เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 987 ฮูหยินรอง + ตอนที่ 988 แววตาเย็นเยียบ
ตอนที่ 987 ฮูหยินรอง + ตอนที่ 988 แววตาเย็นเยียบ
ตอนที่ 987 ฮูหยินรอง
แต่คนชั้นล่างเดาผิดไป หลังจากเด็กหนุ่มคนนั้นกลับบ้านก็ไปร้องทุกข์จริงๆ เพียงแต่ผู้นำตระกูลซ่งกำลังปวดหัวเรื่องของซ่งหมิง ลูกชายคนโต ไม่ได้สนใจลูกชายคนเล็ก ด้วยเหตุนี้หลังจากได้ยินคำพูดทหารอารักขา เพียงกำชับว่าอย่าก่อเรื่อง และไม่ว่าอะไรอีก
ภายในเรือนตะวันตก หญิงงามคนหนึ่งกำลังดูเครื่องประดับผมที่ส่งมาจากร้านเครื่องประดับ หยิบสร้อยคอเส้นหนึ่งสั่งสาวใช้สวมให้ แล้วมองผลลัพธ์ ก็ได้ยินเสียงเตะข้าวของและด่าทอลอยมาจากข้างนอก
“ไปดูหน่อยว่าเกิดเรื่องอะไร” หญิงงามเอ่ยเสียงเนิบๆ น้ำเสียงนางอ่อนโยนราวกับโฉมงามที่อบอุ่นและนุ่มนวล รูปโฉมเรือนร่างก็เป็นเช่นนี้จริงๆ แม้อายุสามสิบกว่าแล้ว ก็ยังดูเป็นเช่นหญิงสาวอายุแค่ยี่สิบกว่า
หญิงงามคนนี้ ก็คือฮูหยินรองของตระกูลซ่ง
“ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายสามอารมณ์เสียอยู่ข้างนอก ไม่ทราบว่าโดนใครซ้อมมา ใบหน้าล้วนบาดเจ็บ ข้าน้อยจะทายาให้ก็ไม่ยอม”
“โดนคนซ้อม?”
ฮูหยินรองตกใจ วางเครื่องประดับในมือลงและลุกขึ้นเดินออกไป มาถึงในลานบ้านเห็นใบหน้าลูกชายบ้างช้ำบ้างม่วง ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปอย่างปวดใจ “ใครกันใจกล้าเพียงนี้? ซ้อมเจ้ากลายเป็นเช่นนี้? เร็ว ไปหยิบยามาทาให้คุณชายสาม”
“ข้าไม่ต้องการ!” เขาผลักฮูหยินรองออกไป เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ข้าไม่ทายา!”
“บาดเจ็บต้องทายา จะไม่ทายาได้อย่างไรเล่า? อย่าโมโหไปเลย เร็ว แม่จะทาให้” นางมองลูกชายอย่างทุกข์ใจ ก่อนจะรับยาที่สาวใช่ยื่นมาให้จะไปทาให้เขา
“ข้าไม่ทา! ไม่ทา!” เขาผลักอย่างโมโห ทำให้ยาในมือฮูหยินรองตกไปแตกบนพื้น
ฮูหยินรองเห็นเช่นนี้ ใบหน้านุ่มนวลเผยความกังวลใจ ถามว่า “เช่นนั้นบอกแม่มาหน่อย ใครเป็นคนซ้อมเจ้า? คงไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่ลากเจ้าไปซ้อมยังลานฝึกประลองจนกลายเป็นเช่นนี้กระมัง?”
