เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 777 กลุ่มอำนาจในป่า + ตอนที่ 778 อย่าได้ถือโทษ
ตอนที่ 777 กลุ่มอำนาจในป่า + ตอนที่ 778 อย่าได้ถือโทษ
ตอนที่ 777 กลุ่มอำนาจในป่า
ชายร่างใหญ่คนนั้นได้ยินเช่นนี้ ถึงจะขยับดาบยาวออก แล้วบอกทั้งสองว่า “ไปกันเถอะ!” ระหว่างพูด พวกเขาก็ลอมเฟิ่งจิ่วกับไป๋เสี่ยวไว้ตรงกลาง กันทั้งสองหนีไป
“เดี๋ยวก่อน” เฟิ่งจิ่วตะโกน
“หรือว่าเจ้าคิดกลับใจ?” ชายร่างใหญ่คนนั้นถลึงตากวาดมองไปอย่างดุร้ายน่ากลัว
“แน่นอนว่าไม่ ข้าแค่กำลังคิดว่า ไปคารวะครั้งแรก อย่างไรต้องให้ของขวัญพบหน้ากับพี่ชายเสียหน่อยไม่ใช่หรือ?” เธอยิ้มๆ แล้วชี้ยังสถานที่ไม่ไกล “ทางนั้นมีหมูป่าที่พวกเราล่ามาได้ก่อนหน้านี้ แบกไปด้วยกันเถอะ!”
“หึ นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูจะมีมารยาทยิ่ง” หนึ่งคนในนั้นหัวเราะเยาะเย้ย สาวก้าวยาวเดินไปทางนั้น ไม่นานนักก็แบกหมูป่าตัวนั้นที่ไป๋เสี่ยวจัดการเรียบร้อยเดินเข้าไป
พวกเขาถึงจะเดินตามไปยังส่วนลึก ระหว่างทางไป๋เสี่ยวดึงๆ แขนเสื้อเฟิ่งจิ่ว ส่งสายตาให้สัญญาณถามว่าขั้นต่อไปจะทำอย่างไร?
เฟิ่งจิ่วเห็นท่าทางก็ยิ้มอย่างไม่สนใจ ลดเสียงเบาลงเอ่ยข้างหูเขาว่า “เห็นโอกาสก็ลงมือทันที ไม่ต้องกลัวหรอก”
“สองคนคุยจิ๊จ๊ะอะไรกัน?” ด้านหลังมีคนตะคอก
“น้องชายข้าคนนี้ใจเสาะ ข้ากำลังบอกเขาว่าไม่ต้องกลัว มาถึงที่นี่ยังมีคนปกป้องพวกเรา” เฟิ่งจิ่วหันกลับไปยิ้ม ชายร่างใหญ่คนนั้นมองรอยยิ้มแพรพราวเสียจนกระซิบเสียงเบาอย่างอดไม่ได้
เป็นนักเก็บดอกไม้ตามคาด ใบหน้านี้น่ามองกว่าผู้หญิงเสียอีก
ภายใต้การนำทางของพวกเขา ทุกคนมุ่งไปยังส่วนลึกและเดินผ่านถนนเส้นนั้นที่วางค่ายกลไว้ แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย ข้างในนี้มียอดฝีมือมากมาย ค่ายกลที่นี่วางอย่างชาญฉลาด หนึ่งค่ายกลเชื่อมกับอีกหนึ่ง นอกเหนือความคาดหมายเธอไปบ้าง
“ค่ายกลนี้ใครเป็นคนวาง? ชาญฉลาดเช่นนี้เชียว?”
