เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 725 เฟิ่งจิ่วเป็นใครกันแน่ + ตอนที่ 726 ล้วนแล้วแต่อารมณ์
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 725 เฟิ่งจิ่วเป็นใครกันแน่ + ตอนที่ 726 ล้วนแล้วแต่อารมณ์
ตอนที่ 725 เฟิ่งจิ่วเป็นใครกันแน่? + ตอนที่ 726 ล้วนแล้วแต่อารมณ์
ตอนที่ 725 เฟิ่งจิ่วเป็นใครกันแน่?
ชั่วขณะที่ประตูห้องเปิดออก เจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก รวมถึงอาจารย์หลูหันกลับไปมองทันควัน เห็นเฟิ่งจิ่วกับกวนสีหลิ่นในชุดสีฟ้าเดินออกมาพร้อมกัน สีหน้าท่าทีของสองคนเรียบเฉย ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อเห็นสองคนเป็นเช่นนี้และไม่เห็นหมออีกสองคน หัวใจพวกเขาก็หนักอึ้งเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
หรือว่ายังช่วยชีวิตไม่ได้? เวลาสี่ชั่วยาม ตามที่โม่เฉินพูดไว้ อาจารย์หลูคนนั้นน่าจะสิ้นใจไปตั้งแต่สองชั่วยามแล้วถึงจะถูก…
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านรองเจ้าสำนัก คนอยู่ด้านใน ข้ากำชับหมอทั้งสองไว้แล้ว ที่เหลือพวกท่านก็จัดการตามสมควรแล้วกัน! ที่นี่คงไม่มีเรื่องอะไรอีก ข้าขอตัวกลับก่อน” เฟิ่งจิ่วกล่าวจบ ก็เดินออกไปพร้อมกวนสีหลิ่น
ครั้นทั้งสามได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่ว หัวใจก็เต้นสะดุด ตายแล้วจริงๆ หรือ ถึงให้พวกเขาจัดการเรื่องต่อ?
พอนึกถึงตรงนี้ พวกเขารีบร้อนเดินไปข้างใน
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่มาถึงด้านนอกบอกกวนสีหลิ่นกับเยี่ยจิงว่า “ไม่ไหวเลย เมื่อเช้าข้านอนไม่พอ ตอนนี้ยังทำงานจริงจังตั้งสี่ชั่วยาม ข้ากลับไปต้องงีบหลับพักผ่อนเสียหน่อย”
“อืม เช่นนั้นเจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ข้าไม่เข้าไปรบกวนเจ้าแล้ว รอเที่ยงวันรุ่งขึ้นค่อยเข้าไปหาเจ้า” กวนสีหลิ่นยิ้มๆ แล้วบุ้ยใบ้ให้รีบกลับไป
“ได้ เช่นนั้นข้าไปก่อน”
เฟิ่งจิ่วพูดจบก็มองเยี่ยจิงที่อยากจะพูดแต่หยุดไว้ เผยรอยยิ้มกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อาจารย์หลูไม่เป็นอะไร การผ่าตัดประสบความสำเร็จดียิ่ง เรื่องที่เหลือข้ากำชับหมอสองคนนั้นไว้แล้ว ผ่านไปสักสองวันเขาคงฟื้น หากฟื้นตัวดี ครึ่งเดือนก็ลงจากเตียงมาเดินได้”
เยี่ยจิงได้ยินเช่นนี้ หัวใจที่หวั่นๆ ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง นางมองเฟิ่งจิ่ว ดึงๆ แขนอีกฝ่ายพลางกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณเจ้าด้วย เฟิ่งจิ่ว”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
เฟิ่งจิ่วโบกๆ มือพลางยิ้ม หลังจากขึ้นนั่งขนนกบินก็มุ่งหน้าไปยังอาศรม ภายในใจทอดถอนใจเบาๆ รู้สึกว่าการฝึกบำเพ็ญในสำนักศึกษานี้จะยุ่งเกินไปแล้วจริงๆ มีเรื่องราวตั้งมากมาย จะนอนหลับเพื่อความงามยังยากเย็นเลย หากไม่ระวังเกรงว่าแม้แต่อาศรมอาจถูกคนระเบิดก็เป็นได้
เวลาเดียวกันนี้ เมื่อสามคนที่เข้าไปดูสถานการณ์ด้านในเห็นหมอสองคนสีหน้าขาวซีดริมฝีปากสั่นเครือเล็กน้อย ฝีเท้าที่เดิมทีจะก้าวไปข้างหน้าก็ชะงักโดยทันที
“อาจารย์หลูเป็นอย่างไรบ้าง?” เจ้าสำนักเอ่ยถาม สายตาหยุดลงบนร่างหมอสองคนนั้น
หมอสองคนเห็นพวกเขาก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ สงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยว่า “ท่านเจ้าสำนักวางใจเถอะ อาจารย์หลูไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ”
“ไม่เป็นอะไร? ไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ”
เสียงรองเจ้าสำนักขึ้นสูงเล็กน้อย พร้อมชี้คนบนเตียงที่นอนอยู่ด้านหลังพวกเขาอย่างค่อนข้างยากจะเชื่อ “มะ ไม่ใช่ว่าเปิดช่องบนศีรษะรึ? เช่นนี้จะไม่เป็นไรหรือ?”
