เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 727 เจ้าเด็กนั่นหน้าไม่อายเสียจริง + ตอนที่ 728 เจ้ามาทำอะไรที่นี่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 727 เจ้าเด็กนั่นหน้าไม่อายเสียจริง + ตอนที่ 728 เจ้ามาทำอะไรที่นี่
ตอนที่ 727 เจ้าเด็กนั่นหน้าไม่อายเสียจริง + ตอนที่ 728 เจ้ามาทำอะไรที่นี่?
ตอนที่ 727 เจ้าเด็กนั่นหน้าไม่อายเสียจริง
“เจ้าวางใจเถอะ พวกเรารู้แล้ว”
ทั้งสองยิ้มรับรอง ในใจปลงอนิจจังไม่สิ้นสุด แม้บอกว่าภูตหมอช่วยคนตามอารมณ์ แต่ไม่บอกไม่ได้ว่าเขาช่วยชีวิตอาจารย์หลูได้โดยไม่คิดเล็กคิดน้อย ซ้ำยังไม่แก้แค้นเอาคืนกัน จิตใจเช่นนี้ก็มากพอจะทำให้พวกเขาชื่นชมแล้ว
สุดท้ายแม้ทั้งสองไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องรางวัลอีก แต่ยังจำเรื่องนี้ไว้ในใจ พยายามอำนวยความสะดวกให้เขาด้วยวิธีอื่นๆ หลังจากนั่งคุยเล่นกันสักพัก ทั้งสองถึงจะลุกขึ้นบอกลา ก่อนจะไปเหมือนนึกเรื่องอะไรได้ รองเจ้าสำนักจึงหันกลับไป
“เฟิ่งจิ่ว ข้าได้ยินว่าโอวหยางซิวเอ่ยท้าประลองกับเจ้าหรือ?”
“ขอรับ คล้ายว่าจะมีเรื่องนี้” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักได้ยินคำพูดนี้ มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย จากคำพูดเขา ชัดเจนว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย แต่ถึงเขาไม่สนใจ โอวหยางซิวคนนั้นไม่แน่ว่าจะไม่สน เดาว่าคงกำลังเตรียมตัวพบกับเขาบนลานประลองวายุเมฆาในอีกสามวันแล้ว!
“อืม เอาเช่นนี้แล้วกัน! หากมีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็เข้ามาหาพวกเรา” ทั้งสองกล่าวจบ ถึงค่อยเหยียบขึ้นกระบี่บินออกไป
รอจนพวกเขาจากไปแล้ว เฟิ่งจิ่วหยิบป้ายคำสั่งอันนั้นที่เจ้าสำนักทิ้งไว้ให้เธอขึ้นมาดู บอกว่าหากมีของสิ่งนี้เธอจะเข้าออกสำนักศึกษาได้ตามใจชอบ หนำซ้ำมีป้ายคำสั่งนี้ในมือยังมีประโยชน์อีกมากมาย
“ได้กำไรจริงๆ ช่วยอาจารย์หลูไม่เพียงห้องครัวจะทำกับข้าวให้ ซ้ำยังได้ของเช่นนี้มาอีก ช่างคุ้มค่าเสียจริงๆ” เธอยิ้มตาหยี เก็บป้ายคำสั่ง แล้วกลับไปฝึกบำเพ็ญภายในอาศรม
เฟิ่งจิ่วไม่ได้เก็บเรื่องท้าประลองมาใส่ใจ ทว่าโอวหยางซิว สามวันผ่านไปเขาในชุดสำนักศึกษาสีขาวมารอบนลานประลองวายุเมฆาตั้งแต่เช้า ด้านล่างมีนักเรียนสำนักพลังวิญญาณและสำนักพลังเร้นลับรวมตัวกันเต็มไปหมด แต่ละคนเต็มไปด้วยความเฝ้ารอคอย
แม้พวกเขาคิดว่าเฟิ่งจิ่วคนนั้นไม่กล้ามาประลองที่นี่ แต่ในใจยังคาดหวังว่าเขาจะมา เช่นนี้พวกเขาจะได้เห็นสภาพที่เขาถูกโอวหยางซิวจัดการ
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เหล่านักเรียนที่รอชมการประลองยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้น โอวหยางซิวบนลานประลองยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ส่วนเด็กหนุ่มชุดฟ้ากลับไม่เห็นแม้เงา…
“เฟิ่งจิ่วคงไม่ใช่จะไม่มากระมัง?”