“แหะ นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูจะสายตาดีนัก เดี๋ยวเดียวก็ดูออกถึงความละเอียดของค่ายกลนี้แล้วหรือ?”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งด้านหลังฉีกยิ้มกว้าง “พี่ใหญ่เป็นคนวาง เพราะมีค่ายกลนี้ กิจกรรมภายในนี้ของพวกเราถึงยิ่งมีอิสระ หนำซ้ำสัตว์ร้ายพวกนั้นยังทำอะไรเราไม่ได้”
“โอ้? เช่นนี้เอง! พี่ใหญ่เป็นคนที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดของที่นี่หรือ?” เธอเอ่ยถาม
“กำลังโดยทั่วไปภายในนี้ล้วนอยู่ประมาณยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ยังมีปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด พี่ใหญ่เหมือนจะเป็นปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ข้าได้ยินเขาบอกว่าเซี่ยงหวาก็อยู่ที่นี่ด้วย กำลังวรยุทธ์เขาไม่ใช่แค่ปรมาจารย์พลังวิญญาณ หนำซ้ำเล่ากันว่าคนคนนี้ป่าเถื่อนเป็นนิสัย พี่ใหญ่กำลังคิดวิธีเอาชนะคนคนนี้”
“หุบปาก จะพูดกับเขามากมายเพียงนั้นทำไม?” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งตรงหน้าหันกลับมาตะคอก แล้วถลึงมองชายร่างใหญ่ด้านหลังคนนั้นอย่างดุร้าย
“เป็นคนกันเองทั้งนั้น คุยกันเสียบ้างจะเป็นอะไรไป?” เฟิ่งจิ่วยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะเดินตามพวกเขาไป กระทั่งหลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม เดินผ่านค่ายกลสุดท้าย ในที่สุดก็เห็นชายร่างสูงใหญ่บ้างยืนบ้างนั่งอยู่สองฝั่งอย่างไม่ขาดสาย
คนพวกนั้นเห็นสองคนหน้าใหม่เข้ามาใหม่ สายตาแต่ละคนพินิจมองบนร่างทั้งสอง และส่วนมากสุดจะหยุดลงบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดงรูปโฉมงดงามคนนั้น
เห็นรูปโฉมเด็กหนุ่มคนนั้นงามกว่าผู้หญิงหลายเท่า แววตาชายร่างใหญ่บางคนสั่นไหวเล็กน้อย จ้องมองเฟิ่งจิ่วนิ่งๆ เช่นนั้นโดยไม่ปิดบังความสนใจในสายตาแม้แต่น้อย
“ต้าซาน เจ้าหนูสองคนนี้มาได้อย่างไร? พากลับมาจากไหน?” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเชิดคางขึ้นพลางเอ่ยถาม
“เจอกันระหว่างทาง พวกเราคุมตัวกลับมา เจ้าหนูชุดแดงคนนั้นบอกว่าเป็นโจรเก็บดอกไม้” ชายร่างใหญ่ที่นำทางด้านหน้าตอบกลับ พลางถามว่า “พี่ใหญ่เล่า?”
………………………………………………….
ตอนที่ 778 อย่าได้ถือโทษ
“ให้เจ้าหนูสองคนนี้มาพบพี่ใหญ่? ดูอย่างกับไก่อ่อน ต้าซาน เจ้าพาใครไม่รู้มาที่นี่ได้อย่างไร?”
ชายร่างสูงใหญ่ที่พูดคนนั้นลุกยืนขึ้น ล้อมเฟิ่งจิ่วกับไป๋เสี่ยวไว้พลางพินิจมอง สายตาเผยความสนใจมองผ่านจากบนร่างไป๋เสี่ยว แล้วหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงแพรวพราว
“เจ้าหนู เจ้าเป็นโจรเก็บดอกไม้ รูปร่างเจ้านี้ไปเก็บคนอื่นหรือว่าถูกคนเก็บ? ฮ่าๆๆๆๆ…”
ทุกคนรอบๆ ได้ยินเช่นนี้ แต่ละคนต่างหัวเราะร่าขึ้นมา ดวงตาแต่ละคู่หยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่วพลางเดินมองเพลินๆ อย่างคิดลึก
“พวกจะ พวกเจ้าอย่ารังแกกันเกินไปนัก!” ไป๋เสี่ยวตะโกนอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย กำหมัดพลางถลึงมองพวกเขา กลับยังหดตัวอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วอย่างขลาดกลัวไปบ้าง
“รังแกพวกเจ้าแล้วอย่างไร? ไม่รู้หรือว่าคนมาใหม่ล้วนต้องถูกรังแก?” ชายร่างใหญ่คนนั้นชายตามองทั้งสอง พลันยื่นมือออกไปเชยคางเฟิ่งจิ่ว “หรือว่าเก็บดอกไม่มามากแล้ว พวกเจ้าดูสิ แม้แต่ใบหน้านี้ยังงามกว่าผู้หญิง… ซี๊ดอ๊าก!”
