เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 717 ตกใจเมื่อได้รู้ เป็นเขานี่เอง! + ตอนที่ 718 เกิดอะไรขึ้น
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 717 ตกใจเมื่อได้รู้ เป็นเขานี่เอง! + ตอนที่ 718 เกิดอะไรขึ้น
ตอนที่ 717 ตกใจเมื่อได้รู้ เป็นเขานี่เอง! + ตอนที่ 718 เกิดอะไรขึ้น?
ตอนที่ 717 ตกใจเมื่อได้รู้ เป็นเขานี่เอง!
บนภูเขาห่างจากที่นี่ไม่ไกล โม่เฉินที่เดิมทีออกไปจากห้องแนะแนวการสอนแล้วได้ยินว่าพวกอาจารย์หลี่ว์มาตามหาเฟิ่งจิ่วแต่ไม่ได้เจอ บอกว่าเขตอาคมถูกเสริมพลัง ซ้ำยังวางเขตอาคมกันเสียงไว้ ด้วยนึกประหลาดใจจึงเข้ามาดู
นึกไม่ถึงว่าจะเห็นเจ้าสำนักมาด้วย
ทำไมถึงต้องเป็นเด็กหนุ่มคนนั้น? หรือว่าเขารู้เรื่องการแพทย์?
สายตาเขาเคลื่อนไปหยุดลงบนร่างชายสวมเครื่องแบบสำนักพลังเร้นลับคนนั้น นี่ก็คือกวนสีหลิ่น พี่ชายร่วมสาบานของหนุ่มน้อยคนนั้นหรือ?
โม่เฉินได้ยินเจ้าสำนักเอ่ยถามจึงมองอยู่เงียบๆ ในเมื่อเป็นพี่ชายของหนุ่มน้อยคนนั้น เด็กหนุ่มจะรู้เรื่องการแพทย์หรือไม่เขาย่อมชัดเจนยิ่ง หากเขาบอกว่าเด็กหนุ่มไม่รู้ บางทีอาจจะไม่ต้องทำลายเขตอาคมนั้น
แต่แม้จะรู้เรื่องแพทย์ อาการของอาจารย์หลูคนนั้นก็หนักหนาเกินไป เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มจะช่วยได้อย่างไร?
ใต้ต้นไม้ เจ้าสำนักมองกวนสีหลิ่นอย่างไม่เร่งเร้าและสงบนิ่ง รอคอยคำตอบจากเขา
กวนสีหลิ่นมองอีกฝ่าย ครุ่นคิดเนิ่นนานถึงจะเอ่ยปากเสียงเข้ม “เทียบกับเรื่องที่เขามีทักษะการแพทย์หรือไม่ ข้าคิดว่าสิ่งที่ท่านเจ้าสำนักกังวลยิ่งกว่า…คือเขาจะช่วย? หรือไม่ช่วย?”
เจ้าสำนักได้ยินคำพูดนี้จิตใจก็สั่นสะท้าน ความหมายที่ซ่อนไว้ทำให้หัวใจเขามีคลื่นซัดโถม ตกใจไม่มีสิ้นสุด
คำพูดนี้เขาฟังเข้าใจ
หากถามว่าเฟิ่งจิ่วมีทักษะการแพทย์หรือไม่ สิ่งที่พวกเขาเป็นห่วงยิ่งกว่าคือเฟิ่งจิ่วจะช่วยอาจารย์หลูหรือไม่? หากช่วย เช่นนั้นเขาก็มีทักษะการแพทย์ หากไม่อยากช่วยก็แค่ต้องบอกว่าเขาไม่มี…
ตั้งแต่ต้นจนจบมีใครบ้างไม่นึกถึงปัญหาข้อนี้ ตอนที่รู้เรื่องเฟิ่งจิ่วรู้ว่าร่างกายอาจารย์หลูมีปัญหาเมื่อสองวันก่อน พวกเขาส่งนักเรียนมาตามก่อน จากนั้นอาจารย์หลี่ว์เข้ามาอยากจะทำลายเขตอาคมเพื่อเรียกเฟิ่งจิ่วไป ยามนี้เขาถึงมาเรียกเฟิ่งจิ่วไปด้วยตัวเอง…
พวกเขาต่างคิดว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องแน่นอน ควรจะเป็นเช่นนี้ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ และเป็น…ขอแค่พวกเขาสั่งเพียงประโยคเดียว เฟิ่งจิ่วก็ไม่ปฏิบัติตามไม่ได้…
ทันใดนั้นเขาถึงได้เข้าใจ ระหว่างที่ตกใจยังตกตะลึง หากไม่ได้การกล่าวเตือนจากหนุ่มตรงหน้า เกรงว่าต่อให้พวกเขาทำลายเขตอาคมและปลุกเฟิ่งจิ่ว เฟิ่วจิ่วก็ไม่จำเป็นต้องออกหน้าช่วย
