เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 803 พวกเจ้ารู้ทางหรือไม่ + ตอนที่ 804 หลงทางในป่าผีสิง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 803 พวกเจ้ารู้ทางหรือไม่ + ตอนที่ 804 หลงทางในป่าผีสิง
ตอนที่ 803 พวกเจ้ารู้ทางหรือไม่ + ตอนที่ 804 หลงทางในป่าผีสิง
ตอนที่ 803 พวกเจ้ารู้ทางหรือไม่
“หายไป? หมายความว่าอย่างไร?” แววตาเฟิ่งจิ่วคร่ำเครียดเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นเยียบบางส่วน
“ตอนกลางวันเขาบอกจะออกไปซื้อนิดหน่อยเดี๋ยวกลับมา ใครจะรู้ว่าตลอดจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นคน ข้าออกไปตามหารอบหนึ่งยังไม่พบ ถามรอบๆ ก็ไม่มีข่าว”
ตู้ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าว “ข้าไปถามตรงประตูเมือง แค่คนเฝ้าประตูเมืองบอกว่าคนเข้าออกมากเกินไปจึงจำไม่ได้ขอรับ”
เฟิ่งจิ่วเดินออกมาและลงไปชั้นล่าง มาถึงนอกโรงเตี๊ยมมองๆ ท้องฟ้า แววตาสั่นไหวเล็กน้อย
“คุณชายคิดว่าคนภูเขาร้อยปีจะจับเขาไปหรือเปล่า?” เซี่ยงหวาเอ่ยถาม
เธอมองยังเขา ถามว่า “นอกจากเรื่องนี้ หรือยังมีเรื่องอื่น?” พวกเขามาถึงที่นี่แค่ไม่กี่วัน ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ยิ่งไปกว่านั้นคนที่โดนจับยังเป็นเจ้าเด็กเสี่ยวไป๋ นอกจากคนภูเขาร้อยปีนั้นยังมีใครอีก?”
“ดูท่าทางคงกังวลว่าข้าจะไม่ไปถึงจับเสี่ยวไป๋ไป เจตนาที่จะต้องให้ข้าไปเช่นนี้คืออะไรกัน?” วันนั้นเธอกับเสี่ยวไป๋เข้าไปด้านในค่ายกล คนชุดคลุมดำคนนั้นยังให้พวกเขาออกไป แต่ถึงวันนี้ยังไม่ไป พวกเขากลับมาหาถึงประตู?
“ตอนนี้ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว นายท่าน ต้องให้พวกเราไปหรือไม่?” ตู้ฝานเอ่ยถาม สายตาหยุดลงบนร่างนาง
“ไปสิ จะไม่ไปได้อย่างไร? ในเมื่อใช้วิธีจับคนมาข่มขู่ข้าต้องไปแน่นอน หากข้าไม่ไปพวกเขาจะยอมวางมือหรือไร?” เธอเอ่ยเสียงเย็นเล็กน้อย บอกทั้งสองว่า “พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่เถอะ!”
“นายท่าน ข้าจะไปกับท่าน” ตู้ฝานกล่าว
“ข้าก็ไปด้วย”
เซี่ยงหวายังเอ่ยปาก มองนางพลางเอ่ยว่า “ไม่มีเหตุผลต้องให้คุณชายไป ส่วนพวกเราอยู่ที่นี่ หนำซ้ำข้าอยากจะไปดูเสียหน่อยว่าพวกเขารอดหรือตาย”
เธอเห็นเช่นนี้ ก็เหลือบมองทั้งสอง กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปเถอะ!” กล่าวจบถึงพาสองคนมุ่งไปยังภูเขาร้อยปี
เมื่อพวกเขามาถึงภูเขาร้อยปี ท้องฟ้ามืดลงอย่างสิ้นเชิง ขณะกำลังจะขึ้นเขา ตู้ฝานจุดไฟส่องทาง ในอากาศยังคงมีกลิ่นอายน่าสะพรึงเช่นนั้น ลมเย็นพัดมาบ่อยครั้ง ทำให้คนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่เดินด้านหน้ากลับมีท่าทางปกติ แค่วิญญาณเท่านั้นไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอ แต่ที่นี่ให้ความรู้สึกแปลกและอันตรายเกินไปจึงไม่อยากมายุ่งเกี่ยว นึกไม่ถึงเธอไม่อยากมา แต่คนที่นี่ดันอยากให้มา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจะมาดูเสียหน่อยว่าที่นี่เป็นสถานที่บ้าอะไรกันแน่!