“ไม่ใช่เขาขอรับ! เป็นเจ้าเด็กสองคน พวกเขาซ้อมข้า ซ้ำยังให้ข้าควักเงินชดใช้ให้โรงเตี๊ยม แค้นนี้ข้ากลืนไม่ลง แต่ท่านพ่อบอกว่ากำลังยุ่งเรื่องพี่ใหญ่ ไม่ให้ข้าไปก่อเรื่อง และไม่ออกหน้าให้ข้าด้วย” เขากล่าวอย่างเคียดแค้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ยอม
แม้พ่อจะเอ็นดูเขา ก็เทียบพี่ใหญ่ไม่ได้ ตลอดมาเรื่องของเขาล้วนสำคัญไม่เท่าเรื่องของพี่ใหญ่ เพราะตนเองเป็นลูกเมียรอง เพราะแม่ของเขาไม่ใช่ฮูหยินใหญ่ตระกูลซ่ง
ฮูหยินรองได้ยินเช่นนี้ ดวงตาแวววาวเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า “ในเมื่อพ่อเจ้าพูดเช่นนี้ เจ้าไม่ต้องไปคิดเรื่องนี้อีก จะได้ไม่ทำให้พ่อเจ้าไม่สบายใจ”
“วันๆ พี่ใหญ่ก่อเรื่องข้างนอก ไหนเลยท่านพ่อจะเคยว่าอะไรเขา? หากเปลี่ยนเป็นพี่ใหญ่โดนคนรังแก ท่านพ่อต้องออกหน้าช่วยเขาแน่” เขาเอ่ยอย่างไม่พอใจ กำหมัดแน่นเดินไป ในใจยิ่งคิดยิ่งยากจะปล่อยวาง
“เจ้าอย่าเอาแต่คิดเทียบพี่ใหญ่เจ้าเลย พี่ใหญ่เป็นสายเลือดโดยตรง พ่อเจ้าให้ความสำคัญต้องมีเหตุผล คำพูดเหล่านี้พูดที่นี่เป็นพอ อย่าไปพูดให้ใครได้ยินข้างนอก มิเช่นนั้นพ่อกับพี่ใหญ่เจ้ารู้จะไม่พอใจ”
นางลูบๆ มือของเขา บอกว่า “เอาล่ะ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ! ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก”
“แต่…”
“ไปเถอะ!” นางให้สัญญาณ สั่งสองคนส่งเขากลับเรือน หลังจากรอเขาไปก็นั่งในเรือนทั้งดวงตาสดใสฉายประกาย กล่าวว่า “เรียกทหารอารักขาที่ตามคุณชายสามออกไปวันนี้มา”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ขานรับ ก่อนจะออกไปเรียกคน
เวลาช่วงค่ำ เมื่อท้องฟ้ากำลังมืดสนิท ร่างสีดำทั้งสองพุ่งผ่านไปจากหลังคา และร่อนลงบนหลังคาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งอย่างเงียบเชียบ…
………………………………………………….
ตอนที่ 988 แววตาเย็นเยียบ
ฝีเท้าเบาๆ พุ่งไปบนหลังคาโรงเตี๊ยม ภายในห้องมืดสนิท เฟิ่งจิ่วที่หลับสนิทบนเตียงหลังจากได้ยินการเคลื่อนไหวบนหลังคาก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสดใสแพรวพราวดุจดวงดาวในยามค่ำคืน
อสูรกลืนเมฆาที่หมอบตรงประตูห้องลุกขึ้นตัวตรง เดินไปตรงเตียงมองนายท่านที่ตื่นมาแล้ว
เฟิ่งจิ่วเพียงโบกมือเบาๆ ให้สัญญาณมันหมอบลงไป มันจึงหมอบกลับลงพื้นและหลับตา
เธอไม่ได้ลุกขึ้นแต่หลับตาเงี่ยหูฟัง จะดูเสียหน่อยว่าการระวังตัวของต้วนเยี่ยกับหนิงหลางเป็นอย่างไร เจ้าหนูสองคนกลางวันซ้อมคน กลางคืนจะนอนเป็นตาย? หรือยังคงระวังตัว?
สองห้องนอกนั้น เมื่อมีคนร่อนลงบนหลังคาต้วนเยี่ยกับหนิงหลางบนเตียงต่างตื่นขึ้นมา ต้วนเยี่ยเดิมทีก็ระวังตัว ส่วนหนิงหลางลำบากไปครั้งหนึ่งก็ไม่กล้าไม่ระวัง
การเคลื่อนไหวเบามาก หนำซ้ำยังเก็บซ่อนกลิ่นอายได้ดียิ่ง ชัดเจนว่าผู้มาใหม่ไม่ผู้มีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน แต่เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง
คนตระกูลซ่งส่งมาหรือ? ลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ กลางวันพวกเขาซ้อมคนของตระกูลซ่ง คืนนี้ก็มาจัดการพวกเขา แม้เป็นคนโง่ยังรู้ว่าเป็นฝีมือคนตระกูลซ่ง แต่มาอย่างโจ่งแจ้งก็เป็นเรื่องหนึ่ง แอบมาเช่นนี้ถือว่าประเมินกันต่ำไปจริงๆ
ทว่าพวกเขาหลับตานอนบนเตียงเงียบๆ กลับพบว่าผ่านไปสักพักยังไม่เคลื่อนไหว ก็รู้สึกแปลกอย่างอดไม่ได้ หรือว่าไม่ใช่คนตระกูลซ่ง?
