เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 855 ชายชราหายไปแล้ว + ตอนที่ 856 เสื้อผ้าเล็กไป
ตอนที่ 855 ชายชราหายไปแล้ว + ตอนที่ 856 เสื้อผ้าเล็กไป
ตอนที่ 855 ชายชราหายไปแล้ว
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ยมราชน้อยบนเตียงแววตาวาบวับ ที่แท้นางคิดถึงเขาด้วย ในตอนที่เขาไม่รู้ก็ยืนมองท้องฟ้าอยู่ริมหน้าต่างพลางคิดถึงเขาเช่นกัน
เมื่อนึกถึงข้อนี้ หัวใจเขามีธารอุ่นไหลผ่าน หัวใจก็อ่อนยวบลงแปลกๆ ยามนี้อยากบอกนางยิ่งนักว่าเขาอยู่ตรงนี้
“เขาแก้พิษเหมันต์แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
น้ำเสียงไร้เดียงสาดังมาจากด้านหลัง เฟิ่งจิ่วหันกลับไปมองเด็กน้อยบนเตียง “แก้แล้ว? แก้อย่างไร? นั่นเป็นพิษเหมันต์พันปีเชียว หากแก้ง่ายดายเพียงนั้น พิษเหมันต์คงไม่ซ่อนอยู่ในร่างเขานานขนาดนั้นหรอก”
เขาได้ยินก็เม้มปากเหลือบมองนาง บอกว่า “แน่นอนว่าจ่ายราคาไปไม่น้อย แต่แก้ได้จริงๆ” กล่าวจบ เสียงเขาหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนอธิบาย “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ถาม ข้าก็ลืมบอกเจ้ามาตลอด”
เฟิ่งจิ่วมายังข้างเตียง มองเขาที่ห่มผ้าไว้พลางถาม “เจ้าเป็นน้องชายเขาจริงหรือ? ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยได้ยินเขาบอกว่ามีน้องชายเช่นนี้?”
ได้ยินคำพูดนี้ เขาดึงผ้าห่มสูงขึ้นพร้อมหาวหวอดๆ “ง่วงจัง ข้านอนก่อนละ” พูดจบก็หลับตาทันทีไม่คิดจะตอบกลับ
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ส่ายหน้ายิ้มๆ เจ้าหนูนี่เป็นเด็กน้อยแสนชาญฉลาด ยากนักที่จะล้วงข้อมูลจากปากเขา
เธอถอดเสื้อนอกออก ด้านในสวมชุดซับใน เลิกผ้าห่มออกก่อนนอนลงไป แล้วยื่นมือกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติ กอดครั้งนี้ยิ่งรู้สึกว่าเขาโตกว่าครึ่งเดือนก่อนไม่น้อย ในใจสงสัยว่าทำไมเขาถึงโตเร็วเพียงนี้
เช้าตรู่วันต่อมา เธอพายมราชน้อยไปที่เวิ้งสวนท้อ
กลับมาครึ่งเดือนแล้ว ขลุกอยู่กับการกลั่นยาตลอด เกือบลืมไปแล้วว่าเธอยังต้องถามชายชราคนนั้นว่าเม็ดบัวเขียวในท้องเธอคืออะไรกันแน่? แม้ตอนนี้บรรลุระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด แต่ตอนฝึกบำเพ็ญเธอยังต้องแบ่งพลังวิญญาณมาหล่อเลี้ยงบัวเขียวเม็ดนั้นตรงจุดตันเถียน
สิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิดที่สุดคือ หล่อเลี้ยงมาเป็นเวลาเกือบปีหนึ่งแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังมีรูปร่างเช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอคงสงสัยว่าบัวเขียวนี้จะบานหรือไม่? หรือว่ายังมีผลลัพธ์หรือวิธีใช้งานอื่นอีก?