นึกถึงตรงนี้แล้ว เขามองลึกล้ำที่กวนสีหลิ่น แล้วประสานมือคำนับอย่างสุดซึ้ง “ขอบคุณมาก”
ขอบคุณมาก ขอบคุณคำเตือนจากเขา เป็นคำพูดเขานี่เองที่เตือนสติ
กวนสีหลิ่นมองเจ้าสำนัก โน้มตัวลงเล็กน้อยแค่รับการคารวะ ขณะเดียวกันยังคารวะกลับ “มิกล้า”
ทุกคนรอบข้างเห็นรองเจ้าสำนักคำนับคนหนุ่มใต้ต้นไม้คนนั้น ต่างพากันเบิกตาโตอย่างตกใจและมองภาพนี้ด้วยความเหลือเชื่อ คิดเพียงว่าภาพนี้ไม่ใช่เรื่องจริง
บนภูเขาบริเวณไม่ไกล โม่เฉินที่ได้ยินคำพูดทั้งสอง ยามนี้แววตาวูบไหวเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่ได้จากไปไหน เพียงยืนมองอาศรมอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มองเจ้าสำนักที่ยืนใต้ต้นไม้และไม่คิดจะไปทำลายเขตอาคม
เวลาเดียวกันนี้ หลังจากรองเจ้าสำนักรีบกลับไปห้องแนะแนว และได้ยินคำพูดของอาจารย์หลี่ว์ ภายในห้วงความคิดก็มีแสงสว่างวาบ จิตใจสั่นสะท้าน จากนั้นนึกถึงข่าวลือภูตหมอจากภายนอกขึ้นมา
ภูตหมอสวมชุดสีแดง เป็นหนุ่มน้อยผู้งดงาม…
ก่อนจะนึกถึงคำพูดนั้นของหัวหน้าตลาดมืด ‘ช่วยคน ไยต้องทิ้งสิบเบี้ยใกล้มือ…’
รองเจ้าสำนักเพียงรู้สึกว่าในความคิดมีเสียงดังสนั่น ราวกับมีสายฟ้าระเบิดอยู่ภายใน ว่างเปล่าไปทันที
“เป็นเขา! เขานี่เอง! ที่แท้เป็นเขา!”
สีหน้าท่าทางเขาตื่นเต้น ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม ได้ยินแต่เขาตะโกนยินดีอย่างประหลาดใจและตื่นเต้น ร่างพุ่งไปยังอาศรมของเฟิ่งจิ่วราวกับลำแสงในพริบตา…
………………………………………………….
ตอนที่ 718 เกิดอะไรขึ้น?
ตอนนักเรียนทุกคนโดยรอบเห็นเจ้าสำนักยืนเงียบอยู่ใต้ต้นไม้ แปลกใจว่าทำไมเขาไม่ทำลายเขตอาคมเพื่อเรียกเจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่นออกมา ก็ได้ยินเสียงที่ทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจลอยมาแต่ไกล
“ท่านเจ้าสำนัก! ท่านเจ้าสำนักข้ารู้แล้ว! เป็นเขา เป็นเขา!”
ร่างของรองเจ้าสำนักมายังเบื้องหน้าเจ้าสำนักทันควันดุจลำแสง เมื่อเขาที่ท่าทางตื่นเต้นจิตใจฮึกเหิมกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นเจ้าสำนักยกมือขึ้นวางเขตอาคมกันเสียง
“เป็นเขาอะไร? ข้าสั่งเจ้าไปสอบถามข่าวภูตหมอที่ตลาดมืดไม่ใช่หรือ มีข่าวอะไรรึไม่” เจ้าสำนักเอ่ยถาม เพราะปิดกั้นเสียงไว้ นอกจากกวนสีหลิ่นที่ยืนข้างกายเขาแล้ว คนด้านนอกไม่ได้ยินคำพูดของทั้งสองแน่นอน
กวนสีหลิ่นที่ได้ยินมองเจ้าสำนัก แล้วมองยังรองเจ้าสำนักที่มีสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นค่อยหลุบตาลง
“เป็นเขา เป็นเฟิ่งจิ่ว! เขาคือภูตหมอ เขาน่าจะเป็นภูตหมอขอรับ!”