ขณะกำลังคิดก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ลอยมา ได้กลิ่นหอมนั้นสองคนแอบร้องว่าแย่ในใจ เมื่อคิดจะกระโดดขึ้นมา เบื้องหน้ากลับดำมืดและหมดสติไป
ระหว่างที่สองคนหมดสติไป ร่างหนึ่งก็เข้ามาจากนอกประตู ใช้เข็มแต้มยาฝังลงบนแขนของเขา จากนั้นค่อยออกไป
ภายในอีกห้องหนึ่ง เฟิ่งจิ่วได้ยินการเคลื่อนไหว ผ่านไปเนิ่นนานไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ กระทั่งเมื่อกลิ่นจางๆ กระจายไปในห้อง ในใจเธอสั่นไหวเล็กน้อย ใช้ดวงจิตสั่งอสูรกลืนเมฆาให้แสร้งเป็นสัตว์เลี้ยงไร้กำลังต่อสู้อย่างว่าง่าย เมื่อเห็นโอกาสค่อยจัดการ
ไม่นานนักก็ได้ยินว่าประตู้หองถูกเปิดออกจากข้างนอก สองร่างสีดำเดินเข้ามา หนึ่งคนในนั้นอุ้มอสูรกลืนเมฆาที่หมอบบนพื้นขึ้น ส่วนอีกคนเข้าไป เมื่อเข็มแต้มยาที่ถือไว้ในมือกำลังคิดจะฝังลงไป เฟิ่งจิ่วบนเตียงพลันลืมตาขึ้น ยื่นมือไปคว้าไว้และหักลง
“กร๊อบ!”
“อ๊าก!”
เสียงกระดูกหักดังขึ้นในห้องที่มืดสนิท เสียงร้องเจ็บปวดของผู้ฝึกตนคนนั้นเพิ่งเปล่งไปก็หยุดลงกะทันหัน เหมือนเสียงจุกในลำคอเปล่งออกมาไม่ได้ เพียงรู้สึกว่ามีเข็มฝังเข้าร่างกาย ทันใดนั้นร่างกายก็ล้มลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
ภาพที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้คนชุดดำอีกคนที่อุ้มอสูรน้อยไว้ตกใจ ขณะกำลังเตรียมจะถอยไปอย่างรวดเร็ว อสูรน้อยไร้กำลังต่อสู้ที่ถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนพลันคำรามเบาๆ ประกายแสงบนร่างวาววับ สัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ กลายเป็นสัตว์เทวะที่ทรงพลังรูปร่างใหญ่โต เหยียบอุ้งเท้าลงกดผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่ตกตะลึงไว้เบื้องล่างไม่มีทางขยับเขยื้อน
“อั่ก! เจ้า…”
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่โดนอสูรกลืนเมฆาที่คืนสู่ร่างเดิมกดไว้บนพื้นสูดลมหายใจ เมื่อมองเฟิ่งจิ่วกับสัตว์เทวะตนนั้นพลางร้องอุทานอย่างตกใจ ขระเดียวกันเสียงยังหยุดลง หลังจากการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นปุบปับก็กลับสู่ความสงบ ราวกับการเคลื่อนไหวเมื่อครู่เป็นภาพลวงตา
ในมือเฟิ่งจิ่วถือเข็มเล่มนั้น จุดโคมไฟในห้อง ก่อนจะมองประกายสีดำสนิทที่ปรากฏบนเข็ม ในดวงตาฉายแววเย็นเยียบ
………………………………………………….