ยังไม่ทันคำพูดหยอกล้อ ก็สูดลมหายใจกรีดร้อง ทุกคนรอบข้างพลันตกใจ ต่างพากันลุกขึ้นยืน
เพียงเห็นเฟิ่งจิ่วเล่นกริชในมือ เช็ดคราบเลือดบนหน้าไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน และใต้เท้าเธอ ชิ้นส่วนนิ้วมือเปื้อนเลือดที่โดนตัดก็ถูกเธอเหยียบไว้ตรงนั้น
“จะพูดก็พูดไป อย่าใช้มือสกปรกมาชี้ข้า ดูซะ หากไม่ระวังจะทำให้นิ้วหายไปเสียหมด” เธอกล่าวอย่างเฉยเมย แล้วเลิกคิ้วชายตาเบาๆ ชายตามองชายฉกรรจ์คนนั้น
“เจ้าหนู เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ชายร่างใหญ่คนนั้นตะโกนเกรี้ยวกราด ฝืนทนความเจ็บที่โดนตัดนิ้วมือและใช้มืออีกข้างกำหมัดชกไปทางเฟิ่งจิ่ว ความเร็วว่องไว พร้อมด้วยเสียงชกฝ่าสายลม รุนแรงไม่น้อยเลย
หลังผลักไป๋เสี่ยวข้างกาย เฟิ่งจิ่วยกขาถีบกระเด็นออกไป ร่างสีแดงแวบผ่าน เพียงเห็นประกายหนาวเย็นวาดผ่าน แล้วชายฉกรรจ์คนนั้นก็ล้มลงพื้นทันใด
เพียงเห็นตรงคอมีเลือดไหลออก ร่างกายเขาชักดิ้นบนพื้น สายตาจ้องนิ่งยังเฟิ่งจิ่ว อยากจะพูดแต่ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่หายใจ ร่างเหยียดตรงแข็งทื่อตายไปบนพื้น
เห็นหนุ่มน้อยแค่ลงมือก็สังหารชายฉกรรจ์ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณไปคนหนึ่ง คนพวกนั้นที่เดิมทีคิดจะเข้าไปลังเลสักพักโดยฉับพลัน สายตาพินิจมองเขาอย่างระวัง
ทุกคนรอบข้างที่เคยหัวเราะเยาะก็เงียบลงเช่นกัน สายตาแต่ละคนหยุดลงบนร่างเขา มีความประหลาดใจและเข้าใจชัดเจน
ส่วนชายร่างใหญ่พวกนั้นที่พาพวกเฟิ่งจิ่วสองคนเข้ามาก็นิ่งไป ผ่านไปสักพักถึงจะได้สติกลับมา ร่างถอยหลังไปอย่างอดไม่ได้ เพื่อทิ้งระยะห่างจากพวกเขาสองคน
“ไม่ต้องกลัว ใครไม่ผิดใจข้า ข้าไม่ผิดใจใคร”
เธอเช็ดกริช พร้อมยิ้มด้วยสีหน้าไร้พิษสง “เรื่องต่อสู้ฆ่าแกงเช่นนี้ อันที่จริงข้าไม่ชอบนัก แต่บางครั้งพูดไปไม่มีใครฟัง ได้แต่ลงมือทันที พวกเจ้าอย่าได้ถือโทษ”
รอบข้างเงียบกริบ ใครก็ไม่ตอบรับเขา แค่ใช้สายตาราวกับมองสัตว์ประหลาดจ้องมองหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้น พวกเขาล้วนเป็นคนชั่วร้าย เรื่องฆ่าคนเช่นนี้ยังทำมาไม่น้อย
เวลานี้พวกเขารู้ลึกๆ ว่า สำหรับคนที่คร่าชีวิตคนได้ทั้งรอยยิ้มอ่อนๆ ความน่ากลัวของเขายังสูงส่งห่างไกลจากทุกคน ณ ที่นี้เสียอีก
ขณะที่ทุกคนครุ่นคิด บรรยากาศในอากาศเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งและกดดัน ประตูไม้บานพับบานนั้นภายในบ้านต้นไม้ก็เปิดออกเสียงดัง
เฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงประตูไม้เปิดออก เงยหน้ามองไปยังบ้านต้นไม้ เมื่อเห็นร่างนั้นที่เดินออกมา ในดวงตาก็ฉายแววแปลกใจ
………………………………………………….