เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 821 เรียกว่าอาจารย์ + ตอนที่ 822 คนที่ตัวหดเล็กลง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 821 เรียกว่าอาจารย์ + ตอนที่ 822 คนที่ตัวหดเล็กลง
ตอนที่ 821 เรียกว่าอาจารย์ + ตอนที่ 822 คนที่ตัวหดเล็กลง
ตอนที่ 821 เรียกว่าอาจารย์
เฟิ่งจิ่วจะออกไปข้างนอก จึงกลับอาศรมมาเปลี่ยนจากชุดสำนักศึกษาเป็นชุดสีแดงของตน ทว่ายังไม่ทันออกจากภูเขาสำนักยาเซียนก็ถูกโอวหยางซิวขวางหน้าไว้
“เฟิ่งจิ่ว มาประลองกับข้า!”
โอวหยางซิวที่ร่อนกระบี่มาใช้แววตาเฉียบคมจ้องมองหนุ่มน้อยชุดแดง เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมสู้กับตนเอง ความคิดยึดมั่นนี้นับวันจึงมีแต่จะยิ่งฝังลึกในใจ หนำซ้ำยิ่งเขาไม่ยอมสู้ ความกระหายการต่อสู้ในร่างยิ่งกู่ร้องว่าอยากจะต่อสู้กับเขา
“เจ้าอีกแล้ว?”
เฟิ่งจิ่วหมดหนทาง มองชายหนุ่มที่ขวางอยู่เบื้องหน้า คิดว่าเขาช่างดื้อรั้นเสียจริง ทำไมต้องสู้กับเธอให้ได้ด้วย? ไม่รู้หรือว่าผู้ชายสู้กับผู้หญิงเป็นพฤติกรรมที่ไร้ศีลธรรมที่สุด?
เอ่อ เอาเถอะ อย่างน้อยคนคนนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง นอกจากนั้นหากจะสู้หรือตามหาเธอ ด้วยกำลังวรยุทธ์ของเขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
โอวหยางซิวจ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งบนหลังม้า เอ่ยว่า “เดิมทีเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่พอยิ่งเจ้าไม่อยากสู้ ข้ายิ่งอยากสู้กับเจ้า หากไม่อยากให้ข้ารบกวนเจ้าไปตลอดก็มาประลองกับข้าเถอะ! แค่พวกเราสองคน เจ้าวางใจเถอะ ถึงเจ้าแพ้ข้าก็จะไม่ไปบอกคนนอก”
“หึ!”
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วหัวเราะขึ้นมาอย่างกลั้นไม่ไหว คิดว่าคนคนนี้น่าสนใจ คนระดับสร้างรากฐานขั้นกลางบอกเธอว่าไม่เป็นไร ถึงเธอสู้แพ้เขาก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย? จะไม่ไปบอกคนนอก?
ยามนี้เธออดไม่ได้ที่จะสงสัย หากหมอนี่รู้ว่าแม้แต่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเธอยังฆ่าได้ ไม่รู้จะมีความมั่นใจมากเพียงนี้และเอ่ยคำพูดน่าขันเช่นนี้ออกมาหรือไม่?
