เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 805 โฉมงามแสนสวย + ตอนที่ 806 หวันเหยียนเชียนหวา
ตอนที่ 805 โฉมงามแสนสวย + ตอนที่ 806 หวันเหยียนเชียนหวา
ตอนที่ 805 โฉมงามแสนสวย
พวกเขาเดินตามวิญญาณผู้ฝึกตนดวงนั้นไปด้านใน ระหว่างทางยังพบเห็นดวงวิญญาณพวกนั้นลอยล่องอยู่ไม่น้อย อาจเพราะมีวิญญาณผู้ฝึกตนดวงนั้นนำทาง วิญญาณพวกนั้นจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ดวงตาแต่ละคู่กลับยังมองพวกเขาสามคน
พวกเขาเดินไปตลอดทาง สองฝั่งที่เดิมทีมืดสนิทไร้โคมไฟก็มีดวงไฟวิญญาณสีเขียวอ่อนแต่ละดวงส่องแสง ทำให้ถนนเส้นเล็กที่คดเคี้ยวนั้นสว่างไสว ท่ามกลางหมอกเหมือนเห็นได้ว่าตรงหน้ามีเรือนหลังหนึ่งอยู่รางๆ
เรือนหลังนั้นดูคล้ายว่าอยู่ตรงหน้า แต่เดินไประยะหนึ่งยังดึงเข้าใกล้ไม่ได้
สายตาเซี่ยงหวาที่ตามหลังเฟิ่งจิ่วมองผ่านบนร่างวิญญาณที่ลอยล่องนั้น ใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้หัวใจสั่นสะท้าน มองไปอีกครั้งบนร่างแต่ละคนนั้นเหลือเพียงชุดขาว เส้นผมปล่อยสยาย บางคนชุดขาวบนร่างเปื้อนเลือด ลอยล่องไปกลางอากาศราวกับไม่รู้ว่าจะไปที่ใด
เขาสังเกตว่าวิญญาณในนี้เหมือนจะไปจากภูเขานี้ไม่ได้ ทำได้เพียงล่องลอยบนภูเขานี้
วิญญาณผู้ฝึกตนตรงหน้าหยุดฝีเท้าลง ผลักเปิดประตูใหญ่จวนนั้น แล้วน้ำเสียงแหบแห้งไร้คลื่นก็เปล่งออกจากปากวิญญาณผู้ฝึกตน “นายท่านข้าเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับไว้ให้พวกท่านแล้ว เชิญขอรับ”
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองไป เห็นด้านบนเรือนนี้เขียนอักษรไว้เพียงว่า จวนหอมหมื่นลี้
เธอคิดว่าน่าจะเป็นจวนผีสิงมากกว่ากระมัง!
ทางเข้ามีสิงโตหินสองตัว ซ้ายขวาประตูใหญ่ยังแขวนโคมแดงสองอันที่สั่นไหวเบาๆ กลางสายลมราตรี ประตูใหญ่ไม้แดงเปิดออก แสงไฟด้านในสลัวๆ แสงสว่างไม่มากกลับยังเห็นได้
สาวก้าวเดินเข้าไป สิ่งที่เห็นไม่ใช่วิญญาณอีกต่อไป แต่เป็นวิญญาณผู้ฝึกตน วิญญาณผู้ฝึกตนแต่ละดวงเป็นดั่งทหารอารักขาเฝ้าจวนนี้ไว้ มีทั้งชายหญิง ผู้หญิงเป็นเช่นสาวใช้ปกติในตระกูล ในมือยกสิ่งของเดินไปเดินมา ดูแล้วยุ่งมากๆ
ภายใต้การนำทางของวิญญาณผู้ฝึกตนนั้น พวกเขาเดินไปด้านหลัง กระทั่งมาถึงกลางป่าไผ่ ที่นั้นจัดแต่งงานเลี้ยงไว้แล้ว ดวงไฟวิญญาณภายในป่าเป็นของตกแต่ง ลอยล่องไปราวกับหิ่งห้อยตัวใหญ่
โต๊ะยาวที่เรียงเป็นแถวตรงงานเลี้ยง ไป๋เสี่ยวหมดสตินอนฟุบบนเก้าอี้ ส่วนบนตำแหน่งอาวุโสนั้นเป็นหญิงสาวสวยหยาดเยิ้มที่สวมชุดแดงทรงเสน่ห์
เสื้อผ้าน้อยชิ้นไม่อาจปกปิดเรือนร่างอวบอิ่มชั้นดี ผ้าบนร่างยังปิดหน้าอกและห่อหุ้มสะโพกไว้อย่างวับๆ แวมๆ ตรงอื่นแม้มีผ้าไหมบางปกปิดยังแทบจะเปลือยเปล่า
