เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 941 เอาความใจกล้ามาจากไหน + ตอนที่ 942 ข้าถึงจะเป็นจอมอันธพาล
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 941 เอาความใจกล้ามาจากไหน + ตอนที่ 942 ข้าถึงจะเป็นจอมอันธพาล
ตอนที่ 941 เอาความใจกล้ามาจากไหน? + ตอนที่ 942 ข้าถึงจะเป็นจอมอันธพาล
ตอนที่ 941 เอาความใจกล้ามาจากไหน?
เฟิ่งจิ่วก้าวลงไปชั้นล่าง เหลือบมองข้างนอกแวบหนึ่ง เห็นว่ามีคนมุงกันด้านนอกโรงเตี๊ยมไม่น้อย ก็ไม่ได้ไปสนใจแต่หาโต๊ะนั่งลงแล้วรินน้ำดื่ม
คนที่ล้อมอยู่ด้านนอกมีมากเกินไปมองไม่เห็นสถานการณ์การต่อสู้ เพียงได้ยินเสียงชกหมัดรวมถึงเสียงปรบมือโห่ร้องของทุกคนที่มุงดูรางๆ ซ้ำยังมีเสียงด่าทอของต้วนเยี่ย
ได้ยินว่าเสียงด่าทอนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ เธอก็ไม่กังวลว่าเขาจะลำบาก หลังจากเสี่ยวเอ้อร์ยกของว่างมาก็ขยับตะเกียบกิน ส่วนกลืนเมฆาน้อยหมอบอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ อย่างว่าง่าย ไม่ได้วิ่งเพ่นพ่าน
“คุณชาย นี่ข้าวต้มของท่านขอรับ มีเครื่องเคียงข้าวต้มสองอย่างด้วย” เจ้าของโรงเตี๊ยมยกเข้ามาให้ด้วยตนเอง พลางสังเกตสีหน้าของเฟิ่งจิ่วอย่างระวัง กลับเห็นว่าไม่ร้อนรนเลย ราวกับไม่รู้จักเด็กหนุ่มที่ทะเลาะวิวาทกับคนอยู่ด้านนอก
เขาเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ถอยออกไป และไม่ปริปากอะไรอีก
“อ๊าก! ตาข้า!”
เสียงร้องลั่นดังขึ้นด้านนอก คนที่มุงดูเห็นแค่ว่าหนุ่มน้อยชุดม่วงเหวี่ยงหมักชกเข้าดวงตาของจอมอันธพาล ชกเสียจนเขาร้องครวญไม่หยุด เพียงคลายมือออกก็เห็นดวงตาข้างหนึ่งเปลี่ยนไปเขียวช้ำอย่างรวดเร็ว แม้แต่ใบหน้าตรงนั้นยังบวมขึ้นมา
“หึ! กล้ามายั่วยุข้า? เจ้านี่ช่างไม่ดูตาม้าตาเรือ! ในเมื่อไม่ดูตาม้าตาเรือ เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าเสียหน่อย! ให้เจ้ารู้ว่าคนแบบไหนยั่วยุไม่ได้!”
ต้วนเยี่ยแค่นเสียงเย็น ก่อนจะพุ่งเข้าไปยกขาถีบชายคนนั้นอีกครั้ง ใครจะรู้ ขาที่ยกถีบกลับถูกคนจับเหวี่ยง ร่างกายของเขาก็หมุนไปตาม รู้สึกเพียงว่าแรงหนึ่งโถมเข้ามาผลักเขาออกไปเสียดื้อๆ
หลังจากร่างสีม่วงพลิกตัวตีลังกากลางอากาศก็ลงมาที่พื้น ฝีเท้าถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างประคองไว้ไม่มั่นถึงจะฝืนทรงตัวไว้ได้ สีหน้าเขาเย็นเยียบ จ้องมองไปยังผู้มาใหม่ กล่าวเสียงดุดันว่า “เจ้าเป็นใครกัน! จะออกหน้าแทนเขาหรือ?”
