เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 929 อีกด้านหนึ่งของนาง + ตอนที่ 930 โม่เฉินไปแล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 929 อีกด้านหนึ่งของนาง + ตอนที่ 930 โม่เฉินไปแล้ว
ตอนที่ 929 อีกด้านหนึ่งของนาง + ตอนที่ 930 โม่เฉินไปแล้ว
ตอนที่ 929 อีกด้านหนึ่งของนาง
เฟิ่งจิ่วมองอยู่เงียบๆ เห็นชุดขาวของเขาพลิ้วไหวหมุนกายจากไป ในห้วงความคิดยังนึกถึงคำพูดนั้น
อยู่ก็เพราะเธอ ตายก็เพราะเธอ?
คนคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ทำไมถึงจะอยู่และตายเพราะเธอ?
เธอถอนใจเบาๆ ในใจ ก่อนจะส่ายหน้า ในเมื่อคิดไปไม่เข้าใจก็ไม่ต้องคิด เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นคิดมากอีกเท่าใดก็เปล่าประโยชน์ เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างอาจจะชัดเจนเอง
เช้าตรู่วันต่อมา ประตูห้องเธอถูกเคาะเสียงดัง เฟิ่งจิ่วที่หลับกำลังดีไม่คิดจะตื่น ด้วยเหตุนี้จึงแสร้งว่าไม่ได้ยิน
“เฟิ่งจิ่ว? เฟิ่งจิ่ว? ข้าคือรองเจ้าสำนักศึกษาสองดารา”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ แม้อยากแกล้งหลับต่อไปอย่างไร ก็ได้แต่ตะเกียกตะกายขึ้นมาอย่างว่าง่าย หลังจากสวมเสื้อนอกถึงเปิดประตูห้องออกไปด้วยอาการง่วงงุน
“ท่านรองเจ้าสำนัก? มีธุระอะไรขอรับ” ยามนี้เธอยังหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง สีหน้างัวเงีย นอนหลับเสียจนเส้นผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย เสื้อผ้าก็ไม่ได้จัดให้เรียบร้อย สภาพเช่นนี้ทำให้รองเจ้าสำนักศึกษาสองดาราที่ยืนอยู่หน้าประตูสะดุ้งตกใจ
เนี่ยเถิงที่ตื่นเช้ามาฝึกหมัดมวยในลานบ้าน เมื่อประตูห้องเปิดออกก็หันมาชำเลืองมอง เห็นเช่นนี้ก็นิ่งอึ้งไปทันที มองด้วยความตกใจ ในดวงตาเผยความอ่อนโยนและรอยยิ้ม
ที่แท้นางนอนหลับจะไม่เรียบร้อยเช่นนี้ เส้นผมกระเซอะกระเซิง เดาว่าคงขดตัวในผ้าห่มกระมัง? หนำซ้ำดวงตายังลืมไม่ขึ้น แทบจะยืนหรี่ตางีบหลับพิงอยู่ข้างประตู ง่วงถึงเพียงนั้นจริงหรือ?
นางในสภาพเช่นนี้ทั้งยุ่งเหยิงและไม่เหลือภาพพจน์แม้แต่น้อย แต่ในสายตาเขา ทุกอย่างกลับเปิดเผยตรงไปตรงมาและ…น่ารักเช่นนั้น ทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้
อาจเพราะรู้สึกถึงสายตาของเนี่ยเถิง เฟิ่งจิ่วที่ยังหรี่ตาเหม่อลอยจึงขมวดคิ้ว หาวหวอดและลืมตาขึ้น เหลือบมองเนี่ยเถิงในลานบ้านซึ่งกำลังนิ่งมองตนเองด้วยความเกียจคร้าน จากนั้นค่อยถามว่า “ท่านรองเจ้าสำนักมาหาข้ามีธุระอะไรขอรับ?”
“ข้านำข้อมูลเข้ามาให้เจ้า นอกจากนี้ยังจัดเตรียมอาศรมให้เจ้าตามคำขอแล้ว แต่ท่านเจ้าสำนักกับสองผู้อาวุโสบอกมา หวังว่าเจ้าจะออกเดินทางได้โดยเร็วที่สุด และพาเจ้ากลับมาเสียเนิ่นๆ” ระหว่างพูดเขายังยื่นถุงฟ้าดินให้ ยิ้มกล่าวว่า “ของอยู่ด้านในหมดแล้ว เจ้าลองดูเองได้”
“ออกเดินทางโดยเร็วที่สุด?” เฟิ่งจิ่วตกใจไปสักพัก เอ่ยว่า “แม้ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการแข่งขัน แต่ข้าก็ยังอยากเห็นว่าสุดท้ายใครจะชนะ! การแข่งขันของสำนักศึกษาใกล้จะเริ่มแล้วไม่ใช่หรือ?”
