อง ย่อมรู้แจ้งกว่าไม่ใช่หรือ?”
ยามนี้บนหน้าเยี่ยจิงยังมีความโกรธเคือง เธอมองไปทางเฟิ่งจิ่วแล้วกล่าว “เรื่องนี้ข้าอธิบายกับท่านอาจารย์ทั้งหลายแล้ว แต่พวกเขาไม่เชื่อ จึงต้องบังคับเจ้าเข้ามาสอบสวนอย่างเข้มงวด”
“อืม ต้องสอบสวนอย่างเข้มงวด” เฟิ่งจิ่วพยักหน้าเอ่ย แล้วกล่าวท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเยี่ยจิง “คนคนนี้ใส่ร้ายพวกเราสองคนก็เรื่องหนึ่ง ซ้ำยังทำให้ชื่อเสียงสำนักศึกษาเสื่อมเสียอีก เรื่องนี้ต้องสอบสวนจริงๆ”
อาจารย์ทั้งหลายเห็นเช่นนี้ ในใจก็นึกสงสัย หรือว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง? หากไม่ใช่เรื่องจริง ทำไมถึงไม่ลือเรื่องอื่นแต่ลือเรื่องของพวกเขาสองคน?
“เฟิ่งจิ่ว เรื่องนี้แค่มีคนใส่ร้ายพวกเจ้าสองคนจริงหรือ?” อาจารย์หลี่ว์ขมวดคิ้วถาม แม้เฟิ่งจิ่วจะเข้าเรียนแค่ครั้งเดียว แต่เขาประทับใจเด็กหนุ่มคนนี้มาก สายตาเขาไม่น่าจะมองผิดไป เด็กหนุ่มไม่ใช่คนแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยจิงยังบอกเองว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงเชื่อจริงๆ
“ขอรับ ไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอน ข้ากับเยี่ยจิงเป็นเพื่อนกัน ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นข้าเฟิ่งจิ่วเป็นคนประเภทนั้นหรือ?”
อาจารย์หลี่ว์ได้ยินคำพูดเด็กหนุ่มก็พยักหน้า มั่นใจว่าเห็นเฟิ่งจิ่วไม่ใช่คนเช่นนั้น
ดังนั้นเขากับอาจารย์คนอื่นจึงกระซิบคุยกัน และกำลังจะจบเรื่องนี้ ใครเลยจะรู้ว่าอาจารย์คนก่อนหน้านั้นกลับเอ่ยด้วยเสียงเกรี้ยว “หากไม่มีเรื่องเช่นนี้คนจะเล่าลือกันได้อย่างไร ข้าได้ยินว่าเจ้ายังไม่ได้เข้าสำนักศึกษาก็เจอกับเยี่ยจิงแล้ว ตอนนั้นเจ้ายังเอาเปรียบนางทั้งที่คนเต็มถนน เจ้ากล้าบอกหรือไม่ว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้?”
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วกับเยี่ยจิงมองหน้ากัน หากบอกว่าก่อนหน้านี้ยังไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวลือนี้ไป เช่นนั้นหลังจากอาจารย์คนนี้กล่าวมา ทั้งสองก็พอจะนึกได้แค่คนเดียว
ภายในสำนักศึกษา คนที่รู้เรื่องนี้ซ้ำยังบังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ ก็มีแค่คนคนนั้นไม่มีใครอื่น
เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือดอกไม้ขาวดอกน้อยนั้น เฟิ่งจิ่วไม่รู้สึกแปลกใจ ทว่าเยี่ยจิงกลับเป็นอีกอย่าง ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่รู้จักกันมาหลายปี ยามนี้มาทำเช่นนี้กับนาง คิดๆ แล้วก็น่าใจหาย
อาจารย์คนนั้นที่ตะคอกเสียงดังเห็นทั้งสองยังยักคิ้วหลิ่วตาต่อหน้าพวกเขาก็อดโมโหไม่ได้ “ยังบอกว่าไม่มีอีกหรือ? พวกเจ้าสองคนจะปฏิบัติตนขัดประเพณีเกินไปแล้วจริงๆ! ชื่อเสียงพวกเจ้าแปดเปื้อนก็ช่างเถอะ แต่ยังทำให้ชื่อเสียงสำนักศึกษาเสื่อมเสียไปด้วย นักเรียนอย่างพวกเจ้าจะปล่อยไว้ภายในสำนักศึกษาต่อไปได้อย่างไร?”
………………………………………………….
ตอนที่ 698 ท่านอาจารย์ ท่านป่วย
เฟิ่งจิ่วได้ยิน สายตาก็หันมองไปอาจารย์คนนั้นที่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ครั้นเห็นเขาหน้าแดงก่ำถลึงตามอง ตรงคอมีเส้นเลือดดำปรากฏจางๆ หายใจถี่รัวและโมโหเดือดดาล ก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
“ท่านอาจารย์ ท่านป่วยขอรับ”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกไป อาจารย์คนอื่นพลันตกใจ จากนั้นค่อยขมวดคิ้วมองไปยังเฟิ่งจิ่วอย่างไม่เห็นด้วยเท่าใด แม้อาจารย์คนนั้นจะระเบิดอารมณ์ไปบ้าง แต่อย่างไรก็เป็นอาจารย์ เขาบอกว่าอาจารย์ป่วยเช่นนี้ ช่างเสียมารยาทจริงๆ
สีหน้าท่าทีเยี่ยจิงประหลาดเช่นกัน แต่นางไม่ได้คิดว่าเฟิ่งจิ่วเสียมารยาท แต่แปลกใจว่าทำไมเอ่ยเช่นนี้?