“ท่านเห็นว่าพอแล้วก็วางมือเถอะ หากเกินไปกว่านี้ข้าจะไม่เกรงใจ!” ผู้มาใหม่เป็นชายวัยกลางคน วรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง เขาเพียงกวาดมองต้วนเยี่ย ก่อนส่งเสียงกล่าวเตือน
ชัดเจนมากว่า เขามองวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดของต้วนเยี่ยออกในแวบเดียว แต่แม้เป็นวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด อยู่ต่อหน้าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังก็ยังอ่อนแอเกินจะสู้ไหว ด้วยเหตุนี้เขาถึงเอ่ยเตือน ถึงอย่างไรหากใช้วรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังจัดการผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนเดียว ก็เสียชื่อเขาเกินไปจริงๆ
“ไม่เกรงใจ? ฮ่าๆๆ หากเจ้าไม่ไสหัวไป ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ!” ต้วนเยี่ยแหงนหน้าหัวเราะลั่น เพียงแต่ดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับเหมือนสัตว์ตัวน้อย กระหายเลือดและหนาวเยือก จิตกระหายต่อสู้พลุ่งพล่าน ไม่กลัวว่าศัตรูเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังอย่างชัดเจน
“คนคนนี้บ้าไปแล้วกระมัง? ชายวัยกลางคนนั้นเป็นอาของจอมอันธพาล และเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง เขายังกล้ายั่วโมโหอีกหรือ”
“หรือหนุ่มน้อยคนนี้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ใด? มิเช่นนั้นจะเอาความใจกล้าและห้าวหาญมาจากไหน?”
“แต่ข้างกายเขาไม่เห็นมีคนคอยอารักขา หนำซ้ำถึงมาจากตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลใดจริงแล้วอย่างไร? หากถูกฆ่าที่นี่ก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”
“ใช่ เดือนก่อนจอมอันธพาลทำคนตายไปหนึ่ง ก็ยังไม่มีใครกล้าว่าอะไรพวกเขา แม้แต่เจ้าเมืองในเมืองก็ปิดตาข้างหนึ่ง หนุ่มน้อยชุดม่วงคนนี้แค่มองก็รู้ว่ามาจากต่างถิ่น ถึงได้ไม่รู้ชื่อเสียงจอมอันธพาล”
“แต่พละกำลังของเขาเหนือกว่าจอมอันธพาล นึกไม่ถึงว่าจะซ้อมจอมอันธพาลจนร้องหาพ่อตะโกนเรียกแม่ได้ ถึงใจข้าจริงๆ”
ชายวัยกลางคนฟังทุกคนรอบข้างคุยกัน แววตาพลันเย็นชา แรงกดดันระดับหลอมแก่นพลังเพียงกวาดไป คนพวกนั้นต่างเงียบปากลงทันควัน
………………………………………………….
ตอนที่ 942 ข้าถึงจะเป็นจอมอันธพาล
“เป็นแค่นักเลงหัวไม้ ยังกล้าเรียกว่าจอมอันธพาล? หึ! หรือเจ้าไม่รู้ คำว่าจอมอันธพาลนี้มีเพียงข้าถึงจะมีคุณสมบัติเรียกขานได้?” ต้วนเยี่ยขยับมือ ถือกงจักรแปดดาราไว้
กงจักรนั้นดูคล้ายเหล็กนิล แต่ลวดลายด้านบนรวมถึงฟันเฟืองที่เปล่งแสงคมกริบ กลับทำให้ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนนั้นหรี่ตาลง ในดวงตาฉายแววละโมบวาบผ่าน
ของวิเศษ!
นั่นเป็นของวิเศษที่ไม่ธรรมดา! และเป็นของวิเศษที่หายากยิ่งตามท้องตลาด! มองไม่ออกเลยว่าเจ้าหนูจะมีสิ่งนี้ด้วย แต่หยิบของวิเศษเช่นนี้ออกมาได้ตามใจชอบ ไม่แน่ว่าตัวเขาอาจจะมีสมบัติที่ล้ำค่ากว่า!