ขายาวที่ไขว่ห้างกันนั้นวางอยู่บนเก้าอี้อีกตัว ทั้งขาวเนียนและเรียวยาว ร่างกายพิงไปบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านเช่นนั้น นิ้วมือที่ทาน้ำยาสีดำม้วนเกี่ยวเส้นผมที่ลู่ลงตรงแก้มเล่นเบาๆ
หญิงสาวงามเลิศราวกับแม่มด ใบหน้าแต่งด้วยสีดำเขียนคิ้วตาที่ผู้หญิงใช้ค่อนข้างน้อย แต่งหน้าเช่นนี้ทำให้นางดูงดงามมีเสน่ห์ อายุประมาณยี่สิบห้า รูปร่างอิ่มเอิบเต็มวัยอย่างยิ่ง ผิวนางขาวมาก โดยเฉพาะภายใต้ชุดแนบเนื้อจากผ้าไหมแดงยิ่งไร้ตำหนิดุจหยกขาว ทั่วร่างยังมีกลิ่นอายอันตรายน่าดึงดูด
นี่เป็นโฉมงามแสนสวย เป็นโฉมงามแสนสวยที่รวมทั้งความยั่วยวน น่าดึงดูด มีเสน่ห์และสวยหยาดเยิ้มไว้ในคนเดียว เป็นโฉมงามแสนสวยที่อันตราย หนำซ้ำเป็นโฉมงามแสนสวยที่ทำให้เธอเห็นยังชื่นชมและนับถืออย่างอดไม่ได้
แม้รู้สถานการณ์ตอนนี้ ทั้งสองแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่ แต่ไม่พูดไม่ได้ว่าทันทีที่เห็นหญิงสาวคนนี้ เธอก็เกลียดไม่ลง
เพราะสวยเกินไป งามเสียจนเจริญตาสบายใจ และทำให้จิตใจเบิกบาน
เธอเผยรอยยิ้มออกมาในทันที ถามว่า “พี่สาวท่านนี้นามว่าอะไร?”
………………………………………………….
ตอนที่ 806 หวันเหยียนเชียนหวา
ขณะเฟิ่งจิ่วพินิจมองหญิงคนนั้น นางก็พินิจมองเฟิ่งจิ่วเช่นกัน ตนเองก็ชอบสวมชุดแดง ซ้ำยังเคยเห็นคนสวมชุดแดงมาไม่น้อย แต่คนที่สวมชุดแดงอย่างมีรสนิยมเช่นนี้กลับไม่มาก ส่วนหนุ่มน้อยตรงหน้านี้เหมือนจะเป็นคนหนึ่ง
รูปโฉมโดดเด่นและท่าทางชั่วร้าย แต่ดันมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ที่มาแต่กำเนิด ภายในท่าทางและคำพูดสบายๆ ยังมีความเกียจคร้านและสง่างาม ไม่พูดไม่ได้ว่าเห็นหนุ่มน้อยคนนี้ครั้งแรกก็รู้สึก… ถูกชะตานัก
ถูกชะตาจนมีแรงกระตุ้นที่อยากจะเก็บเขามาอยู่ด้วยกัน
“หวันเหยีนเชียนหัว เจ้าล่ะ?”
วิญญาณผู้ฝึกตนที่คอยข้างๆ นั้นเห็นนางเอ่ยชื่อออกไปจริงๆ พลันแปลกใจเล็กน้อย มองไปทางนางเห็นนางมองเด็กหนุ่มชุดแดงนั้นด้วยสีหน้าสนใจ ก็ยืนอยู่ข้างๆ เงียบๆ
“ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว”
เธอยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินเข้าไปลากเก้าอี้ออกมานั่ง “เดิมนึกว่าเจ้าของภูเขาร้อยปีนี้จะเป็นตาเฒ่าตัวร้าย นึกไม่ถึงว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามน่าดึงดูดเช่นพี่สาว เห็นพี่สาวงามราวดอกไม้ ทำให้ความโกรธในใจข้าหายไปไม่น้อย”
“เหอะๆๆ… ปากเจ้านี้อย่างกับน้ำผึ้ง หน้าก็พี่สาวหลังยังพี่สาว เรียกเสียจนพี่สาวอย่างข้าจิตใจเบิกบานนัก” นางปิดริมฝีปากแดงหัวเราะเบาๆ นิ้วมือเรียวชี้ไป ดวงตางามขยิบลง เหมือนทั้งยิ้มทั้งโกรธ น่าเย้ายวนยิ่งนัก
“ข้าเรียกใครว่าพี่สาวน้อยนัก พี่สาวเป็นคนแรกเลย ใครให้พี่สาวถูกตาข้ากันเล่า!”