“ซู่…”
เสียงปลิวสะบัดลอยมาท่ามกลางค่ำคืนพร้อมกับสายลมหนาว ราวกับมีผีส่งเสียงโหยหวนข้างหูทั้งสาม กึกก้องไปเบาๆ เสียงนั้นไม่ทันสิ้นสุด ยังได้ยินต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ส่งเสียงซู่ซ่า เหมือนมีคนกำลังเดินไปมากลับไม่เห็นร่างคน
“ตึกๆๆ…”
เหล่าเสียงฝีเท้าที่ไม่ใช่ของพวกเขาดังขึ้นด้านหลัง ทั้งวุ่นวายและชัดเจน เซี่ยงหวาที่เดินตามหลังถลึงดวงตาพยัคฆ์ ก่อนจะดึงกระบี่คมกวาดไปทางด้านหลัง
“พวกแกล้งหลอกผี!”
“อ๊าก…”
เมื่อพลังกระบี่รุนแรงโจมตีออกไป คล้ายว่ามีเสียงตื่นตกใจลอยมา เพียงได้ยินเสียงกระแสลมวาดไปกลางท้องฟ้ายามราตรี เสียงฝีเท้าด้านหลังหายไปอีกครั้ง ราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
“เหอะๆ…”
ทว่าหลังเสียงฝีเท้านั้นหายไป ภายในอากาศกลับมีเสียงหัวเราะแปลกๆ ลอยมาแว่วๆ เสียงหัวเราะนั้นดังมาไกลๆ จนเหมือนหยุดอยู่ข้างกายพวกเขา
ทันใดนั้นวิญญาณสีขาวก็ลอยมาเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว สีหน้าซีดขาว เส้นผมสีดำปล่อยสยายปิดหน้าเขาไว้ครึ่งหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นที่มีประกายสีดำประหลาดน่ากลัวจ้องมองยังเฟิ่งจิ่ว…
………………………………………………….
ตอนที่ 804 หลงทางในป่าผีสิง
“พวกท่านรู้ทางไหม… ไม่เป็นไร ข้ารู้ทาง จะนำทางให้พวกท่านแล้วกัน… อ๊าก…”
คำพูดแผ่วเบาที่มีไอหนาวเย็นน่าสะพรึงเปล่งออกมา ทว่าเพิ่งกล่าวจบก็ส่งเสียงกรีดร้องรุนแรง เสียงกรีดร้องเล็กแหลมนั้นแทบจะตัดผ่านท้องฟ้ายามราตรีในชั่วขณะนั้น และทำลายซึ่งกลิ่นอายน่ากลัวภายในนี้ ทันใดนั้นราวกับมีเสียงนกตีปีกบินลอยมมาท่ามกลางค่ำคืน
ตู้ฝานกับเซี่ยงหวาสองคนร่างกายตึงเกร็ง แทบพูดได้เลยว่าตั้งแต่เหยียบเข้ามาที่นี่ทั้งสองก็ตกอยู่ในความตึงเครียดขั้นสูง
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นวิญญาณสีขาวน่ากลัวแปลกๆ นั้นที่ปรากฏตัวตรงหน้าเฟิ่งจิ่วอย่างกะทันหัน ขณะที่ตกใจเสียจนใจหวั่นๆ และกำลังจะเอ่ยปากส่งเสียงตะโกน กลับเห็นเฟิ่งจิ่วพลิกฝ่ามือ แล้วเปลวไฟก็แผดเผาวิญญาณดวงนั้นหายลับไปทันตาเช่นนั้น…
เห็นภาพเช่นนี้ ทันทีที่พวกเขาโล่งใจ ยิ่งแอบๆ ตกตะลึง เพราะพวกเขาสังเกตว่าเดิมทีบนร่างนางไม่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณพุ่งพล่าน ทว่าทันใดนั้นเองบนมือกลับมีเปลวไฟหนึ่งลุกโชนในทันที พลันแผดเผาวิญญาณดวงนั้นด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบ ถึงขั้นทำให้วิญญาณนั้นไม่มีแม้แต่เวลาหนี