เขานึกถึงตรงนี้ ความคิดก็ทำงานอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนู ข้าว่าเจ้าอยากตายเสียแล้ว! ถึงกล้ามาก่อเรื่องในถิ่นข้า!” ชายที่โดนซ้อมจนเจ็บไปทั้งร่างถูกชายสองคนประคองไว้ กำลังมองต้วนเยี่ยที่ถือกงจักรแปดดาราอย่างโกรธเกรี้ยว อยากจะเข้าไปสั่งสอนอีกครั้ง ชายวัยกลางคนเบื้องหน้ากลับขวางเอาไว้
“ท่านอา เจ้าเด็กนี่โอหังเกินไปแล้ว! ไม่สั่งสอนเสียบ้าง เขาคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
“ถูกต้อง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย พวกเจ้าคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!” ต้วนเยี่ยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย กงจักรแปดดาราในมือหมุนวน จู่โจมไปทางชายวัยกลางคนพร้อมกลิ่นอายดุดันและไอสังหาร
ในดวงตาชายวัยกลางคนฉายประกายคิดคำนวณ ร่างวูบหลบในพริบตา “ในเมื่อท่านไม่ยอมเลิกรา เช่นนั้นข้าต้องขัดใจท่านเสียแล้ว!” อานุภาพกดดันระดับหลอมแก่นพลังโหมซัดออกไป หลังจากหลบหลีกการโจมตี มือเปล่าก็คว้าไปยังบ่าของต้วนเยี่ย
“กล้าแตะต้องข้าหรือ ข้าจะทำลายมือเจ้าเสีย!”
ต้วนเยี่ยแค่นเสียงหยัน กงจักรแปดดาราที่โจมตีออกไปหมุนกลับมาอยู่ในมือ แล้วเปลี่ยนทิศตัดไปทางมือซึ่งคว้ามาหาบ่าของเขา
“ฟิ้ว!”
ชายวัยกลางคนตกใจในความเร็วที่สูงนัก เก็บมือที่คว้าออกไปกลับมาตามสัญชาตญาณ แต่ยังคงรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายกระหายเลือดวาดผ่านหลังมือไป ความรู้สึกนั้นราวกับว่าหากเมื่อครู่เขาดึงมือกลับช้าไปสักนิด มือข้างนั้นต้องถูกตัดแน่
สมควรตาย! เจ้าหนูนี่เป็นเพียงระดับสร้างรากฐาน ทำไมความเร็วถึงมากปานนี้?
ชายวัยกลางคนไหนเลยจะรู้ ต้วนเยี่ยเป็นถึงลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ตั้งแต่เล็กเจออันตรายมานับไม่ถ้วนแล้ว ฝีมือและความเร็วล้วนเป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตและเอาตัวรอด แน่นอนว่าคงไม่ช้าไปถึงไหน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีความสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่ในแปดจักรวรรดิใหญ่ ถึงได้ฝึกบำเพ็ญวิชาลับบางอย่างที่คนนอกไม่รู้
“เฮือก! หนุ่มน้อยคนนั้นช่างว่องไวนัก!”
“ใช่ ประมือกับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังได้ เด็กหนุ่มคนนี้มาจากไหนกัน? ไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเล็กๆ แน่”
“เจอลูกชายตระกูลใหญ่ ไม่ได้รับมือง่ายเพียงนั้น หากพวกเขากล้าคร่าชีวิตหนุ่มน้อยที่นี่จริง เดาว่าตระกูลของเขาก็จะรู้เรื่องด้วย ข้าได้ยินว่าตระกูลสูงศักดิ์ไม่น้อยให้ลูกหลานออกไปฝึกวิชา พวกเขาจะคุ้มกันอยู่ในมุมมืด ขอแค่ไม่อันตรายถึงชีวิต ปกติจะไม่โผล่หน้า”
ได้ฟังคำพูดของคนรอบข้างพวกนั้น อีกทั้งเห็นความเร็วในการโจมตีรวมถึงท่าร่างแปลกๆ ของเด็กหนุ่ม ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังเหงื่อไหลซึมตรงหน้าผาก แขนก็ถูกกงจักรกรีดทำร้ายโดยไม่ทันระวัง
เมื่อเห็นว่าหากสู้ต่อไปที่นี่ แม้สู้ชนะก็เกรงว่าจะไม่ดี จึงกัดฟันถอยหลังไปโดยเร็ว มือหนึ่งลากจอมอันธพาลทะยานกลับไป ขณะเดียวกันยังทิ้งคำพูดไว้
“เจ้าหนู ครั้งหน้าอย่าให้ข้าเจอเจ้าเชียว!”
ต้วนเยี่ยยิ้มเยาะ ตะโกนเสียงสูง “ครั้งหน้าอย่าให้ข้าเจอพวกเจ้าอีกล่ะ มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะได้เห็นดีกัน!”
………………………………………………….