“เป็นไปได้ เจ้าเด็กนั่นดูเป็นคนไม่เอาไหน เขาเคยได้ยินความเก่งกาจของศิษย์พี่โอวหยางซิว จะยังกล้ารับคำท้าอีกหรือ?”
“จริงด้วย เดาว่าคงไม่กล้ารับคำท้าและไปซ่อนตัว”
“น่าเสียดาย ข้ายังอยากเห็นเขาโดนศิษย์พี่โอวหยางซิวจัดการนะ!”
นักเรียนคนหนึ่งได้ยินเสียงพูดคุยจากทุกคน ก็กดเสียงเบากล่าวว่า “คำพวกนี้พวกเจ้าคุยกันที่นี่เป็นพอ อย่าให้พวกอาจารย์ได้ยินเชียว มิเช่นนั้นก็เตรียมรับโทษหนัก”
“ทำไมรึ หรือว่าไม่ให้พูด?” อีกคนหนึ่งไม่สนใจเท่าไร
“พวกเจ้ายังไม่ได้ยินหรือ เมื่อเช้านี้อาจารย์หลูฟื้นแล้ว ตอนนี้พวกอาจารย์ยอมรับในทักษะการแพทย์ของเฟิ่งจิ่วอย่างสุดใจ แต่ละคนต่างพูดปกป้องเขา หากพวกเขาได้ยินเราบอกว่าอยากให้เฟิ่งจิ่วโดนเล่นงาน จะไม่จัดการพวกเราได้หรือ?”
“หา? อาจารย์หลูฟื้นแล้วจริงหรือ”
“ใช่! ฟื้นแล้ว เมื่อเช้าเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักเข้าไปดู”
“นึกไม่ถึงเลย! เจ้านั่นเก่งจริงๆ”
“นั่นสิ เล่ากันว่าวันนั้นหมอสองคนของสำนักศึกษาแค่เป็นผู้ช่วยให้เขา จิ๊ ได้หน้าไปมากโขเลย หมอของสำนักศึกษาที่แม้ตระกูลข้าอยากเชิญยังเชิญไปไม่ได้ กลับไปเป็นผู้ช่วยให้เจ้านั่นเสียนี่”
“นี่ๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเจ้าดูสิ ศิษย์พี่โอวหยางซิวไปแล้ว” คนหนึ่งด้านล่างพูดขึ้น แล้วสื่อให้คนข้างกายมองคนที่เหยียบกระบี่บินไปยังสำนักยาเซียน
………………………………………………….
ตอนที่ 728 เจ้ามาทำอะไรที่นี่?
“คงไม่ได้ไปหาเรื่องเฟิ่งจิ่วที่นั่นกระมัง?”
“ถุย! หากเจ้าเด็กนั่นซ่อนตัวอยู่ในอาศรม เดาว่าศิษย์พี่โอวหยางไปก็เปล่าประโยชน์ เขตอาคมที่นั่นเสริมความแข็งแกร่ง ว่ากันว่าหากเจ้าเด็กนั่นกำลังหลับจะวางเขตอาคมกันเสียงไว้ ไม่ว่าด้านนอกเสียงดังเพียงใด ข้างในถึงฟ้าผ่าก็ยังไม่ขยับ”
“ไปๆๆ ไปดูเสียหน่อย”
เหล่านักเรียนสนทนากัน แต่ละคนตามหลังไปยังอาศรมของเฟิ่งจิ่ว
กวนสีหลิ่นได้ยินข่าวยังไม่สนใจ คนชื่อโอวหยางซิวนั่นไปก็ไม่มีประโยชน์ เสี่ยวจิ่วไม่ได้อยากสู้กับเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นกลางก็ไม่น่าเป็นคู่ต่อสู้เสี่ยวจิ่วได้
ข่าวว่าโอวหยางซิวไปหาเฟิ่งจิ่วถึงอาศรมกระจายไปอย่างรวดเร็ว เหล่าอาจารย์กับเจ้าสำนักรวมถึงรองเจ้าสำนักได้ยินข่าวแต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าเรื่องนี้ปล่อยพวกคนหนุ่มสาวแก้ปัญหากันเองดีกว่า
เป็นดังทุกคนคาดการณ์ไว้ โอวหยางซิวมาถึงอาศรมเฟิ่งจิ่ว แน่นอนว่าไม่เห็นแม้แต่คน สามสัตว์อสูรที่เฝ้านอกอาศรมเพียงชำเลืองมองเขาแล้วแยกย้ายไปหาที่เดินเล่น
