เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 945 ความโหดเหี้ยมของเด็กน้อย + ตอนที่ 946 หากเธอลงมือจะต้องเห็นเลือด
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 945 ความโหดเหี้ยมของเด็กน้อย + ตอนที่ 946 หากเธอลงมือจะต้องเห็นเลือด
ตอนที่ 945 ความโหดเหี้ยมของเด็กน้อย + ตอนที่ 946 หากเธอลงมือจะต้องเห็นเลือด
ตอนที่ 945 ความโหดเหี้ยมของเด็กน้อย
“อายุยังน้อยก็มีฝีมือและวรยุทธ์เช่นนี้ เด็กน้อย เจ้าเป็นคนจากตระกูลใดกัน?” ชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนนั้นถามพลางหรี่ตาจ้องต้วนเยี่ย
“ฮ่ะ!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำว่าเด็กน้อย ก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว มองต้วนเยี่ยที่โกรธจนหน้าแดง ใบหน้าเด็กน้อยอ่อนเยาว์ก็สมกับคำว่าเด็กน้อยจริงๆ
ต้วนเยี่ยถลึงมองเฟิ่งจิ่วอย่างฉุนเฉียว ขมวดคิ้วมองชายวัยกลางคนร่างอ้วนด้วยความเกรี้ยวกราด “ข้าเป็นปู่เจ้าอย่างไรล่ะ!” กล่าวจบก็จับกงจักรแปดดาราในมือโจมตีออกไป
เฟิ่งจิ่วยืนข้างๆ ไม่ขยับเขยื้อน ฝีมือต้วนเยี่ยไม่ได้อ่อนแอ เธออยากรู้ว่าขีดจำกัดของเขาอยู่ประมาณไหน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดคนนั้นไม่เหมือนจะลงมือง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่กังวลว่าเขาจะมีอันตรายถึงชีวิต
เป็นไปตามคาด เมื่อผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นเริ่มต้นคนข้างๆ เห็นต้วนเยี่ยจู่โจม ก็พลันลงมือโจมตีเขา ชิงขวางการโจมตีและเข้าประมือด้วย หากว่ากันเรื่องระดับพลังต้วนเยี่ยสู้ศัตรูไม่ได้ แต่ถ้าว่ากันเรื่องความเร็วและท่าร่าง เขากลับเหนือกว่าด้วยความอ่อนช้อย
เฟิ่งจิ่วมองไปเงียบๆ กลืนเมฆาก็อยู่ข้างกายพลางชมการต่อสู้ของสองคนนั้น กระแสลมรุนแรงในอากาศดังหวีดหวิว กลิ่นอายพลังวิญญาณที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าหลายสายพุ่งผ่านกลางอากาศ โจมตีไปยังศัตรู
“อึก!”
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนนั้นไม่มีอาวุธในมือ ถูกกงจักรแปดดาราในมือต้วนเยี่ยฟันทำร้าย บนไหล่พลันมีเลือดไหล เขาสูดหายใจถอยฝีเท้าไปเล็กน้อย
ชายหนุ่มคนข้างๆ กลับไม่กล้าเข้าไป เพราะลึกๆ รู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศัตรู พรวดพราดเข้าไปมีแต่จะเหมือนชายฉกรรจ์สิบกว่าคนนั้นที่โดนสังหาร และได้รับจุดจบเป็นความตาย
เขาสู้เจ้าเด็กหน้าอ่อนคนนั้นไม่ได้ แต่หนุ่มน้อยสวมชุดแดงเป็นเพียงระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ เขาจัดการไหว
เช่นนี้เอง เขาเห็นหนุ่มน้อยมองการต่อสู้ของสองคนนั้นอยู่ตลอด จึงขยับแขนเสื้อเล็กน้อย เลื่อนกริชออกมาจากข้างในและพลิกมาถือไว้ ร่างพุ่งเข้าไปโดยฉับพลัน พร้อมยกกริชขึ้นแทงไปทางหนุ่มน้อยชุดแดง
“เจ้าหนู ช่างมองนักนะ!”
