เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 975 สำนึกตนในกรงขัง + ตอนที่ 976 ไม่มีสิทธิ์รู้
ตอนที่ 975 สำนึกตนในกรงขัง + ตอนที่ 976 ไม่มีสิทธิ์รู้
ตอนที่ 975 สำนึกตนในกรงขัง
ภายในกรงขังที่มีเพียงห้องเล็กๆ ชายฉกรรจ์ดุร้ายน่ากลัวสิบเอ็ดคนบ้างย่อบ้างนั่ง คนพวกนี้แขนเปลือยเปล่า ท่อนล่างสวมแค่กางเกงขาสั้น กล้ามเนื้อตรงแขนและหน้าท้องกำยำสมบูรณ์ รอยแผลบนร่างขีดไขว้กากบาด แต่ละคนราวกับปีศาจกระหายเลือด ยามนี้พวกเขากำลังจ้องพินิจมองหนิงหลางด้วยดวงตาเผยความชั่วร้าย
หนิงหลางที่เดิมทียังโวยวายด่าลั่นเพียงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ก็ถอยเข้ามุมไปทันที พร้อมมองพวกเขาอย่างระแวดระวัง
ชายฉกรรจ์ที่นั่งพิงตรงกลางเชิดคางขึ้น ให้สัญญาณชายฉกรรจ์อายุยี่สิบสามสิบสองฝั่งซ้ายขวาลุกขึ้นมา กำหมัดบิดคอเข้าประชิดทีละก้าวๆ
“พะ พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?” หนิงหลางถอยหลังไป กลับพบว่าไม่มีที่ให้ถอยอีกแล้ว
“ทำอะไร? เข้ามาที่นี่แน่นอนว่าต้องสั่งสอนกฎระเบียบแก่เจ้าเสียหน่อย” หนึ่งคนในนั้นแค่นเสียงเย็น
สองร่างย่างเก้าเข้าไป คว้าไหล่ของหนิงหลางไว้หนึ่งคนซ้ายอีกคนขวา บิดแขนไปข้างหลังและผลักเขาไปด้านหน้า
“พวกเจ้าอย่าทำอะไรซี้ซั้ว ข้ามีเงิน ข้ามีเงินให้พวกเจ้าได้” เขารีบร้อนเอ่ย
“เงิน? ฮ่าๆๆ ช่างน่าขันเสียจริง พวกเราได้เงินไปจะมีประโยชน์อะไร?” คนคนนั้นหัวเราะลั่น กำหมัดเหวี่ยงออกไปชกลงหน้าท้องของหนิงหลางอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว เข้าไปใกล้ๆ ข้างหูของเขา “เจ้าอ้วน ให้ปู่เจ้าสั่งสอนเจ้าเสียหน่อย ในสถานที่นี้เงินไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเรา รู้หรือไม่? ขอแค่กำลังต่อสู้แข็งแกร่ง แม้อยู่ในกรงขังยังเป็นพี่ใหญ่”
“ผัวะ!”
ระหว่างพูดยังชกไปอีกหมัด เขาซ้อมหนิงหลางเป็นเช่นกระสอบทราย แรงแต่ละหมัดแฝงด้วยพลังลึกลับ เสียงผัวะดังขึ้นภายในกรงขังพร้อมเสียงร้องเจ็บปวดและอู้อี้ของหนิงหลาง ดังลอยไปรอบๆ
เพียงแต่เรื่องเช่นนี้ปกติเกินไปสำหรับในนี้ จึงไม่มีใครสนใจเลย พวกเขาเพียงชมการแสดง ถึงอย่างไรคนที่โดนซ้อนก็ไม่ใช่พวกเขา
“อ๊าก… อย่าชกข้าเลย…”
สีหน้าเขาแดงก่ำ มุมปากมีรอยเลือด เพราะโดนลากชนเข้าลูกกรงจึงมีรอยฟกช้ำสองสามจุดบนหน้า ความเจ็บปวดตามร่างกายทำให้เขาโค้งงอตัวเข้าด้วยกัน คนในนี้ไม่ใช่ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณก็เป็นยอดปรมาจารย์นักรบ หรือเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน ตอนนี้พลังวิญญาณยังไม่มี ต่อให้มีด้วยตัวเขาคนเดียวก็สู้คนมากเพียงนี้ไม่ไหว!
