เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 961 กล่าวขอโทษ + ตอนที่ 962 พิษลมกินกระดูก
ตอนที่ 961 กล่าวขอโทษ + ตอนที่ 962 พิษลมกินกระดูก
ตอนที่ 961 กล่าวขอโทษ
ดังนั้นทุกคนจึงบอกลากันไปทีละคน เจ้าเมืองส่งพวกเขากลับไปด้วยตนเอง รอจนแขกเหรื่อไปหมดแล้ว ถึงจะกลับไปข้างในและบอกฮูหยินตนเองว่า “ข้าไม่นึกว่าหลังหลางเอ๋อร์จำตัวตนของภูตหมอได้จะก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้น เจ้าว่าเรื่องนี้จะผ่านเลยไปจริงหรือ?”
“เดิมทีหลางเอ๋อร์ไม่น่ารู้จักภูตหมอถึงจะถูก ข้าว่าภูตหมอคงเป็นเพื่อนคุณชายต้วน ถึงได้มาที่นี่ด้วยกัน” ฮูหยินกล่าว คิดๆ แล้วจึงเอ่ยว่า “เรื่องนี้ให้พวกเขาไปจัดการกันเองเถอะ! จะยุ่งเรื่องพวกเขามากนักก็ไม่ได้”
“อืม จริงด้วย” เจ้าเมืองพยักหน้า จากนั้นกลับไปเรือนพร้อมกับฮูหยินโดยไม่พูดอะไรมากอีก
อีกด้านหนึ่ง ต้วนเยี่ยโอบหนิงหลางมาถึงในลานบ้าน ถามว่า “เจ้าอ้วน เจ้ารีดไถคนพวกนั้นมาคนละหนึ่งแสนชั่งจริงหรือ? อีกอย่างเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเฟิ่งจิ่วคือภูตหมอ? นึกไม่ถึงว่าจำได้แต่ไม่บอกข้าอีก? เป็นเพื่อนที่แย่เกินไปแล้ว”
หนิงหลางเกาๆ ศีรษะ เอ่ยด้วยหน้าเจื่อนๆ “เรื่องนี้ เจ้าก็รู้ว่าข้าชื่นชอบเงินตรา ขอเพียงมีโอกาสหาเงินก็ไม่คิดจะปล่อยไป ดังนั้น…” เขามองๆ ประตูเรือนที่ปิดสนิท และเอ่ยถามอย่างลังเล “เจ้าว่า ข้าเข้าไปขอโทษดีกว่าหรือไม่?”
“ขอโทษ? เหอะๆ”
ต้วนเยี่ยหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะตบๆ ไหล่ของสหาย “เจ้านี่นะ! ขายเฟิ่งจิ่วไปแล้ว ไม่ใช่แค่ขอโทษจะจบเรื่องได้ รีบกลับไปอาบน้ำนอนเถอะ! เขายังรอคำตอบจากเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ? คิดได้ค่อยมาบอกเขา เดาว่ายังมีประโยชน์กว่าคำขอโทษเสียอีก”
หนิงหลางได้ยินดังนี้ก็ขมวดคิ้วพยักหน้า “รู้แล้ว ข้าจะกลับไปคิดเสียหน่อย” กล่าวจบเดิมคิดจะหมุนตัวไป กลับเดินไปหน้าประตูเรือนที่ปิดสนิทแทน
“เฟิ่งจิ่ว ข้าขอโทษ เรื่องคืนนี้ข้าทำเกินไป ขอโทษด้วย เจ้าต้องให้อภัยข้าแน่”
สิ้นเสียง ยังไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านใน ดังนั้นเขาจึงหมุนตัวจากไป ครั้นกลับถึงภายในเรือนของตนเอง ก็คิดเรื่องที่จะไปเทือกเขาอเวจีหรือไม่อย่างละเอียด
เดิมทีที่เขารับปากจะให้คำตอบพรุ่งนี้เป็นเพียงการประวิงเวลา อยากให้เฟิ่งจิ่วอยู่ต่อสร้างข่าวอีกสักหน่อย ไม่นึกว่าสุดท้ายจะกลายเป็นเช่นนี้ ไม่ควรเลยจริงๆ ตอนนั้นคิดแต่จะให้คนส่งเทียบเชิญพวกนั้นไปด้วยราคาแสนเหรียญทอง กลับไม่เคยนึกถึงผลลัพธ์ตอนท้ายสุด
ต้วนเยี่ยมองหนิงหลางก้มหน้าเดินออกไป ผ่านไปสักพักก็เคาะประตูเรือนเฟิ่งจิ่ว พลางตะโกนว่า “เฟิ่งจิ่ว เจ้ายังไม่บอกข้าเลย เจ้าเป็นภูตหมอได้อย่างไร?”