เมื่อไม่เห็นตัวเฟิ่งจิ่ว โอวหยางซิวไม่กลับไป แต่นั่งลงขัดสมาธิด้านนอกอาศรม เริ่มหลับตาฝึกจิต คิดจะเฝ้าอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะออกมา
เมื่อเยี่ยจิงที่ได้ยินข่าวมาถึง เห็นเขานั่งขัดสมาธิอยู่หน้าอาศรมและไม่มีท่าทีว่าจะจากไป นางลังเลสักพัก สุดท้ายยังคงเข้าไปเรียก “ศิษย์พี่โอวหยาง”
ทั้งสำนักศึกษาต่างรู้ว่าเขาชอบพอนาง แต่นางไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เยี่ยจิงคิดเหมือนพวกนักเรียนว่าเขาจะประลองกับเฟิ่งจิ่วเพราะตัวเอง
ทั้งที่นางเคยบอกเขาไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย เขาก็เคยบอกว่ารู้ว่าตนเองต้องทำอย่างไรต่อจากนี้ แต่ทำไมถึงยังท้าประลองกับเฟิ่งจิ่ว?
โอวหยางซิวที่หลับตาลืมตาขึ้น มองเยี่ยจิงตรงหน้า ไม่รอนางเอ่ยปากก็กล่าวว่า “ข้าท้าประลองกับเขาไม่ใช่เพราะเจ้า”
เยี่ยจิงได้ยินดังนี้ก็ถอนหายใจโล่งอกพร้อมเอ่ยเสียงเบา “เขาคงไม่รับคำท้า การรับคำท้าสำหรับเขาคือปัญหายุ่งยาก คนอย่างเขานั้นเกลียดความยุ่งยากนัก”
“เหมือนเจ้าจะเข้าใจเขามาก” เขามองนางนิ่งๆ ถามว่า “เจ้าชอบเขาหรือ?”
เยี่ยจิงยิ้มน้อยๆ “เขาเป็นเพื่อนข้า”
“เช่นนั้นเจ้าควรแนะนำให้เขาออกมาประลองกับข้าเสีย มิเช่นนั้นข้าจะไม่กลับไป” เขากล่าวเสียงเข้ม สายตาหยุดลงบนอาศรมเบื้องหน้า ตอนที่พบหนุ่มน้อยครั้งแรก ก็แค่อยากเห็นเสียหน่อยว่าเฟิ่งจิ่วคนนี้เป็นคนเช่นไรกันแน่
ทว่าหลังจากเห็นเขา กลับมีความรู้สึกชั่ววูบว่าอยากจะประลองด้วย สัญชาตญาณบอกเขาว่าเฟิ่งจิ่วไม่ใช่นักเรียนทั่วไป!
เยี่ยจิงส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้ หากเจ้าจะรอที่นี่ก็รอไปเถอะ! แต่สุดท้ายเจ้าก็มาแค่เสียเวลาอยู่ที่นี่เท่านั้น” นางพูดจบก็มองอาศรม หมุนตัวออกไปไม่อยู่ต่ออีก
โอวหยางซิวเห็นเช่นนั้นก็หลับตาลง ไม่สนใจนาง แต่นั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญเงียบๆ
พวกนักเรียนที่ตามมาเห็นดังนั้นจึงทยอยกันออกไป
ดูท่าทางนักเรียนโอวหยางคิดจะเฝ้าอยู่หน้าอาศรม แต่เฟิ่งจิ่วคนนั้นท่าทางจะไม่ออกมา สองคนนี้มีเวลาให้เสียไปที่นี่ ทว่าพวกเขาไม่มี
ถึงเวลาอาหารเย็น เขตอาคมเปิดออก เฟิ่งจิ่วในชุดสีฟ้าเดินบิดขี้เกียจออกมา เมื่อเห็นร่างนั้นนั่งอยู่หน้าอาศรมก็สะดุ้งตกใจ
“โอวหยางซิว? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เธอเบิกตาโตเอ่ยถาม
………………………………………………….