เป็นใคร เฟิ่งจิ่วไม่แม้แต่จะมอง ไม่ได้หลบหลีกหรือลงมือ เพราะเมื่ออสูรกลืนเมฆาที่ยืนข้างเท้าเห็นชายคนนั้นถือกริชพุ่งมา ก็คำรามเบาๆ และกระโจนเข้าไปแล้ว
ร่างเล็กๆ ราวกับลูกหนัง สัตว์เลี้ยงที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยและไร้แรงต่อสู้ ยามนี้กลับเผยกรงเล็บแหลมคม ขณะที่ร่างพุ่งไปกรงเล็บแหลมก็ข่วนบนข้อมือที่ถือกริชไว้
“ฟิ้ว!”
สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจคือ เมื่อสัตว์เลี้ยงตัวเล็กเช่นนั้นพุ่งกระโจนเผยกรงเล็บข่วนลงไป ยังมีกลิ่นอายดุร้ายกระหายเลือด ความว่องไวถึงกับทำให้ชายระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณไม่ทันแม้แต่จะหลบเลี่ยง
“อั่ก อ๊าก! มือข้า…”
กริชหล่นลงพื้นเสียงดัง เลือดไหลออกมาจากข้อมือที่สั่นเทา เขาหน้าขาวซีด ก่อนจะยื่นมือไปกุมข้อมือที่เลือดไหลไว้ตามสัญชาตญาณ ยามมองรอยแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกได้บนข้อมืออันโชกเลือด เห็นกระดูกขาวโผล่มารางๆ เขาตกใจเสียจนหัวใจพลันเต้นแรง แล้วกรีดร้องเสียงหลง
“อ๊าก! มือข้า… มือข้า…”
เพราะความชุลมุนทางนี้ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่กำลังสู้กับต้วนเยี่ยจึงประมมาภใจลอยไปชั่วขณะ หน้าท้องถูกกงจักรแปดดาราที่แหลมคมฟันเป็นปากแผล ฝีเท้าซวนเซถอยหลังไป สีหน้าซีดเผือด กัดฟันแน่นอย่างไม่ยอมรับและไม่ยอมแพ้
ชั่วเวลานั้น รู้สึกเพียงว่ากลิ่นคาวเลือดที่เดิมทีแผ่ไปในอากาศยิ่งคละคลุ้งกว่าเดิม
………………………………………………….
ตอนที่ 946 หากเธอลงมือจะต้องเห็นเลือด
มือของชายวัยกลางคนร่างอ้วนที่กำลังลูบท้องชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาที่เล็กจนเหมือนเส้นรอยแยกจ้องมองสัตว์เลี้ยงตัวเล็กอ้วนกลม ในดวงตาฉายแววแปลกใจ
“นี่อสูรอะไรกัน?” เขาถามราวกับไม่เห็นว่าสองคนนั้นบาดเจ็บ เอาแต่จ้องมองสัตว์ตัวน้อยอย่างสนใจ คล้ายจะประหลาดใจมากกับการโจมตีดุดันที่มันปกป้องเจ้านายเมื่อครู่
เฟิ่งจิ่วไม่แม้แต่จะมองเขา สายตามองแต่ต้วนเยี่ย เมื่อเห็นเขากับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังประมือกัน บนร่างมีเพียงบาดแผลเล็กๆ ที่ถูกกระแสลมบาด ในดวงตาก็เผยความพอใจ
ไม่เลว ฝีมือไม่เลวเลยจริงๆ จัดการผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นเริ่มต้นได้สบาย แม้เป็นผู้ฝึกตนขั้นกลางก็ยังรักษาความได้เปรียบได้และไม่พ่ายแพ้ ฝีมือและการตอบสนองเช่นนี้ จะก้าวกระโดดได้รวดเร็วอย่างแน่นอน
อาจเพราะเห็นว่าเฟิ่งจิ่วไม่สนใจตนเอง ชายอ้วนวัยกลางคนจึงหรี่ตาลง แล้วหันไปมองยังต้วนเยี่ย เวลาต่อมาร่างร่างอ้วนก็ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง จู่โจมไปทางต้วนเยี่ย