“เหอะๆ ความโดดเด่นใดๆ ในปีนี้ล้วนถูกเจ้าแย่งไปแล้ว แม้เข้มข้นอีกเท่าไรก็คงไม่เกินความคาดหมายนัก รอเจ้ากลับมาค่อยบอกผลการแข่งขันยังได้ไม่ใช่หรือ? อีกอย่างเรื่องนี้เร่งด่วน ไม่อย่างนั้นประวิงเวลาไปเรื่องจะไม่ดี” เขาตบๆ ถุงฟ้าดินพลางเอ่ย
เธอได้ยินเช่นนี้ก็เกาๆ ศีรษะ เส้นผมที่เดิมทีไม่เรียบร้อยยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ “เอาเถอะ! ข้ารู้แล้ว อย่างช้าสุดจะไปพรุ่งนี้ ได้หรือยัง?” เธอถอนใจเอ่ย จากนั้นส่งรองเจ้าสำนักกลับไปโดยไม่สนใจท่าทางที่มุมปากเขากระตุกเล็กน้อยขณะจ้องเส้นผมยุ่งๆ ของเธอ ก่อนจะหมุนตัวเข้าห้องไป และปิดประตูลงขวางกั้นสายตาเนี่ยเถิง
หลังจากกลับเข้าห้อง เธอโยนถุงฟ้าดินเข้าห้วงมิติแล้วล้มตัวลงนอนต่อ จนกระทั่งกลางวันถึงจะตื่น หลังอาบน้ำเสร็จก็อ่านข้อมูลของสี่คนนั้น อ่านไปพลางพูดอะไรไม่ออกไปพลาง
“จิ๊ๆ เด็กสี่คนนี้ไม่ธรรมดาเลย!”
ทั้งสี่คนในเอกสารข้อมูล วรยุทธ์ไม่ใช่ว่าไม่เข้าขั้น ตรงกันข้าม พละกำลังพรสวรรค์ของพวกเขานับว่าโดดเด่นเป็นที่สุด ในเอกสารบันทึกไว้ว่าพวกเขามีปัญหาเล็กน้อยด้านนิสัยและการใช้ชีวิต แต่ปัญหาพวกนี้ในสายตาเธอแล้วยังไม่ใช่ปัญหาเลยจริงๆ
………………………………………………….
ตอนที่ 930 โม่เฉินไปแล้ว
เธอปิดเอกสารข้อมูลลง มือหนึ่งเท้าคางครุ่นคิดว่าจะพาสี่คนนี้กลับมาอย่างไร คิดจะทำให้เชื่อฟัง เช่นนั้นก็ต้องกำราบพวกเขา แบบนี้ทำอะไรถึงจะสะดวก แต่จะกำราบสี่คนนี้อย่างไร? ใช้แค่ทักษะการต่อสู้กับหมัดมวยไม่ได้แน่นอน
นิ้วมือขาวดั่งต้นหอมเคาะลงบนหน้าโต๊ะเบาๆ เกิดเป็นเสียงดังก๊อกๆๆ ดวงตาทั้งคู่ฉายแววปราดเปรื่อง แต่ละความคิดผุดขึ้นมาในหัว
“ช่างเถอะ ไปบอกพวกรองเจ้าสำนักก่อนดีกว่า” เธอลุกขึ้นยืน เก็บเอกสารข้อมูลกลับเข้าห้วงมิติ จัดชุดคลุมสีแดงบนร่าง จากนั้นถึงจะสาวก้าวเดินออกไป
เพียงออกจากเรือนก็พบเนี่ยเถิงในลานบ้าน เห็นเขาจ้องมองมา เธอเลิกคิ้วขึ้น เชิดคางแค่นเสียงหยัน แล้วสาวก้าวเดินไปด้านนอก
เนี่ยเถิงเห็นนางเชิดหน้าเล็กน้อย เดินเอามือไพล่หลังออกไป มุมปากเขายกโค้งบางๆ ทว่าโค้งยิ้มนี้ยังไม่ทันคลี่ออกก็หุบกลับอีกครั้ง เขามองร่างที่เดินไปไกลและหลุบตาลงช้าๆ
หากตอนแรกไม่ใช้วิธีแข็งกร้าว ไม่ใช้อุบายบ้าอำนาจบีบบังคับเช่นนั้น เขาจะยังมีโอกาสหรือไม่?