ได้ยินรองเจ้าสำนักเอ่ยคำนี้ขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของหมอทั้งสองขาวซีดบางส่วน แต่ยังคงพยักหน้า “ขอรับ เฟิ่งจิ่วบอกว่าไม่เป็นไร รักษาชีวิตไว้ได้ ผ่านไปสองวันคงฟื้น หากฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีครึ่งเดือนก็จะลงจากเตียงได้”
อาจารย์หลูไม่เป็นไร แต่พวกเขาสองคนเกือบจะเป็นอะไรไปแล้ว
พวกเขาไม่เคยเห็นใครกล้าเปิดช่องบนศีรษะคนเลย เมื่อเห็นภาพเช่นนั้นแข้งขาก็อ่อนไปหมด รักษาชีวิตอาจารย์หลูไว้ได้ ทว่าพวกเขาสองคนที่เห็นตั้งแต่ต้นจนจบต้องฝืนประคองไว้ตลอดถึงจะไม่ตกใจจนเป็นลมไป
แม้ไม่อยากยอมรับ กลับจำต้องยอมรับว่าทักษะการแพทย์ของนักเรียนนามเฟิ่งจิ่วคนนั้นดีมากจริงๆ ทำให้พวกเขาทั้งหวาดกลัวและสั่นสะท้านตกใจในเวลาเดียวกัน
สำหรับหมอ พวกเขาชัดเจนยิ่งว่านี่เป็นวิธีรักษาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน วิธีรักษาที่คนโลกนี้ไม่รู้และควบคุมไม่ได้ ลึกๆ ในใจพวกเขาถึงกับเกิดความสงสัย
เฟิ่งจิ่วคนนี้เป็นใครกันแน่?
………………………………………………….
ตอนที่ 726 ล้วนแล้วแต่อารมณ์
ข่าวที่ว่าอาจารย์หลูรอดชีวิตต่อไปได้กระจายออกไปว่องไวนัก ทั้งสำนักศึกษาต่างรู้ว่าเฟิ่งจิ่วช่วยเขาไว้ แต่นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งจิ่วคนที่ไม่เอาไหนสักเท่าไรจะมีทักษะการแพทย์ล้ำหน้าหมอสองท่านของสำนักศึกษา
พวกนักเรียนสงสัยมากว่าเขารักษาอย่างไร? แต่สอบถามอย่างไรก็ไม่ได้ข้อมูล เพียงรู้ว่ารักษาชีวิตอาจารย์หลูไว้ได้
นอกจากหมอทั้งสองคนแล้ว มีเพียงเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักรวมถึงอาจารย์หลี่ว์สามคนที่เข้าไปเยี่ยมอาจารย์หลูได้ ด้วยเหตุนี้แม้แต่อาจารย์คนอื่นจึงไม่รู้ว่าด้านในเป็นอย่างไรบ้าง
แตกต่างจากที่นี่ ตั้งแต่กลับอาศรมไปเฟิ่งจิ่วก็งีบหลับจนถึงเที่ยงวันต่อมา ทางห้องครัวให้คนมาส่งสำรับอาหาร เธอกับกวนสีหลิ่นรวมถึงเยี่ยจิงสามคนกินด้วยกันบนโต๊ะหินใต้ต้นไม้ที่นำมาวางไว้ใหม่ หลังจากยกอาหารบนโต๊ะออกก็วางน้ำชาพลางคุยเล่นกัน
กระทั่งเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักมาที่อาศรม เยี่ยจิงกับกวนสีหลิ่นถึงจะขอตัวออกไปก่อน
“เจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก พวกท่านมาได้อย่างไร? คงไม่มีเรื่องอะไรกระมัง?” ครั้นเห็นทั้งสอง เธอก็คิดว่ามีเรื่องวุ่นวายอะไรอีกตามสัญชาตญาณ
พวกเขาเห็นดังนั้นก็ยิ้มทันควัน “วันนี้พวกเรามาคุยกับเจ้าเสียหน่อย” ทั้งสองนั่งลง มองยังเด็กหนุ่มเบื้องหน้า
“คุยอะไรหรือ?” เธอรินน้ำชาให้คนทั้งสองพลางเอ่ยถาม
“ขออภัยที่พูดตรงๆ ด้วยชื่อเสียงภูตหมอของเจ้า ทำไมถึงมาเข้าสำนักศึกษาหมอกดาราเรา?” เจ้าสำนักถามตรงไปตรงมา
“แน่นอนว่ามาเรียนกลั่นยาขอรับ!”
