เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 791 เริ่นเสียงแห่งหอสายลมหนาว + ตอนที่ 792 นายท่านข้าขายดีนัก
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 791 เริ่นเสียงแห่งหอสายลมหนาว + ตอนที่ 792 นายท่านข้าขายดีนัก
ตอนที่ 791 เริ่นเสียงแห่งหอสายลมหนาว + ตอนที่ 792 นายท่านข้าขายดีนัก
ตอนที่ 791 เริ่นเสียงแห่งหอสายลมหนาว
คำสาบานฟ้าดินปรากฏ ประกายแสงพุ่งเข้าสู่กลางหว่างคิ้วตู้ฝาน เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้า บอกกับทั้งสามว่า “ข้าจะบอกตัวตนกับพวกเจ้าสักหน่อยแล้วกัน! ข้านามเฟิ่งจิ่ว องค์หญิงราชวงศ์เฟิ่งหวงแคว้นระดับเก้า นอกจากตัวตนนี้ยังมีอีกตัวตนหนึ่งคือภูตหมอ ตอนนี้ฝึกกลั่นยาเซียนอยู่สำนักศึกษาหมอกดารา ในเมื่อพวกเจ้าติดตามข้าก็ควรเข้าใจเรื่องข้าไว้บ้าง เรื่องอื่นๆ เดินไปคุยไประหว่างทางเถอะ!”
“เดี๋ยวๆ องค์หญิง?” ไป๋เสี่ยวเบิกตามองเฟิ่งจิ่ว “พูดเช่นนี้ เจ้าเป็นผู้หญิงหรือ?”
“ผู้หญิงแล้วอย่างไร?” เธอเลิกคิ้วขึ้นชายตามองเขา
ไป๋เสี่ยวเพียงถูกสายตานางกวาดมองก็สะดุ้ง รีบร้อนบอกว่า “ไม่ใช่ๆ ข้าแค่กำลังคิดว่าที่แท้เจ้าเป็นผู้หญิง มิน่าเหล่าไป๋เห็นเจ้าถึงตามติดไม่ไปไหน”
“ไปเถอะ!” เธอหยิบป้ายหยกสามชิ้นให้ทั้งสาม หลังพาพวกเขาออกจากเขตอาคม ก็ไปยังเมืองใกล้ๆ เสียก่อน
เพราะเซี่ยงหวากับตู้ฝานสองคนอยู่ในป่าไม่มีอะไรเลย แม้แต่เสื้อผ้าบนร่างยังได้มาจากคนอื่น ด้วยเหตุนี้พอเข้าเมือง เธอจึงมอบถุงฟ้าดินให้ทั้งสองคนละใบ และสั่งพวกเขาไปซื้อพวกของใช้ประจำ
“ตอนเย็นมาเจอกันข้างหน้าร้านเหล้าตรงนั้นก็ได้” เธอชี้ๆ ร้านเหล้าตรงหน้า หลังกำชับสักสองสามประโยคก็ออกไปก่อน คิดจะไปสอบถามหาสถานการณ์วังกำเนิดสวรรค์ตอนนี้ที่กลุ่มอำนาจตำหนักยมราชที่นี่
หลังจากเดินวนในเมือง สายตาเธอหยุดลงตรงชั้นลอยบนหอแห่งหนึ่ง เห็นอักษรเขียนว่าหอสายลมหนาวนั้น นึกถึงประสบการณ์ครั้งนั้นที่ฮุยหลางโดนทิ้งมาไว้ที่นี่ ก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ชะงักไปเล็กน้อย แล้วสาวก้าวเดินเข้าไป
“คุณชายท่านนี้ ท้องฟ้ายังเช้า ในหอเรายังไม่เริ่มทำการค้าหรอก!” ชายที่นอนบนเก้าอี้นอนอย่างเกียจคร้านกำลังเอ่ยโดยไม่แม้แต่จะลืมตา
เฟิ่งจิ่วมองชายคนนั้น สวมชุดคลุมสีม่วง ตรงเอวมีจี้หยกห้อยลู่ข้างกาย บนหน้าถูกปิดไว้ด้วยหนังสือเล่มหนึ่ง ซ้ำยังมีทหารอารักขาคู่แฝดสองคนที่เหมือนกันไปหมดยืนอยู่ข้างกาย
“เริ่นเสียง?”