ทว่าด้านในยังคงไม่มีเสียง เขาเห็นเช่นนี้จึงจะผลักประตู กลับพบว่าข้างในลงกลอนไว้ ต้องจำใจหยุดความคิดอย่างหมดหนทาง
“พรุ่งนี้ข้าต้องไปบ้านตระกูลเหอ เจ้าอย่ามารบกวนข้า รีบกลับไปพักผ่อนเสียเถอะ!” เสียงเฟิ่งจิ่วดังมาจากด้านใน และยังไม่เปิดประตู
“พรุ่งนี้ตอนไปบ้านตระกูลเหออย่าลืมเรียกข้าด้วย ข้าจะไปดูเสียหน่อย” เขากำชับแล้วถึงจะหันกายกลับไปห้องของตนเอง
คืนนี้ สำหรับบางคนเป็นคืนที่นอนไม่หลับ แต่สำหรับเฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยแล้ว เพียงพักผ่อนสักพักกลับหลับลึกไปภายใต้ฤทธิ์สุรา
เช้าตรู่วันต่อมา แสงอาทิตย์อบอุ่นสาดส่องลงบนพื้นกว้าง แสงอ่อนๆ ส่องทะลุใบไม้ทแยงลงพื้นเป็นเงาดำ สายลมเย็นพัดผ่านไป ใบไม้ที่พลิ้วไหวลอยล่องจากกิ่งไม้ร่วงลงบนพื้นลานบ้าน…
ภายในเรือนยังคงเงียบสงัด ยามนี้สองคนในห้องปีกของเรือนยังหลับสนิท แม้แต่เฟิ่งจิ่วยังเหมือนจะลืมเรื่องที่วันนี้ตนเองต้องไปจวนตระกูลเหอ กระทั่งเมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เป็นปลายยามเฉินแล้ว
………………………………………………….
ตอนที่ 962 พิษลมกินกระดูก
เวลาเดียวกันนี้ ผู้นำตระกูลเหอที่มารอในจวนเจ้าเมืองตั้งแต่เช้ากลับไม่กล้ารบกวนภูตหมอ ได้แต่อยู่ข้างนอกรอเธอตื่นขึ้นมาเอง
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามเฟิ่งจิ่วถึงจะตื่น นึกได้ว่าวันนี้ต้องไปช่วยรักษาคุณชายตระกูลเหอยังบ้านตระกูลเหอ ด้วยเหตุนี้จึงลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน ไม่นานนักก็ออกจากเรือนไปตะโกนเรียกต้วนเยี่ย สั่งให้คนยกอาหารเช้าเข้ามา แล้วกินไปพลางรอต้วนเยี่ย
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม สองคนที่กินอาหารเสร็จถึงจะไปด้านหน้า ยามมาถึงเรือนด้านหน้าก็เห็นผู้นำตระกูลเหอปรี่เข้ามารับ
“ภูตหมอ”
“ขออภัยด้วย ข้าตื่นสาย” เธอกล่าวอย่างขออภัย
“ไม่เป็นไรๆ ข้าก็มาเช้าไป” ผู้นำตระกูลเหอรีบเอ่ย มองหนุ่มน้อยชุดแดงตรงหน้า กล่าวด้วยความเคารพ “ภูตหมอ รถม้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ภูตหมอกับคุณชายต้วนไปขึ้นรถม้าเถอะ!”