“เฮ้อ ข้ายิ่งมองเจ้ายิ่งรู้สึกน่ามอง ไม่ได้เจอคนน่าสนใจอย่างเจ้ามาตั้งนานแล้ว” นางมองเฟิ่งจิ่วด้วยดวงตางามมีรอยยิ้ม “ไม่เพียงท่าทางหน้าตาโดดเด่น หนำซ้ำยังกล้าหาญเกินใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือน่าสนใจสำหรับข้า”
เซี่ยงหวากับตู้ฝานรวมถึงวิญญาณผู้ฝึกตนดวงนั้นเห็นทั้งสองสนิทสนมกัน พูดคุยบ้างพูดบ้างหัวเราะ ก็มองหน้ากันทันที ทั้งตะลึงและไม่เข้าใจอยู่บ้าง
ทำไมเรื่องไม่ค่อยเหมือนอย่างที่คิดไว้เลย? สองคนนี้คงเจอหน้ากันครั้งแรกกระมัง? แล้วทำไมสถานการณ์นี้กลับเหมือนพี่น้องที่ไม่เจอหน้ากันนาน?
พวกเขายืนข้างๆ มองทั้งสองคุยกันตรงนั้นราวกับข้างๆ ไม่มีใครอื่น ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ บ่อยครั้ง ภาพที่อยู่ด้วยกันดูอย่างไรล้วนรักใครกลมเกลียวกันนัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
สำหรับสามคนที่ยืนข้างๆ กลับคิดว่าภาพเช่นนั้นน่าแปลกใจยิ่ง เพราะสองคนนั้นเดิมทีนิสัยแปลกๆ ไปบ้าง สองคนที่นิสัยแปลกนี้เพียงพบหน้าก็เข้ากันได้ดี
“โอ้? พูดเช่นนี้ พี่สาวให้ข้าเข้ามาเพราะรู้ว่ากระบี่คมพยับอยู่กับข้านี้หรือ?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วชำเลืองมองเซี่ยงหวาข้างๆ นั้น ดูท่าทางเขาต้องหลุดปากบอกคนพวกนั้นแน่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะรู้ได้อย่างไร?
“ถูกต้อง กระบี่คมพยับเดิมที่เป็นกระบี่เทวะในตำนาน เล่ากันว่าฟันผียังคล่องแคล่วนัก ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่?” นางเอ่ยถามอย่างสนใจนัก
“อืม จริงแน่นอน” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ระหว่างพูดก็หยิบคมพยับมาวางบนโต๊ะ แล้วยื่นไปตรงหน้านาง “พี่สาวจะลองเสียหน่อยหรือไม่?”
เห็นภาพเช่นนี้ เซี่ยงหวากับตู้ฝานหวั่นใจขึ้นมาทันควัน แววตาหดลงเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่านางจะยื่นกระบี่คมพยับออกไปเช่นนี้? หรือว่าไม่กลัวผู้หญิงคนนั้นยึดเป็นของตนเอง?
วิญญาณผู้ฝึกตนข้างๆ นั้นเห็นเช่นนี้ ก็เหลือบมองไปทางเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาแปลกๆ
หวันเหยียนเชียนหวาที่เอนกายนั้นเห็นท่าทาง ก็เม้มริมฝีปากยิ้มอย่างอดไม่ได้ หยิบกระบี่คมพยับที่เก็บไว้ในปลอกกระบี่เจ็ดดารานั้นมา ดึงออกดูเล็กน้อย ประกายสีดำเปล่งออกมา
นางมองเฟิ่งจิ่วอย่างหยอกล้อ “เจ้าไม่กลัวข้าเก็บไปไม่คืนหรือ?”
………………………………………………….