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร จากคำพูดของเขาก็รู้ได้ว่าคนผู้นี้ไม่มีเจตนาร้ายอะไร เดาว่าเป็นแค่คนที่ค่อนข้างกระหายการต่อสู้
“อยากสู้กับข้าจริงหรือ?” เธอเลิกคิ้วมองเขา
“ถูกต้อง”
“แต่ข้าไม่ค่อยชอบลงมือกับใครโดยใช่เหตุ” เธอขบคิดในใจ มองสีหน้าเขาที่เคร่งเครียดขึ้นมาพลางยิ้มเอ่ยอย่างหยอกล้อ “แต่ให้สู้กับเจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แค่ไม่รู้ว่าเจ้าจะกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”
“หากเจ้าแพ้จากนี้ไปข้าคืออาจารย์เจ้า หากข้าแพ้ต่อไปข้าจะเป็นคนรับใช้ให้เจ้า เป็นอย่างไร?” เธอสนใจขึ้นมาทันที โอวหยางซิวคนนี้รูปร่างไม่เลวเลย พรสวรรค์ก็ไม่แย่ หากมีคนเช่นนี้เป็นลูกศิษย์ ฮิๆ เหมือนว่าจะไม่เลวเลยจริงๆ
โอวหยางซิวได้ยินเช่นนี้ก็หลุดหัวเราะ “ข้าตอบรับ! แต่ว่าข้าขอเตือนเจ้า ข้าถึงระดับสร้างรากฐานขั้นสุดท้ายแล้ว”
“อืมๆ ข้ารู้แล้วๆ เจ้ายอมรับเป็นพอ” เธอพยักหน้า ยิ้มราวกับจิ้งจอกที่มีชัย เวลาต่อมาก็ลงมือทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด
โอวหยางซิวเห็นเช่นนี้ ขณะที่กลิ่นอายในร่างพลันพุ่งพล่านและกำลังจะสู้ตอบ ร่างกายกลับแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโตอย่างเหลือเชื่อ นัยน์ตายังมีแววยากจะเชื่อ…
“เด็กดี เรียกอาจารย์ให้ฟังหน่อยซิ” เฟิ่งจิ่วยืนอยู่ด้านหลังเขา แขนข้างหนึ่งรัดคอเขาไว้พลางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“เจ้า…”
สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นแดงเขียวสลับกัน ไม่นึกว่าตนเองจะต้านการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ครั้นเห็นเด็กหนุ่มที่ถอยห่างจากข้างกายกำลังจ้องมองเขาเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ยิ้ม เขาที่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็กัดฟันกรอด
“ท่านอาจารย์!”
“นี่ เด็กดี” เฟิ่งจิ่วหยีตายิ้ม มองคนที่วิ่งออกไปด้วยสีหน้าอับอายและท่าทางไม่มีหน้าไปพบใคร ก่อนจะหัวเราะร่าพลางมายังประตูข้างของสำนักศึกษา
“เกิดอะไรขึ้น?” เห็นคนเฝ้าประตูกำลังล้อมอยู่ด้านหน้า เธอจึงถามไถ่แล้วจูงเหล่าไป๋เข้าไปดูใกล้ๆ
มองครั้งนี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงโดยพลัน…
………………………………………………….
ตอนที่ 822 คนที่ตัวหดเล็กลง
ร่างด้านนอกประตูข้างเป็นเด็กชายดูอายุสามสี่ขวบ สวมชุดคลุมตัวเล็กสีดำขนาดพอดีตัว และสวมรองเท้าสีเดียวกัน ตรงเอวยังประดับพู่หยกไว้ ยามนี้เด็กชายตัวน้อยเอามือไพล่หลังและวางท่าเช่นผู้ใหญ่ เหมือนโดนขวางไว้จึงค่อนข้างหงุดหงิด กำลังยืนขมวดคิ้วน้อยๆ อยู่ตรงนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งจิ่วมองตาไม่กะพริบตาคือหน้าตาของเด็กชายตัวน้อยที่งดงามเสียเหลือเกิน คล้ายกับเป็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อฉบับตัวหดเล็กลง โดยเฉพาะกลิ่นอายบนร่างยังมีความคล้ายคลึงกันบางส่วน เพียงแต่ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กน้อยอายุสามสี่ขวบ ด้วยเหตุนี้จึงขาดอำนาจบารมีไปบ้างอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นเด็กน้อยคนนี้ ภายในหัวเธอเกิดความคิดมากมาย นี่เป็นน้องชายเขาหรือ เป็นไปไม่ได้กระมัง? น้องชายก็ไม่น่าคล้ายกันถึงเพียงนี้?
หน้าตาคล้ายกันเช่นนี้ แม้แต่ท่าทางที่คิ้วขมวดยังเหมือนกัน เป็นพ่อลูกกันชัดๆ!
ลูกนอกสมรส!