ใครจะรู้ ยามมาถึงเวิ้งสวนท้อ หาทั่วทั้งด้านในและด้านนอกกลับไม่พบร่างชายชรา ดังนั้นเธอจึงเรียกวิญญาณผู้ฝึกตนตระกูลนั้นที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่มาสอบถาม ถึงจะรู้ว่าปีก่อนหลังเธอจากไปไม่นาน ชายชราคนนั้นก็จากไปด้วย
“กลัวว่าข้าจะกลับมาหาเขาหรือ นึกไม่ถึงว่าจะไปเงียบๆ เช่นนี้? ไม่ทิ้งคำพูดอะไรไว้เลย?” เธอเบิกตามองวิญญาณผู้ฝึกตนสองสามดวงตรงหน้า ไม่นึกว่าพอกลับมาจะไม่พบคนแล้ว
“นายท่าน เขาแค่บอกว่านายท่านไม่ต้องตามหาเขา บอกทำนองว่าสิ่งนั้นเป็นของดี และเป็นของขวัญให้ผู้มีวาสนาเท่านั้น หนำซ้ำยังไม่มีพิษภัยต่อนายท่าน ส่วนเรื่องอื่นๆ ภายหน้าจะรู้ได้แน่นอน”
เฟิ่งจิ่วได้ยินแล้วขมวดคิ้ว เธอย่อมรู้ว่าเม็ดบัวเขียวนั้นไม่เป็นอันตรายกับเธอ มิเช่นนั้นคงไม่รอตั้งนานเพียงนี้ถึงจะกลับมาถาม เพียงแต่เธอรู้เรื่องเม็ดบัวเขียวในจุดตันเถียนแค่เล็กน้อย หรือว่าจะให้เธอใช้พลังวิญญาณหล่อเลี้ยงไปตลอดเช่นนี้?
หากเลี้ยงไปหลายสิบปีก็ยังมีรูปร่างเช่นนี้เล่า?
พอนึกถึงตรงนี้ บนหน้าผากก็ปรากฏเงาดำหลายเส้น หากเอาออกมาได้ เธอก็อยากจะเอาออกมาเสียจริงๆ น่าเสียดายที่เม็ดบัวเขียวนี้ราวกับหยั่งรากในจุดตันเถียน อยากจะนำออกมามีแต่ต้องกรีดเปิดท้อง
“เฮ้อ! ช่างเถอะๆ ไม่เห็นก็ไม่เห็น” เธอถอนใจเบาๆ พลางโบกมือ ก่อนจะมองพวกเขาสองสามคน “พวกเจ้าฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างไรบ้าง?”
………………………………………………….
ตอนที่ 856 เสื้อผ้าเล็กไป
“นายท่าน พวกเราฝึกบำเพ็ญสำเร็จเล็กน้อย สามารถปรากฏตัวตอนกลางวันได้แล้ว แต่ยังรักษารูปลักษณ์ได้ไม่นานนักขอรับ” จ้าวเหล่าเอ่ยปากบอก ในดวงตามีความยินดีที่ยากจะปิดบัง
“เพราะนายท่านไม่ได้ส่งคนมา หลังจากผู้อาวุโสท่านนั้นจากไป พวกเราก็ปกปักเวิ้งสวนท้อมาตลอด นอกจากจะปรากฏตัวตอนกลางวันนานๆ ครั้ง ปกติล้วนไม่ปรากฏตัว ผ่านมาเกือบหนึ่งปียังไม่เกิดเรื่องอะไร ไม่ทำให้พวกชาวบ้านหวาดกลัวเจ้าค่ะ” ยายเฒ่าพูดเช่นกัน
“สองสามเดือนก่อนท่านผู้ครองแคว้นพาหยางหยางกลับมาหาพวกเราขอรับ หยางหยางได้รับการสั่งสอนอย่างดีมาก ทั้งยังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้กับเหล่าองครักษ์ตระกูลเฟิ่ง” ชายวัยกลางคนกล่าว เหลือบมองภรรยาข้างกาย แล้วจึงเอ่ยกับเฟิ่งจิ่วอีกว่า “ทั้งหมดนี้นายท่านล้วนมอบให้มา พวกเราไม่กล้าลืมบุญคุณ ขอแค่นายท่านมีคำสั่ง ถึงพวกเราตายหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธแน่นอน”
หญิงสาวคนข้างๆ พยักหน้า พวกเขาโชคดีเช่นนี้ได้ ซ้ำลูกชายยังได้รับการศึกษาอย่างดีเช่นนั้น ก็ชื่นใจมากแล้วจริงๆ
เฟิ่งจิ่วได้ฟังก็พยักหน้า กล่าวว่า “ครั้งนี้ข้าแวะเข้ามาบอกพวกเจ้าว่าท่านย่าข้าคลอดลูกชาย นามว่าเฟิ่งเย่ อายุครึ่งเดือนเห็นจะได้ ข้าได้ยินพวกท่านปู่วางแผนว่าจากนี้ไปจะให้หยางหยางติดตามข้างกายท่านอาน้อยคนนี้ ให้เป็นทั้งเพื่อนเล่นและทหารอารักขา”