รองเจ้าสำนักกล่าวอย่างตื่นเต้น พร้อมจับแขนเจ้าสำนักไว้อย่างดีอกดีใจเต็มเปี่ยม “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาไม่ธรรมดา? ไม่เพียงมีวรยุทธ์พลังวิญญาณโดดเด่น พรสวรรค์ยังโดดเด่น กลั่นยาเซียนได้ ที่สำคัญที่สุด เขาคือภูตหมอคนนั้น! ภูตหมอเป็นนักปรุงยา! เล่ากันว่ายาเขาบรรลุถึงระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยามนี้อัจฉริยะผู้นี้เป็นนักเรียนในสำนักศึกษาเรา ระ…เรื่องดีๆ ที่ใหญ่โตเช่นนี้ทำไมถึงตกมาอยู่กับสำนักศึกษาหมอกดาราเราได้?”
กล่าวถึงท้ายสุด ชัดเจนว่าเขาตื่นเต้นเกินเหตุจนพูดสะเปะสะปะ และไม่รู้ด้วยว่าตนเองกำลังพูดอะไร ภายในห้วงความคิดมีเพียงข่าวเดียวกำลังกึกก้อง นั่นคือเฟิ่งจิ่ว หนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้น หนุ่มน้อยชุดแดงที่เขาถูกใจคนนั้นคือภูตหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง!
เจ้าสำนักได้ยินแล้วยังหัวใจสั่นสะท้าน สายตาหยุดบนร่างกวนสีหลิ่นข้างกายตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นใบหน้าเขาสงบนิ่ง ถึงรู้ว่ารองเจ้าสำนักพูดความจริง
ไม่จำเป็นต้องยืนยันหรือสอบถาม แค่มองกวนสีหลิ่นก็รู้แล้ว
เขาเป็นพี่ชายเฟิ่งจิ่ว ต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน ประกอบกับคำเตือนก่อนหน้านี้ ยามนี้จึงมั่นใจว่าเฟิ่งจิ่วคือภูตหมออย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่อย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ตามหาจะอยู่ในสำนักศึกษาของพวกเขา และยิ่งคาดไม่ถึงว่านักเรียนในสำนักศึกษาที่เก็บตัวในอาศรม หน้าตาค่อนข้างทะเล้น ให้ความรู้สึกเกียจคร้านเฉื่อยชา จิตใจบริสุทธิ์น่ารังแก จะเป็นภูตหมอผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรคนนั้น
ไม่มีใครรู้ว่ายามนี้ใจเขาตกตะลึงเพียงใด และยิ่งไม่มีใครรู้ว่าใจเขาเต้นรัวมากเท่าไร
ยามนี้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมกวนสีหลิ่นถึงกล่าวเตือนเขาด้วยคำพูดนั้น หากเป็นแค่นักเรียนธรรมดา พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเลย แต่หากคนคนนี้เป็นภูตหมอ… ผลที่ตามมาย่อมสำคัญยิ่งอย่างละเลยไม่ได้!
รองเจ้าสำนักที่มีสีหน้าตื่นเต้นเห็นเจ้าสำนักดูตกใจเล็กน้อย คล้ายจะใจลอยไปบ้าง จึงตะโกนทันทีว่า “ท่านเจ้าสำนัก? ท่านเจ้าสำนัก? ท่านได้ยินข้าพูดหรือไม่?”
เจ้าสำนักได้สติกลับมา เก็บความคิดที่ปั่นป่วนไว้ แล้วมองรองเจ้าสำนัก “เหล่ากวน เจ้าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ทำอะไรต้องไตร่ตรองให้มากๆ วิ่งตะโกนโหวกเหวกมาตลอดทาง ท่าทางเสียสติเช่นนี้จะให้พวกนักเรียนกับอาจารย์มองเจ้าอย่างไร?”
“ข้าไม่ได้ตื่นเต้น…”
“จะตื่นเต้นก็ต้องมีขอบเขต อย่าวุ่นวายเกินพอดี” เจ้าสำนักเอ่ยเสียงเข้ม
ได้ยินเสียงเจ้าสักนักเคร่งขรึมเล็กน้อย ในที่สุดรองเจ้าสำนักก็ค่อยๆ สงบจิตใจลง ก่อนหน้านี้ตื่นเต้นเกินไปจึงไม่ทันสังเกต ยามนี้กลับรู้สึกว่าผิดปกติแล้ว
หลังจากมองกวนสีหลิ่นข้างๆ แวบหนึ่ง เขาถามว่า “เจ้าสำนัก ท่านมาหาเฟิ่งจิ่วที่นี่ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงยืนอยู่ตรงนี้ขอรับ?”
………………………………………………….