ที่ผ่านมาไม่ว่าอยู่ที่ไหนๆ ล้วนไม่มีใครกล้าซ้อมเขาเช่นนี้ วันนี้ถูกคนพวกนี้จับมาขายที่นี่ ซ้ำยังโดนซ้อม ในใจมีทั้งความโกรธเคืองและเศร้าใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่ตระหนักได้ว่า ออกจากบ้านมาข้างกายไม่มีคนคุ้มกัน พละกำลังของเขายังปกป้องตนเองไม่ได้เลย อย่างที่คนพวกนี้ว่า ถูกขังในสถานที่เช่นนี้ได้เงินไปก็เปล่าประโยชน์ ในใจรู้สึกไม่มั่นคงเป็นครั้งแรกในชีวิต
เขาขดตัวบนพื้นพยายามคุ้มศีรษะ พร้อมกัดฟันแน่นไม่ร้องขอความเมตตา
ตรงมุมมืดเฟิ่งจิ่วมองภาพเช่นนี้ไปเงียบๆ เห็นเขากอดศีรษะงอตัวบนพื้นราวกับสัตว์น้อย เห็นทั้งความโกรธเคืองและเสียใจในดวงตาของเขา รวมถึงความสับสนที่ปรากฏ
เธอไม่ได้ออกหน้าหรือห้ามปราม เพราะคนพวกนั้นทำร้ายเพียงผิวภายนอก คงไม่ถึงกับชีวิต สิ่งที่เธอต้องการคือสั่งสอนและตักเตือนเขา ให้เขาเข้าใจว่าทำไมตนเองถึงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
เทียบกับการให้เขาไปพบเจออันตรายหรือเผชิญหน้าความตายและขอให้คนช่วย ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ฝากฝังชีวิตให้คนคนนั้น ไม่สู้เข้าใจด้วยตนเองในตอนนี้ ว่าคนที่ช่วยเขาได้เสมอมีเพียงตนเอง
………………………………………………….
ตอนที่ 976 ไม่มีสิทธิ์รู้
เธอเก็บสายตากลับ หมุนตัวเดินไปหาผู้ดูแลในตลาดใต้ดินอีกด้านหนึ่ง ถามว่า “เจ้าเป็นคนดูแลที่นี่หรือ?”
ผู้ดูแลกำลังดื่มชา จู่ๆ ได้ยินเสียงนี้ก็เงยหน้ามอง เห็นหนุ่มน้อยรูปโฉมงดงามท่าทางไม่ธรรมดา ถึงจะวางถ้วยชาในมือลงยิ้มถามว่า “ข้าเป็นคนดูแลสินค้าที่นี่ทั้งหมด คุณชายจะซื้อข้ารับใช้สักสองสามคนใช่หรือไม่? ต้องการแบบไหนเล่า? ข้าให้คนมาแนะนำคุณชายเสียหน่อยยังได้”
เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้าเด็กอ้วนที่ส่งมาเมื่อครู่ คอยดูให้มากๆ หน่อย อย่าให้ตายหรือพิการ”
ผู้ดูแลได้ยินคำพูดนี้ก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไป พินิจมองเขาหัวจรดเท้า ถามว่า “คุณชายหมายความว่าอย่างไร?”
“ฟังไม่เข้าใจหรือ? เขาเป็นคนของข้า ต้องยืมมือเจ้าสั่งสอนเขา แต่อย่าให้ตายหรือพิการ รอบนี้ฟังเข้าใจหรือยัง?”