หรือว่าเด็กคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ? แค่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็รู้สึกไม่ดีในทันที
และเมื่อเฟิ่งจิ่วปรากฏตัว ชัดเจนว่าเด็กชายตัวน้อยสังเกตเห็นเธอเช่นกัน ดวงตาที่ฉายประกายประหลาดจับจ้องเธอแล้วละสายตาไป ดูคล้ายว่าเขินอายอยู่บ้าง
“อ๊ะ! คุณชายจิ่ว!”
ฮุยหลางที่ยืนอยู่ด้านหลังเด็กชายเห็นเฟิ่งจิ่ว ทันใดนั้นก็ตะโกนด้วยความระรื่น บอกคนเฝ้าประตูว่า “หลบไปเร็วๆ ข้ามาหาเขา มาหาเขานี่แหละ”
คนเฝ้าประตูเห็นเช่นนี้ก็ถอยไปข้างๆ แต่ดวงตายังคงพินิจมองพวกเขาเป็นครั้งคราว
เฟิ่งจิ่วเห็นฮุยหลางตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เพียงแต่พอเห็นใบหน้าของเด็กชายที่คล้ายคลึงกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก็พลันไม่ค่อยยินดีนัก อย่าบอกเธอเชียวว่าเป็นพี่น้องอะไรกัน พี่น้องจะเหมือนกันอีกสักเท่าใดก็คงไม่เหมือนเช่นนี้
“คุณชายจิ่ว ไม่ได้เจอกันตั้งปีกว่า ข้าคิดถึงท่านแทบตายเลยจริงๆ”
ฮุยหลางมาด้านหน้าเฟิ่งจิ่วด้วยความดีใจ ทว่าเอ่ยเช่นนี้ออกไป ก็รู้สึกว่าด้านหลังมีลำแสงหนาวเหน็บสองสายหยุดลงบนร่างเขาอย่างเยียบเย็น แข็งทื่อไปทันที ยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า “อันที่จริง นายท่านของข้าก็คิดถึงท่าน”
“เจ้าตามข้าเข้ามา” เฟิ่งจิ่วกระดิกนิ้วมือ ให้สัญญาณเขามาข้างๆ
“ขอรับ” ฮุยหลางขานรับ หันกลับไปมองเด็กน้อยแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินตามไปข้างๆ และถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณชายจิ่ว อันที่จริงครั้งนี้ข้ามา…”
คำพูดยังกล่าวไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะ
“ลูกนอกสมรสนายท่านเจ้าหรือ” เธอชายตามองทางเด็กชาย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าถอดแบบมาจากเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
“อะ อะไรนะ?” ฮุยหลางเบิกตาอย่างตกตะลึง “ละ ลูกนอกสมรสของนายท่าน? จะเป็นไปได้อย่างไร!” ทำไมนางถึงคิดเช่นนี้ได้?
ทางนั้น เด็กชายที่มองไปทางอื่น หูกลับฟังสองคนนั้นคุยกันและได้ยินคำพูดนี้ ผิวหน้าก็แข็งเกร็งขึ้นมา มุมปากกระตุกเล็กน้อยอย่างที่ไม่อาจสังเกตพบ
เฟิ่งจิ่วกอดอก แค่นเสียงเย็นด้วยสีหน้าเย็นชา “หรือว่าไม่ใช่? อย่าบอกข้าเชียวว่าเป็นน้องชายของนายท่านเจ้า นายท่านเจ้าใกล้จะสามสิบแล้ว หากมีลูกนอกสมรสก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
ฮุยหลางได้ยินคำพูดแปลกๆ จากนาง ก็ยิ้มกระอักกระอ่วนกล่าวว่า “เรื่องนั้น คุณชายจิ่ว นี่ไม่ใช่ลูกนอกสมรสของนายท่านข้าจริงๆ นายท่านน่ะเป็น…”
เสียงเขาชะงัก กลืนคำว่าชายบริสุทธิ์ผุดผ่องกลับลงไป พอถึงปากจึงเปลี่ยนกลายเป็น “ผู้ชายขาวสะอาด เขาเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้วยังชอบท่านแค่คนเดียว ใจที่เขามีต่อท่าน ฟ้าดินรับรู้ ตะวันจันทราเป็นพยาน”
………………………………………………….