อาจารย์ที่อารมณ์ร้ายคนนั้นได้ยินก็เหมือนจะระเบิดอารมณ์ได้ง่ายๆ แรงกดดันทั่วร่างถูกปล่อยออกมาจู่โจมไปทางเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะตะคอกด้วยน้ำเสียงดุจสายฟ้า “เฟิ่งจิ่ว! เจ้าโอหังเกินไปแล้ว! บังอาจเหลือเกินจริงๆ บังอาจนัก! ข้าจะรายงานรองเจ้าสำนักให้ไล่เจ้าออกจากสำนักศึกษา!”
“ท่านอาจารย์ อย่าโมโหเกินไปนัก ข้าพูดเรื่องจริง ท่านป่วยจริงๆ ขอรับ ต้องรักษา” เธอทอดถอนใจ มองอาจารย์ผู้โมโหร้ายจนพ่นน้ำลายเละเทะ พร้อมถอยหลังไปเล็กน้อยก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ
ส่วนอาจารย์พวกนั้นในยามนี้ก็สังเกตเห็น แรงกดดันระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดของอาจารย์คนนั้นโจมตีไปทางเฟิ่งจิ่ว แรงกดดันนั้นแทบจะปกคลุมไปทั่วร่างหนุ่มน้อย ทว่าท่าทีเขากลับไม่เห็นเปลี่ยนไปสักนิด แววตามีรอยยิ้ม ยังคงมีท่าทีเช่นตอนแรก
พวกเขาเห็นถึงจุดนี้ก็ตกใจเล็กน้อย ค่อนข้างประหลาดใจและสงสัย ปกติแล้วผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานจะสูงกว่ายอดปรมาจารย์พลังวิญญาณหนึ่งระดับ แต่ระดับนี้มักเป็นระยะห่างที่ผู้ฝึกวิชาเซียนมากมายไม่มีทางก้าวข้ามได้ พลังและแรงกดดันที่ต่างกันหนึ่งระดับล้วนไม่เหมือนกัน ระดับสร้างรากฐานมีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณได้แน่นอน แรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานยังทำให้ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณนิ่งอึ้งอยู่กับที่ เลือดในร่างปั่นป่วนพูดอะไรไม่ได้
มาถึงเฟิ่งจิ่วทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
“เฟิ่งจิ่ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย” อาจารย์หลี่ว์กล่าวด้วยเสียงทุ้มเข้ม คิดว่าหนุ่มน้อยกำลังล้ออาจารย์เล่น
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยักไหล่ “เอาเถอะ! ไม่เชื่อก็แล้วไป แต่ดูอาการท่านอาจารย์ ไม่พ้นสามวันต้องล้มป่วยแน่นอนขอรับ”
“จะ เจ้า…” อาจารย์คนนั้นได้ยินก็โกรธเสียจนหอบหายใจหนัก หากอาจารย์สองคนข้างกายไม่รั้งไว้ต้องปรี่เข้าไปสั่งสอนเฟิ่งจิ่วแน่ๆ
“เหล่าหลู เจ้าอย่าถือสาเด็กเลย มาๆๆ นั่งลงดื่มน้ำข้างๆ ก่อน เรื่องนี้ข้าจะถามเขาเอง” อาจารย์หลี่ว์ลากอาจารย์หลูที่มีสีหน้าขุ่นเคืองมานั่งลงข้างกัน จากนั้นค่อยมายังเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่วกับเยี่ยจิง
“พวกเจ้าสองคนคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มีแผนอะไรหรือไม่ หากบอกว่ามีคนใส่ร้ายพวกเจ้า เช่นนั้นคนคนนี้เป็นใคร พวกเจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
ได้ยินคำพูดของอาจารย์หลี่ว์ ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นเฟิ่งจิ่วก็ยิ้มเอ่ย “ท่านอาจารย์หลี่ว์ เรื่องนี้ให้พวกเราจัดการเถอะขอรับ! ข้าจะลากคนออกมาด้วยตนเอง”
เห็นเขาเอ่ยเช่นนี้ออกมา ชัดเจนว่ามีความมั่นใจในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงถามว่า “ต้องนานเท่าไร?”
“วันเดียวก็มากพอแล้วขอรับ” มุมปากเธออมยิ้มเล็กน้อย เอ่ยด้วยยิ้มบางๆ
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งวัน ออกไปเถอะ! หากเรื่องนี้จัดการไม่เรียบร้อย พวกเจ้าสองคน…” เขาไม่ได้พูดต่อไป แค่กล่าวเตือนเท่านั้น
“ขอรับ พวกเรารู้แล้ว”
ทั้งสองขานรับ ขณะหมุนตัวกำลังจะเดินออกไป ฝีเท้าเฟิ่งจิ่วชะงักลง จากนั้นหันกลับไปมองอาจารย์แซ่หลูคนนั้น และพลันฉีกยิ้มกว้าง “ท่านอาจารย์ ข้าพูดเรื่องจริงนะขอรับ ท่านป่วยจริงๆ ช่วงนี้อย่าโมโหเกินไปนัก มิเช่นนั้นจะยิ่งยุ่งยาก”
………………………………………………….