“เหอะๆๆ คุณชายตลกจริงๆ สินค้าพวกเราที่นี่ล้วนใช้เงินซื้อกลับมา เมื่อครู่ซื้อเจ้าอ้วนมาคนหนึ่งไม่ผิด บอกว่าเขาเป็นคนของคุณชายได้อย่างไร? อีกอย่างพวกเราเก็บเจ้าอ้วนไว้ยังมีประโยชน์นัก ซื้อกลับมาสามร้อยเหรียญเงิน ขายออกไปไม่ใช่แค่สามร้อยเหรียญเงิน”
เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปาก “เจ้าไม่ใช่คนตัดสินใจในนี้ ไปเสีย! เรียกหัวหน้าพวกเจ้าออกมา”
เขาได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่พอใจ สีหน้ายิ่งคร่ำเครียดลง “เจ้าบ้ามาจากไหนกัน? ไม่ดูเสียหน่อยเล่าว่าที่นี่คือที่ไหน ถึงกล้ามาสร้างปัญหาที่นี่? เรียกคนมานี่ซิ! โยนเขาออกไป!”
“ออกไป!”
ผู้ฝึกตนสี่คนล้อมเข้ามา หนึ่งคนในนั้นก้าวเข้าไปคิดจะดึงคอเสื้อลากเฟิ่งจิ่วออกไป ใครจะนึกว่าหนุ่มน้อยเงยหน้าอย่างเกียจคร้าน แววตาเย็นเยียบแฝงด้วยแรงกดดันโจมตีไป ท่าทางและแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งพลันกระจายออกไป ทำให้ผู้ฝึกตนคนนั้นเพียงรู้สึกว่าไอสังหารจู่โจมมา สั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บและหวาดกลัวตั้งแต่เท้าพุ่งขึ้นไปถึงกลางใจ ระหว่างที่การโจมตีและแรงกดดันอันรุนแรงทำให้เขาตื่นตกใจ หน้าผากยังเหงื่อไหล สองขาอ่อนยวบทรุดนั่งลงไปเสียงดัง
คนที่นี่ล้วนเป็นผู้ฝึกตน ในนั้นยังมีผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานสองคน แม้แต่ผู้ดูแลก็เป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง เห็นแรงกดดันที่เด็กหนุ่มชุดแดงปล่อยออกมา พวกเขาก็ตื่นตระหนกเป็นที่สุด ในดวงตามีทั้งความตกใจและตะลึง
หนุ่มน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ด ทำไมถึงมีแรงกดดันและท่าทางน่ากลัวเช่นนั้น? เด็กหนุ่มคนนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่?
“จะ เจ้าเป็นใครกันแน่?” ผู้ดูแลรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาก็ไม่กล้าเข้าปะทะ ได้แต่เอ่ยถามเสียงสั่นเครือ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังยังไม่น่ากลัว
แต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังอายุสิบหกสิบเจ็ดกลับน่ากลัวยิ่งกว่า ต้องมีพรสวรรค์เช่นไรถึงจะฝึกบำเพ็ญถึงวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นตั้งแต่อายุสิบหกสิบเจ็ดได้?
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาอย่างเฉื่อยชา น้ำเสียงที่เฉยชามีความเย็นเยียบ “เจ้าไม่มีสิทธิ์รู้”
หากเมื่อครู่ได้ยินคำพูดนี้ ผู้ดูแลต้องด่าทอแน่ๆ แต่ยามนี้เห็นเขาทำให้ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานสองขาอ่อนแรงทรุกนั่งบนพื้นโดยไม่แม้แต่จะลงมือ ก็ไม่กล้าละเลยหรือไม่พอใจแล้ว
โลกก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเปิดเผยพลังที่แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพและนับถือจากคนอื่นๆ แน่นอน ส่วนคนอ่อนแอ ใครก็ไม่เห็นในสายตา
“คุณชายท่านนี้เชิญด้านใน ข้าจะไปเชิญหัวหน้าพวกเรามาขอรับ” ผู้ดูแลเช็ดๆ เหงื่อ พร้อมโค้งเอวนำทางไปข้างๆ พาเฟิ่งจิ่วเดินไปยังห้องประชุมด้านใน
………………………………………………….