ทั้งสี่ได้ยินคำพูดนี้ก็ยินดีอยู่ในใจ มองหน้ากันแล้วรีบร้อนคารวะขอบคุณ “ขอบคุณนายท่านมาก หยางหยางได้ติดตามข้างกายท่านอ๋องน้อย พวกเราร้องขอก็ยังมิได้มา”
หยางหยางได้ติดตามท่านอ๋องน้อย เติบโตและเล่าเรียนไปด้วยกัน ความสัมพันธ์ในอนาคตก็ยิ่งจะแน่นแฟ้น เทียบไม่ได้เลยกับทหารอารักขาทั่วไป โอกาสดีๆ เช่นนี้ พวกเขาย่อมซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“เวิ้งสวนท้อนี้ยกให้พวกเจ้าดูแล หากมีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้ก็ไปตามองครักษ์ตระกูลเฟิ่งมาจัดการเสีย” เฟิ่งจิ่วกำชับ ย้ำเตือนบางเรื่องแล้วถึงค่อยพายมราชน้อยกลับไปจวนตระกูลเฟิ่ง
ช่วงเวลาต่อมา เพราะไม่ต้องกลั่นยาอายุวัฒนะอีกแล้ว เธอจึงมีเวลาว่าง นอกจากเวลาฝึกบำเพ็ญประจำในทุกๆ วัน เวลาอื่นก็ไปเดินเล่นรอบๆ เป็นเพื่อนยมราชน้อย
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ถึงวันดองเหล้าครบเดือนของท่านอาเฟิ่งเย่ตัวน้อยแล้ว
ทว่าเช้าวันนี้ เมื่อเธออาบน้ำสวมชุดกระโปรงสีแดงกลับไปที่เตียง กลับเห็นว่าเด็กน้อยนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าลำบากใจ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มถาม “เป็นอะไรไป?”
“เสื้อผ้าเล็กไปแล้ว” เขาชูเสื้อผ้าขึ้นให้เธอดู ตรงแขนเสื้อเล็กไปเล็กน้อย เสื้อคลุมท่อนล่างก็สั้นเช่นกัน
“เจ้าสูงขึ้นอีกแล้ว?” เธอกะพริบตาปริบๆ อย่างค่อนข้างแปลกใจ เห็นอยู่ทุกวันกลับไม่รู้สึกว่าเขาสูงขึ้น แต่อย่าพูดเลย เขาแค่ถือเสื้อผ้าเทียบกัน ดูขนาดความแตกต่างก็มองออกแล้ว
เด็กน้อยที่เดิมทีอายุห้าหกขวบ ยามนี้เปลี่ยนไปเหมือนเด็กอายุหกเจ็ดขวบ เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งเดือนนี้ เขาโตแต่ส่วนสูงไม่อ้วนขึ้นเลย ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกังวลอยู่บ้าง
ช่วงครึ่งเดือนมานี้เธอกินอยู่ด้วยกันกับเขาตลอด ไม่เห็นเขากินของอะไรมั่วซั่ว ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาถึงโตเร็วเพียงนี้? หรือจะเป็นจริงดั่งเขาว่า พันธุกรรมของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงนั้นเลย?
ยมราชน้อยมองเธอโดยไม่พูดไม่จา ผ่านไปอีกครึ่งเดือน แน่นอนว่าเขาย่อมสูงขึ้นอีกไม่น้อย หนำซ้ำตามการฟื้นคืนของวรยุทธ์ ยิ่งไปถึงช่วงท้ายก็ยิ่งฟื้นฟูไว เขารู้ว่าตนเองควรไปแล้วจริงๆ อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว
“ไม่เป็นไร ข้าสั่งคนนำเสื้อผ้านี่ไปแก้หน่อยก็ได้แล้ว อีกหน่อยค่อยสั่งทำให้เจ้าเพิ่มอีกสักสองสามตัว” เธอพูดพลางตบๆ ศีรษะเขา นึกไปว่าเขาก้มหน้าเล็กน้อยไม่พูดอะไรเป็นเพราะสวมเสื้อผ้าไม่ได้จึงอารมณ์เสีย
………………………………………………….