คนที่นอนได้ยินคำพูดนี้ถึงขยับตัว เลื่อนหนังสือที่ปิดบนหน้าลงมา เฟิ่งจิ่วเหลือบมองไปยังรูปลามกที่วาดไว้บนนั้นเสียจนมุมปากกระตุก
อ่านหนังสือลามกกลางวันแสกๆ มิน่าถึงเป็นคนเปิดโรงค้าเด็กหนุ่ม
เริ่นเสียงลืมตาชำเลืองมองผู้มาใหม่ เห็นเช่นนี้ก็สะดุ้งขึ้นมาทันควัน เดินวนรอบเฟิ่งจิ่วด้วยดวงตาเป็นประกายพลางเอ่ยเสียงจิ๊จ๊ะ “นี่ภูตหมอที่ทำให้นายท่านข้าหลงเสียจนหัวปักหัวปำไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงแจ้นมาที่นี่เล่า? ซ้ำยังรู้อีกว่าข้าเปิดหอสายลมหนาวที่นี่?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ก็หัวเราะ บอกว่า “ข้าเคยได้ยินฮุยหลางเอ่ยถึง ว่าเจ้าเป็นคนดูแลโรงค้าเด็กหนุ่ม พอดีผ่านมาที่นี่จึงเข้ามาดูเสียหน่อย”
ระหว่างพูดสายตาที่ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มก็หยุดลงบนใบหน้าที่โดดเด่นยิ่งกว่าฮุยหลางกับอิ่งอี “ได้ยินชื่อไม่เท่าพบหน้าจริงๆ”
“เช่นกันๆ” เขายิ้มอย่างมีความนัย ทำท่าทางเชื้อเชิญ “นานๆ ทีจะมา อย่างไรก็ต้องเชิญท่านดื่มสักแก้ว ไปๆๆ ข้างหลังยังมีเรือน”
“ได้สิ” เธอพยักหน้า แล้วตามเข้าไปยังด้านหลัง
ทั้งสองมาถึงภายในเรือนด้านหลัง นั่งลงตรงโต๊ะในลานบ้าน ทหารอารักขาคู่แฝดรินน้ำชาให้พวกเขาแต่ละคน จากนั้นค่อยถอยไปข้างๆ
เริ่นเสียงมองเฟิ่งจิ่วที่สวมชุดแดงแต่งตัวเป็นผู้ชายตรงหน้า ยิ้มเอ่ยว่า “มาถึงที่นี่มีเรื่องอะไรต้องให้ข้าช่วยหรือ?”
นึกถึงคำพูดที่นายท่านกำชับไว้ก่อนไป แววตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย และรู้ว่าคนตรงหน้านี้อนาคตหากไม่มีเหตุไม่คาดฝันก็จะเป็นฮูหยินของนายท่านพวกเขา
………………………………………………….
ตอนที่ 792 นายท่านข้าขายดีนัก
“ถูกต้อง ข้าอยากมาสอบถามข้อมูลวังกำเนิดสวรรค์เสียหน่อย” เฟิ่งจิ่วบอกแจ้งเจตนาที่มาโดยทันที
“วังกำเนิดสวรรค์? กลุ่มอำนาจนี้ช่วงนี้สร้างความวุ่นวายในแคว้นเหินเวหาไว้มากนัก แต่พวกเขาแบ่งเป็นสองฝ่าย แก่งแย่งอำนาจกันมาตลอด กลุ่มอำนาจไม่น้อยต่างเพ่งเล็งพวกเขา ทำไม ท่านสนใจกลุ่มอำนาจนี้หรือ?” เริ่นเสียงเกลี่ยน้ำชาเบาๆ พูดไปพลางก็เหลือบมองนาง
“อืม พูดเช่นนี้ก็ได้กระมัง”
เริ่นเสียงได้ยินเช่นนี้ หลังจิบน้ำชาก็วางแก้วลง บอกว่า “ยามนี้กลุ่มอำนาจนี้วุ่นวายไปบ้าง หนำซ้ำคนฝ่ายหนึ่งในนั้นฝีมือร้ายกาจ ทำให้ตระกูลและกลุ่มอำนาจไม่น้อยต่างไม่พอใจ เมื่อวานข้าเพิ่งได้รับข่าวว่ากลุ่มอำนาจฝ่ายร้ายหนึ่งในนั้นเพ่งเล็งภูเขาร้อยปี แต่ภูเขาร้อยปีนั้นมีตระกูลเล็กๆ อยู่ ตระกูลนั้นตั้งหลักปักฐานที่นั่นกันมาหลายรุ่น แต่ดูท่าทางพวกเขาจะวางแผนฆ่าล้างตระกูล คนวังกำเนิดสวรรค์สู้ขึ้นมายังโหดเหี้ยมกว่าตำหนักยมราชเรายิ่งนัก”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเฟิ่งจิ่วคร่ำเครียดเล็กน้อย ถามว่า “แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเล่า? จะปล่อยให้คนฝ่ายนั้นทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าหรือ?”