จะมีโอกาสหรือไม่เขาไม่รู้ เขารู้เพียงว่าหากตอนแรกไม่ทำเช่นนั้น ถึงแม้นางเป็นผู้หญิงของตนเองไม่ได้ ก็คงจะไม่รังเกียจกันเช่นนี้
รังเกียจ…
ครั้นนึกถึงหนึ่งคำนี้ กลิ่นอายทั่วร่างเขาก็เปลี่ยนไปหนาวเย็นดุจน้ำแข็ง หัวใจห่อเหี่ยวเล็กน้อย มีความเจ็บปวดที่ไม่อาจเมินเฉยไปได้อยู่รางๆ
โดนคนที่รักเกลียดขี้หน้า ความรู้สึกเช่นนี้ช่างทรมานจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วมาหารองเจ้าสำนักกับอาจารย์ทั้งสองท่าน บอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปจัดการธุระ
“เจ้าจะไปพรุ่งนี้แล้ว? ไม่อยู่ต่อดูการแข่งขันหรือ”
อาจารย์หลี่ว์แปลกใจเล็กน้อย แม้เฟิ่งจิ่วจะขาดคุณสมบัติเข้าแข่งขัน แต่การแข่งขันจัดอันดับวายุเมฆาของสำนักศึกษายังมีพวกเนี่ยเถิงอยู่ น่าจะดุเดือดมาก เพียงแค่เดิมทีพวกเขาคิดว่าผู้ชนะในท้ายที่สุดคงเป็นเฟิ่งจิ่ว ยามนี้กลับไม่แน่นอนแล้ว
“ไม่ขอรับ ข้าคิดว่ารอจนข้าไปถึงสำนักศึกษาสองดารา พวกท่านคงไปกันแล้ว ดังนั้นวันนี้จึงเข้ามาบอกก่อน” เธอเผยรอยยิ้ม ยิ้มมองรองเจ้าสำนักที่หน้านิ่วคิ้วขมวด
“ท่านรองเจ้าสำนัก ข้ายังจะกลับไปสำนักศึกษาหกดาราอีก อืม คงหนึ่งปีให้หลังกระมัง! อย่างไรก็ต้องกลับไปดูเสียหน่อย ข้ามีสหายไม่น้อยที่นั่น! ยังมีเสี่ยวเฮยที่กำลังเฝ้าอาศรมด้วย รองเจ้าสำนัก ข้าไม่ได้กลับไป อย่าให้ใครมารังแกเสี่ยวเฮยของข้านะขอรับ”
“เจ้าวางใจเถอะ! อาศรมของเจ้าจะไม่มีใครไปยุ่ง จะดูแลที่นั่นไว้ให้เจ้า ส่วนหมีดำตัวใหญ่ตัวนั้น แค่ก ข้าจะให้คนดูแลมันให้มากๆ” รองเจ้าสำนักถอนใจเบาๆ มองนางพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าต้องอยู่ต่อ อย่างนั้นข้าจะกำชับอีกครั้ง อยู่ที่นี่เจ้าไม่มีที่พึ่งและอำนาจอะไร ออกไปข้างนอกต้องระวังทุกอย่าง ไหนจะมีพวกนักเรียนสำนักศึกษาสองดารา ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานตระกูลจากที่ต่างๆ เจ้าอย่าล่วงเกินใครไปทั่ว เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”
“รู้แล้วขอรับๆ” เธอพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม “วางใจเถอะ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร” ที่ผ่านมาใครไม่ระรานข้า ข้าก็ไม่ระรานใคร แต่หากมีคนมาล้ำเส้นเธอเข้า เหอะๆ เธอก็ไม่ใช่คนที่จะถอยเสียด้วย
“จริงด้วย โม่เฉินไปแล้ว เจ้ารู้หรือไม่?” รองเจ้าสำนักกล่าวเหมือนกำลังคิดอะไร มองเธอแวบหนึ่งก่อนบอก “เมื่อวานเขาเข้าไปหาเจ้ารึ”
………………………………………………….