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ แววตาวูบไหวเล็กน้อย เพียงมองโดยไม่ทำอะไร เห็นต้วนเยี่ยสู้คนคนนั้นไม่ได้และค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้อีกฝ่ายรูปร่างอ้วน การเคลื่อนไหวกลับไม่ได้เทอะทะ เทียบกับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนนั้นแล้ว พละกำลังของระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดคนนี้สูงกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านไปไม่ถึงสิบกระบวนท่า ต้วนเยี่ยก็เสียเปรียบโดยสมบูรณ์ เมื่อเห็นฝ่ามือศัตรูโจมตีไปยังหน้าอกเขาพร้อมด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง นัยน์ตาเฟิ่งจิ่วฉายประกายเย็นเยือก ร่างสีแดงพลันพุ่งออกไป
ต้วนเยี่ยเพียงรู้สึกว่ามีแรงหนึ่งคว้ามาจากข้างหลังอย่างกะทันหัน จับร่างของเขาไว้และลากไปด้านหลัง ก่อนจะส่งเขาออกไปไกลหลายจั้งเพื่อหลบหลีกการโจมตีที่เกือบถึงชีวิตนั้น
หัวใจเขาเต้นแรงเล็กน้อย สูดลมหายใจพลางเบิกตาโตมองร่างสีแดงนั้นพุ่งเข้าไปรับการโจมตีของผู้ฝึกตนวัยกลางคนร่างอ้วนตรงหน้า
“ระวัง!”
เขาร้องเสียงหลงอย่างกลั้นไม่ไหว ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าเฟิ่งจิ่วเป็นผู้ฝึกตนที่เพิ่งถึงระดับหลอมแก่นพลัง ไม่แน่กำลังต่อสู้อาจจะต่ำกว่าเขา แต่กลับตรงเข้าไปรับการโจมตีเช่นนั้น หากโดนฝ่ามือของคนคนนั้นโจมตีเข้า เกรงว่าแม้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บหนัก
สองฝ่ามือสะบัดออกไป สองกระแสลมพุ่งเข้าชนกัน แรงกดดันและกลิ่นอายที่ทรงพลังเหมือนต้องการเข้าประชัน ห้ำหั่นกันและกันคล้ายจะดูว่าใครแกร่งกว่า จนกระทั่งเกิดเสียงดังสนั่น กระแสลมกวาดออกไป ฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าม้วนตรงออกไปด้วยพลังอันท่วมท้น จากนั้นเข้าปะทะโดยพลันราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำในมหาสมุทร พุ่งชนผู้ฝึกตนวัยกลางคนร่างอ้วนออกไปไกลหลายจั้งทั้งอย่างนั้น
“อั่ก!”
เลือดสดกระอักออกจากปากเขา ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย ถึงขั้นถูกกระแสลมทรงพลังกระแทกออกไปและโซเซถอยหลังอย่างไม่อาจรักษาสมดุลให้ยืนมั่น
แต่เวลานี้เอง ในขณะที่เขายังตอบสนองไม่ทัน ก็เห็นเพียงร่างสีแดงนั้นทะยานมาทางเขาปานภูตผี ถึงกับเห็นได้จากในดวงตาที่ลึกล้ำและส่องประกายหนาวเหน็บนั้นว่า สองตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตะลึงและตื่นตระหนก…
“ฟิ้ว!”
กระแสอากาศรุนแรงพัดผ่าน เพียงเห็นแสงหนาวเย็นแวบผ่านไป เลือดสาดกระเซ็น ชายร่างอ้วนแข็งทื่อล้มลงไปด้านหลังด้วยเหตุนี้
“ตุบ!”
ไม่มีแม้แต่โอกาสจะร้องขอความเมตตา เฟิ่งจิ่วแค่ลงมือก็คร่าชีวิตเขาได้ในสามกระบวนท่า กำลังต่อสู้แกร่งกล้าที่น่าสะพรึงเช่นนี้ทำให้ต้วนเยี่ยที่อกสั่นขวัญแขวนแทนเขาอยู่ด้านหลังเบิกตาโตอย่างตกตะลึง เผยสีหน้าเหลือเชื่อ
เดิมเขายังนึกว่าเฟิ่งจิ่วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนคนนั้นด้วยซ้ำ…
………………………………………………….