“คนฝ่ายนั้นมีค่อนข้างน้อย เล่ากันว่าเป็นคนที่เมื่อก่อนติดตามผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย เซี่ยงหวา เดิมทีมีห้าถึงหกสินคน ทว่าผู้นำฝ่ายร้ายนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ หาโอกาสฆ่าคนฝ่ายนั้นมาตลอด ยามนี้จึงเหลือไม่ถึงยี่สิบกว่าคน”
“ข้าเดาว่า แม้พวกเขาอยากต่อต้านก็ไม่มีกำลังเช่นนั้น” เขากล่าวไป สิ้นเสียงก็เห็นสีหน้านางเคร่งเครียดเล็กน้อย ถามว่า “ท่านสนใจกลุ่มอำนาจนี้จริงๆ หรือ? พวกเราช่วยได้หรือไม่?”
“พวกเจ้าให้ข้อมูลที่มีไว้ในมือกับข้าเป็นพอ ที่เหลือข้าจัดการได้” เธอกล่าวเสียงเข้ม
เขายิ้มๆ “ได้ แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลืออย่าลืมข้าด้วย นายท่านสั่งไว้แล้ว หากมีอะไรที่ต้องการให้ข้าร่วมมืออย่างเต็มที่ ตำหนักยมราชจะส่งคนไปให้ท่าน”
เธอได้ยินเช่นนี้ แววตาสั่นไหวเล็กน้อย คิดๆ แล้วถามว่า “เจ้ามีข่าวเขาหรือไม่?”
เริ่นเสียงแขนหนึ่งเท้าคาง รู้แล้วยังถามด้วยใบหน้ามีรอยยิ้ม “ใครหรือ?”
เฟิ่งจิ่วกวาดตามองเขา “แน่นอนว่านายท่านเจ้า”
“นายท่านนั่นเอง!” เขาทอดถอนใจ ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ค่อยดีนัก”
เธอได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นๆ ใจเล็กน้อย “จะไม่ดีได้อย่างไร? พิษเหมันต์พันปีในตัวเขากำเริบหรือ? หรือว่าเพราะอย่างอื่น?”
“มีหมดนั่นแหละ นอกจากร่างกาย สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร” เห็นความกังวลที่ปิดบังไว้ไม่อยู่ในดวงตานาง เขาเอ่ยว่า “จริงด้วย ข้าได้รับข่าว รู้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ท่านโดนโจมตี จากนั้นข้าจึงส่งข่าวไปให้นายท่าน เดาว่าหลังได้ยินข่าวท่าน เขาคงยิ่งเป็นห่วงกว่า”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ถลึงตา “เจ้ารู้แล้วยังส่งไป? ข้าไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย เจ้าส่งข่าวเรื่องนี้กลับไปเพียงทำให้เขากังวลใจเท่านั้นเอง จะส่งกลับไปทำไมกัน?”
“เดิมทีคนพวกนั้นคิดจะจับเจ้าไปเพื่อจัดการนายท่าน ในเมื่อข้าถูกนายท่านทิ้งให้จับตามองอยู่ที่นี่ มีเรื่องอะไรเล็กน้อยล้วนต้องรายงานเบื้องบนเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ?” เขายิ้มๆ กล่าวว่า “ข้าได้ยินว่าท่านกับนายท่านสัญญากันไว้สิบปี? คิดจะไม่เจอกันสิบปีจริงๆ หรือ?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็หลุดหัวเราะ ดวงตาสดใจที่มีรอยยิ้มกวาดมองเขาหัวจรดเท้า “แน่ใจหรือว่าเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ? ทำไมถึงช่างซุบซิบยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก?”
“ข้าแค่สงสัย เวลาสิบปีนั้นนานเกินไป จะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่มีทางคาดเดาก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ หากเกิดเหตุคาดไม่ถึงอะไรจริงๆ ถึงเวลานั้นเกรงว่าท่านอยากร้องไห้ยังหาที่ไม่ได้เลย ข้าจะบอกท่านตามตรงแล้วกัน! นายท่านข้าน่ะขายดีนักนะ”
………………………………………………….