“ขอรับ” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก่อนจะเดินออกไปพร้อมเขา
สองคนขึ้นรถม้าคันหรูหราไป ส่วนผู้นำตระกูลเหอก็ขี่ม้านำทางด้านหน้าด้วยตัวเอง เหล่าคนที่ไม่รู้เรื่องเห็นภาพเช่นนี้ก็พากันแปลกใจเล็กน้อย และแอบสอบถามกัน
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามก็มาถึงจวนตระกูลเหอ ฮูหยินเหอพาคนมาคอยหน้าประตูตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว เห็นพวกเขามาถึงจึงรีบเข้าไปต้อนรับ หลังจากคารวะก็เชิญพวกเขาเข้าไปด้านใน
“ภูตหมอ นี่คือเรือนของหงเอ๋อร์ เพราะขาเดินไม่สะดวกและลงจากเตียงไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ออกมาต้อนรับ ขอภูตหมออย่าได้ถือโทษเลย” ผู้นำตระกูลเหอเอ่ยปาก
“ไม่หรอกขอรับ” เฟิ่งจิ่วส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วสาวก้าวเดินเข้าไปข้างใน
เพียงเข้าไปข้างใน กลิ่นยาก็พุ่งเข้าจมูก ในอากาศมีกลิ่นอายความตายแผ่กระจาย ไม่ต้องดูก็รู้ว่าคนคนนี้ป่วยจนใกล้ตายแล้ว
“เปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมดออกระบายอากาศ” เธอเอ่ยเปรย
ฮูหยินเหอได้ยินคำพูดนี้ จึงเร่งสั่งคนเปิดประตูหน้าต่าง ก่อนจะมาที่ข้างเตียงด้านในพร้อมเฟิ่งจิ่ว “หงเอ๋อร์ ท่านนี้คือภูตหมอ คุณชายเฟิ่ง คารวะคุณชายเฟิ่งเร็วเข้า”
“คารวะคุณชายเฟิ่ง ข้าลงจากเตียงไปคารวะไม่ได้ คุณชายเฟิ่งโปรดอย่าถือโทษกัน”
สายตาของเฟิ่งจิ่วหยุดลงบนร่างชายที่นอนบนเตียง เขาอายุประมาณยี่สิบห้า ใบหน้าซูบผอมและขาวซีด พูดจาทั้งอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง สิ่งที่ตรงข้ามกับสีหน้าซีดเซียวคือริมฝีปากแดงฉานดุจไฟ
เธอเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าจะลองดูขาของเจ้าแล้วกัน”
ผู้นำตระกูลเหอได้ยินเช่นนี้ก็เข้าไปเปิดผ้าห่มบนร่างลูกชาย ร่างใต้ผ้าห่มสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวสั้นๆ ขาสองข้างบวมเสียจนน่าตกใจ ผิวพรรณสีดำมีสีแดงปะปนอยู่
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย เข้าไปหนึ่งก้าวและยื่นมือตรวจอุณหภูมิตรงขา เป็นไปตามคาด เพียงแตะก็ร้อนรุ่มดั่งไฟ เธอขมวดคิ้วมองขาสองข้างของเขา ครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วบอกว่า “เปิดเสื้อท่อนบนของเขาออก”
“ได้ขอรับๆ” ผู้นำตระกูลเหอรีบขานรับ พร้อมเปิดเสื้อท่อนบนของลูกชาย จากนั้นค่อยมองยังเฟิ่งจิ่ว ทว่าไม่กล้ารบกวนเขา แม้ร้อนใจก็ยังทำแค่มองไปเงียบๆ
เฟิ่งจิ่วดูตรงหน้าท้องของเขาและกดลงไป เห็นใบหน้าชายหนุ่มเผยความเจ็บปวดก็เก็บมือกลับมา กล่าวว่า “พิษไฟลามขึ้นไปแล้ว ยามนี้พิษในอวัยวะภายในกระจายไปทั่ว หากรักษาไม่ได้ในสามวัน จำต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
ฮูหยินเหอเพียงได้ยินก็ร้องไห้อ้อนวอนทั้งสองขาอ่อนระทวย “ขอภูตหมอช่วยลูกชายเราด้วย ขอร้องภูตหมอ ข้ามีลูกชายคนนี้คนเดียว…”
“วางใจเถอะ มีข้าอยู่จะไม่เป็นอะไร” เธอปลอบใจ แล้วบอกผู้นำตระกูลเหอว่า “ผู้นำตระกูลเหอตามข้าออกมาเถอะ! ข้าต้องการยาบางอย่าง ท่านต้องช่วยข้าหามาโดยเร็ว”
………………………………………………….
Ink Stone_Romance
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Romance
มีข่าวมาฝากจาก Fictionlog จ้า PROMOTION แรงสุด คุ้มสุด เพียงเติมเงินผ่าน ShopeePay เฉพาะเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น ️ดูรายละ เอียดโปรเพิ่มเติมได้ทางFacebook/Twitter : fictionlog