เธอตอบอย่างสมเหตุสมผล จากนั้นค่อยส่ายหน้า “แต่นึกไม่ถึงว่าสำนักยาเซียนที่นี่จะมีนักเรียนคนเดียว แถมยังต้องทำคะแนนคุณงามความดี ทักษะด้านยาเซียนของอาจารย์ก็เหมือนจะไม่สูงมาก ต้องบอกว่าผิดหวังอยู่บ้างจริงๆ”
สองคนได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจไปครู่ จากนั้นค่อยยิ้มเอ่ย “สำนักยาเซียนไม่มีอาจารย์ระดับสูง แต่เพราะสำนักศึกษาไม่มีนักเรียนเข้าร่วมการแข่งยาเซียนมาหลายปีติดต่อกัน พวกนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงๆ จึงถูกสำนักศึกษาอื่นแย่งไปเท่านั้น”
“นอกจากนักเล่นแร่แปรธาตุสองคน อันที่จริงยามนี้สำนักยาเซียนมีบรรพชนนักเล่นแร่แปรธาตุอีกคน เพียงแต่ฐานะเขาไม่ธรรมดา ปกติจะไม่ออกมาสอน นักเรียนจึงมีนักเล่นแร่แปรธาตุสองคนคอยสอนกลั่นยาเซียน”
“บรรพชนนักเล่นแร่แปรธาตุ?” แววตาเธอสั่นระริกเล็กน้อย ถามว่า “ผู้ชายที่สวมชุดขาวราวเทพจุติคนนั้นใช่หรือไม่?”
เธอแค่เคยเห็นเจ้าหมอนั่นกลั่นยาเซียน ซ้ำยังเป็นยาอายุวัฒนะที่ระดับไม่ได้ต่ำ เดาว่าเขาคงเป็นอาจารย์ อาจเป็นบรรพชนนักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นที่ทั้งสองเอ่ยถึงกระมัง?
“ชุดขาวเทพจุติ?”
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักมองหน้ากัน อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก ท่านนั้นที่เจ้าพูดถึงคงเป็นคุณชายโม่เฉิน เขาเป็นแขกของเรา ไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุในสำนักศึกษา แต่ทักษะเขาในด้านยาเซียนโดดเด่นมากจริงๆ แม้แต่ภายในแคว้นระดับหนึ่งยังมีคนเช่นเขาน้อยนัก”
กล่าวถึงตรงนี้ เจ้าสำนักก็ยิ้มๆ กล่าว “วันนี้ที่เข้ามา นอกจากจะขอบคุณเจ้า ยังอยากถามเสียหน่อยว่าเจ้าต้องการรางวัลอะไร ขอแค่สำนักศึกษามี พวกเราก็รับปากได้ทั้งนั้น”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ้มพลางเลิกคิ้ว “รางวัลก็ให้แล้วไม่ใช่หรือ? เตรียมอาหารให้ข้าในสำนักศึกษาวันละสามมื้อก็พอแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ คนทั้งสองตกใจเบาๆ “ได้อย่างไรเล่า? เช่นนี้…” ยังเอ่ยไม่ทันจบก็เห็นอีกฝ่ายโบกๆ มือตัดบทพวกเขา
“ข้าบอกว่าได้ก็ได้ เพียงแต่ตัวตนภูตหมอนี้พวกท่านต้องเก็บเป็นความลับอย่างดี อย่าพูดออกไปเป็นพอ ข้าไม่อยากให้มีคนวิ่งมาขอร้องขอยาอะไรไม่เว้นวัน”
ทั้งสองคนได้ยืนยันนิสัยแปลกๆ ของเขาอีกครั้ง เป็นจริงดังที่ภายนอกเล่าลือ เขาช่วยคนล้วนแล้วแต่อารมณ์ทั้งนั้น
………………………………………………….