พวกเขานึกว่าผู้หญิงมักจะเกิดกลัวภูตผี หนำซ้ำความกลัวเช่นนี้ยิ่งมาจากกระดูกดำ แทบจะเป็นสัญชาตญาณ แต่นึกไม่ถึงว่านางกลับมองวิญญาณดวงนั้นอย่างใจเย็นยิ่ง เพียงสะบัดมือก็ทำให้วิญญาณนั้นหายลับไป…
“ข้าจะเข้ามายังต้องให้เจ้ามานำทางอีกหรือ?” เฟิ่งจิ่วแค่นเสียงเย็น สะบัดมือดับเปลวไฟ แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป
สองคนด้านหลังไม่กล้าหยุดอยู่ รีบร้อนตามหลังนางไปติดๆ
ยามนี้ตู้ฝานถึงรู้ว่าวรยุทธ์ค่ายกลนายท่านยังเหนือกว่าเขา อยู่ในนี้เขายังต้องหาซ้ายวนขวาตรวจดูอย่างละเอียด นางกลับเดินตามใจชอบเช่นนั้น แต่ทุกจุดที่เหยียบกลับเป็นดวงตาค่ายกลทั้งนั้น ค่ายกลที่เคยขยับเปลี่ยนถึงตรงนี้มีเพียงทางด้านหน้าที่เปลี่ยนไป จนช่วงท้ายแทบจะเป็นเช่นถนนใหญ่เส้นตรง
คล้ายว่าเพราะเธอสะบัดมือทำลายวิญญาณดวงหนึ่ง ระหว่างทางต่อจากนั้น นอกจากเสียงแปลกๆ พวกนั้นที่ลอยมากลางค่ำคืน ก็ไม่มีวิญญาณโผล่มาข้างกายพวกเขาอีก แม้แต่เสียงฝีเท้าก่อนหน้าพวกนั้นยังไม่ปรากฏ
กระทั่งพวกเขาเดินออกจากค่ายกลหลงทางนั้น มาถึงด้านในสิ่งที่เห็นกลับยังคงเป็นผืนหมอกที่กระจายไปท่ามกลางความมืดมิด แต่ภายในหมอกเหล่านี้ยังมีดวงไฟวิญญาณสีฟ้าอ่อนลอยละล่องรางๆ
ไม่รู้พวกเขาตาฝาดหรือเปล่า เซี่ยงหวากับตู้ฝานเพียงเห็นว่าภายในค่ำคืนมืดมิด ไม่ว่าท้องฟ้าหรือผืนดิน บนต้นไม้หรือภายในพุ่มหญ้า ล้วนมี… ผีแต่ละตนเป็นเงาตะคุ่มๆ!
จำนวนที่มากมายนั้นทำให้พวกเขาสูดลมหายใจเสียดื้อๆ
เฟิ่งจิ่วตรงหน้ากวาดมองรอบๆ อย่างเย็นชา วิญญาณเหล่านั้นล้วนอยู่ในสายตา เสียงร้องวุ่นวายเบาๆ พวกนั้นกึกก้องไปกลางอากาศ ตามสายลมกลางคืนที่ล่องลอยไป
เวลานี้เอง หมอกผืนตรงหน้านั้นราวกับถูกเปิดออก และเก็บไปยังสองฝั่งเสียเอง เผยให้เห็นถนนเส้นเล็กที่คดเคี้ยว คนชุดดำที่สวมผ้าเสื้อสีดำปรากฏตัวบนเส้นทางนั้น เงยหน้าเล็กน้อยมองมายังเฟิ่งจิ่ว
“เชิญเข้าไปได้ขอรับ” คนคนนั้นหันข้างเล็กน้อย พร้อมทำท่ามือเชื้อเชิญ
วันนั้นไม่ได้พินิจมองโดยละเอียด ยามนี้เห็นอีกครั้ง เฟิ่งจิ่วถึงจะพบว่าคนชุดดำดังกล่าวคนนี้จริงๆ เป็นวิญญาณผู้ฝึกตน
ในเมื่อเป็นวิญญาณผู้ฝึกตน ก็อธิบายได้ว่าทำไมวันนั้นเขาถึงปรากฏตัวบริเวณไม่ไกลจากพวกเขาอย่างไร้กลิ่นไร้เสียงได้โดยไม่ทันสังเกต
………………………………………………….